ไม่รู้เพราะหัวใจเปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้วหรือเปล่า ถึงทำให้ "โบวี่ อัฐมา" สวยใสออร่าจับขึ้นขนาดนี้! ล่าสุดเจ้าตัวยอมให้เปิดใจล้วงลึกในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ไขทุกข้อข้องใจว่าหนุ่มปริศนาที่ "มือลั่น" ลงอินสตาแกรมเป็นใคร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "แมน การิน - เกล รดา" เปิดใจทั้งน้ำตาถึงวินาทีแรกที่รู้ว่าท้อง หลังพยายามมากว่า 2 ปี
- "เสนาหอย" ย้ำชัดอีกครั้ง! หลังโดนเมาท์ไม่เลิก จะทิ้งวงการไปเอาดีด้านการเกษตรแบบเต็มตัว
- ไม่ได้แต่งงานฟ้าแลบ! "ได๋ ไดอาน่า" แต่งแน่ปีนี้ พร้อมมีลูกทันที
- ล้วงหัวใจ Top 5 มิสยูนิเวิร์ส 2019 "ฟ้าใส ปวีณสุดา" เผยชีวิตนี้ไม่เคยมีความรัก!!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
โบวี่ อัฐมา : อย่าใช้คำว่าเปิดตัวเลย ใช้คำว่ามือลั่น (หัวเราะ) เราคุยกับคนนี้มา 2 ปีแล้ว ไม่เคยคิดจะลงรูปเลย ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง ลืมนึกถึงการโพสต์รูปเลย แต่วันนั้นเราไปเที่ยวทะเลกัน แล้วเพื่อนถ่ายรูปนี้ให้ เรารู้สึกว่าทำไมรูปนี้น่ารักจังเลย เราเลยอยากโพสต์เก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็เลยลง แต่เราก็ไม่ได้แท็กเขา ไม่ได้เปิดวาร์ปเขา แล้วอีกอย่างไม่ค่อยเห็นหน้าเขาด้วย
ถาม เมื่อก่อนถ้าโบวี่คบใคร 2 เดือนรู้กันแล้วนะ
โบวี่ อัฐมา : หนึ่งเดือนด้วยซ้ำ (หัวเราะ) สมัยเด็กเนอะ เราคบใคร เราก็เปิดทุกคน ใครมาถามก็บอก แต่เพราะว่าเราโตด้วยตอนนี้ เมื่อตอนนั้นเราเป็นแบบนั้นมาตลอด เราไม่ปิดเลย เปิดเผยมาก อย่างบางทีเราคุยกับใคร ยังไม่ได้เป็นแฟนด้วยซ้ำ บางทีเขามาจีบแล้วเราก็คุย เราไม่ได้คิดเยอะอะไร แล้วก็มีคนรู้เรื่อง แต่บางคนคุยไปคุยมา 7 เดือนก็เลิก ก็เป็นแบบนี้มาตลอด เราก็รู้จังเบื่อจัง
โบวี่ อัฐมา : แต่สำหรับคนนี้ เขาไม่ได้เป็นคนในวงการ เป็นคนนอกที่ห่างไกลวงการไปเลย เขาก็เป็นบุคคลธรรมดา ที่บ้านของเขามีห้องให้เช่า ไม่ได้เป็นถึงเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ใหญ่โตอะไร แต่เขาเป็นคนที่ทำหลายอย่าง
ถาม โบวี่เป็นคนที่เปิดเผยมาตลอด สำหรับคนนี้ที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวอาถรรพ์จะทำให้เลิกกันไหม
โบวี่ อัฐมา : ไม่เคยคิดเรื่องกลัวเลิก แต่ว่ามีความสุขดีที่อยู่แบบนี้ ไม่ต้องมีใครรู้จักเขา และเราก็ไม่ได้มีการตกลงอะไรในเรื่องของการโพสต์รูป เพราะเขาก็ไม่ได้โพสต์เหมือนกัน มันเลยกลายเป็นความรู้สึกที่ดี เพราะเขาไม่ได้อยากมีตัวตน อยากเป็นข่าว ที่เขาคุยกับเราเพราะเขาอยากคุยกับเรา
ถาม มองถึงอนาคต จะลั่นระฆังวิวาห์เป็นเจ้าสาวของคนนี้?
โบวี่ อัฐมา : เราเองไม่ได้โฟกัสเรื่องแต่งงาน เพราะเพื่อนๆ หรือผู้หญิงส่วนมาก จุดมุ่งหมายของชีวิตคือฉันอยากแต่งงาน แต่สำหรับเราไม่ได้มีความรู้สึกหรือเข้าใจในสิ่งนั้น สำหรับเรางานแต่งคือภาระ เหนื่อย ยุ่งยาก เปลืองเงิน แค่คิดก็ไม่อยากทำแล้ว แต่ถ้าจะต้องจัดจริงๆ มองไว้ว่าสัก 40 ค่อยจัด ทำให้คุณพ่อคุณแม่ ที่วางไว้ตอนนั้นเพราะตอนนี้แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ขี้เกียจด้วย (หัวเราะ)
ถาม แต่จะจัดเล็กๆ ได้ยังไง มีข่าวว่าผู้ชายคนนี้ของโบวี่เป็นคนร่ำรวย เป็นไฮโซ ถึงไปคบกับเขา
โบวี่ อัฐมา : ไม่ใช่ค่ะ จริงๆ เหตุผลที่เรารู้สึกว่าคนนี้ที่เข้ากับเราได้ เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยเหมือนใคร หลังจากที่ตัวของโบเองได้มีโอกาส ได้พบ พูดคุยกับบุคคลหลายรูปแบบ หลายฐานะ เรารู้สึกว่าเราได้ค้นพบตัวเราเองว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหาเงินอะไรขนาดนั้น อย่างเมื่อก่อนเราจะรู้สึกว่าเราจะต้องสร้างฐานะ แต่พอเรามีแล้ว เราก็จะคิดต่อไปอีกว่าเราจะก้าวไปสู่ข้างหน้าต่อ ยังไง สเต็ปต่อไปคือยังอะไร เหมือนก่อนเราเป็นอย่างนั้น แต่พอมาปฏิบัติธรรมจริงๆ เหมือนความรู้สึกข้างในเปลี่ยนไป ทำให้เรารู้สึกว่าการหาเงิน เสียเวลา ไม่ได้บอกว่าต้องง้อมือง้อเท้านะ แต่การที่เราหาเงินไปเรื่อย แล้วไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ มันเสียเวลา เรามองย้อนมาดูตัวเราเองตอนนี้ว่าทรัพย์สินที่มีอยู่มันไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ถามว่ามันพอไหม พอ รายได้ต่อเดือนพอใช้ไหม พอ แต่ถ้าเรายังหาๆ จนไม่มีเวลา แต่เวลาที่เราตายไปแล้ว เราไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลยนะ สู้เรารู้จักแบ่งเวลา คือครึ่งหนึ่งทำงาน อีกครึ่งไปปฏิบัติธรรม ไปช่วยเหลือสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถนำติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปได้ แต่เงินเรามีเงินแค่ไหน เราตายไป มันหมดชาตินี้เลย พอเราไปเจอนักธุรกิจ คนที่มั่งคั่งมาก ความคิดของเขาไม่ตรงกับเรา เพราะเมื่อเขาสำเร็จหนึ่งระดับแล้ว เขาก็จะไปก้าวที่สอง แล้วก็ขยายต่อๆ ไป ซึ่งเราไปอยู่ตรงนั้นแล้วเรารู้สึกว่าเราอยู่ไม่ได้ รู้สึกเสียเวลา แต่พอเราเจอคนนี้ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย แต่เขาก็สามารถอยู่สบายๆ โดยที่ไม่ต้องพยายามไปหาอะไรเพิ่ม
ถาม อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนให้เราเป็นโบวี่อีกคนได้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราทำงานหาเงิน แต่ตอนนี้แบ่งเวลาทำงานหาเงิน ทำเพื่อสังคม เข้าวัด
โบวี่ อัฐมา : ครั้งแรกตอนนั้นอกหัก เราอกหักตลอดเวลา โบเป็นคนใจร้อน ขี้โมโห เอาแต่ใจ ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวเองเลย เพราะเอาแต่โทษคนอื่น พอเราได้มาปฏิบัติธรรมแล้ว กลายเป็นว่าสิ่งที่เราโทษๆ คนอื่นมาตลอด ไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นเพราะตัวเราเองที่ทำเรื่องเสีย แต่ส่วนใหญ่ที่เราวีนเหวี่ยงใส่ จะเป็นแฟน คนทั่วไปไม่ค่อยมี แต่ที่มีคนบอกว่าคนในกองมีโดนเราวีน ต้องอธิบายแบบนี้ค่ะ คือเราเป็นคนที่เสียงดุ แล้วเวลาที่เราโกรธ เสียงเราจะแบบดุมาก บางทีเรานั่งเฉยๆ นิ่งๆ หน้าเราเหวี่ยงมาก แต่จริงๆ เราไม่ได้เป็นอะไรเลย
ถาม เป็นคนวีนขนาดนี้ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายไปเป็นนักออกแบบดีไซน์บ้านได้
โบวี่ อัฐมา : งานที่ทำเกี่ยวกับแต่งบ้าน เพิ่งเริ่มทำเองค่ะ หลังจากที่ไปปฏิบัติธรรมมา โบไปซื้อบ้าน แล้วเราก็ไปเลือกซื้อของเอง ไปศึกษาหาความรู้เรื่องของการตกแต่ง เพราะเราสร้างบ้านนาน เราเลยได้มีโอกาสศึกษาพูดคุยกับสถาปนิก อินทีเรีย ช่าง วิศวกร จนเรามีความชอบ เราเลยทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน
ถาม แล้วตอนนี้บ้านแต่งเสร็จเรียบร้อยหรือยัง คิดว่าจะเอาไว้เป็นเรือนหอไหม
โบวี่ อัฐมา : เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ไม่ได้คิดว่าเอาไว้เป็นเรือนหอ เรือนหอขอแบบเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ที่เราอยากได้เรือนหอเล็กๆเพราะเรารู้สึกว่าบ้านของเราที่สร้างไป ใหญ่เกินกว่าเหตุ ที่ดินที่เราสร้างบ้านเกือบครึ่งไร่ เราไปปฏิบัติธรรม ห้องที่เราอยู่คือ 2 เมตรเอง เราก็รู้สึกว่าเท่านี้ก็อยู่ได้แล้ว คนที่โบคุยอยู่ เขาก็ไปปฏิบัติธรรมกับเราเหมือนกัน เขาก็เห็นด้วยว่าใหญ่ๆ ดูแลยาก เล็กๆ ที่เราอยู่ได้ก็เพียงพอแล้วกับชีวิต