ปิดเกม! "ป้ารักแร้เหนียว" ถูกจับ ตีมึนปัดดูดเงินทอนหนีนับปี พลาดเพราะกิ๊บลายดอก (คลิป)

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.64 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระประแดง แจ้งมายังทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่าพบเบาะแสและกำลังเข้าจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง เนตรทิพย์ อายุ 51 ปี หรือ ป้าอ้อ เจ้าของฉายาป้าจักแร้เหนียวที่ก่อเหตุฉกเงินทอนร้านสะดวกซื้อหลายพื้นที่ โดยจับได้ที่บ้านของน้องสาว ในพื้นที่สำโรงใต้ ซึ่งน้องสาวป้ารักแร้เหนียว ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี

คลิกอ่านข่าว "ป้ารักแร้เหนียว" ทั้งหมดที่นี่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ นำตัวป้ารักแร้เหนียวมายัง สภ.พระประแดง โดยชุดที่แต่งมาเป็นชุดเดียวกันกับภาพกล้องวงจรปิดที่บุกไปเผาผ้าใบญาติตัวเอง มีกิ๊บหนีบผม ผูกโบสีน้ำเงิน และกระเป๋าลายดอกสีกรมท่า ซึ่งกว่าจะตามจับกุมตัวป้ารักแร้เหนียวได้ ใช้ระยะเวลากว่า 1 ปี หรือประมาณ 370 วัน 

ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ป้าลงมือไป โดยป้าตอบว่า "โดนกลั่นแกล้ง โดนรังแก มันระเบิดไม่ไหวแล้ว" จากนั้นผู้สื่อข่าวถามเรื่องฉกเงินทอน รู้หรือไม่ผู้เสียหาเช้ากินค่ำเดือดร้อน อยากขอโทษหรือไม่ แต่ป้าก็อึกอักไม่ตอบพูดแค่ว่า "อะไรคะ เงินทอนอะไร ไม่เกี่ยว"

เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระประแดง เปิดเผยว่า การจับกุมตัวน.ส.น้ำผึ้ง ในวันนี้ จะแจ้งข้อหาในคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนเรื่องรักแร้เหนียวฉกเงินทอนยังไม่มีผู้เสียหายในพื้นที่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ ฝากไปถึงโรงพักอื่น ๆ ที่ป้ารักแร้เหนียวเดินทางไปก่อเหตุ ให้มาติดต่อขออายัดตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.พระประแดง ได้เลย ก่อนที่จะนำตัวเข้าสู่ในกระบวนชั้นศาล ทั้งนี้มีข้อมูลว่าป้าได้รับยาเกี่ยวกับประสาทกับทางโรงพยาบาล ซึ่งญาติจะนำยามาให้เจ้าหน้าที่ดูอีกครั้ง 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางกลับไปยังบ้านป้ารักแร้เหนียวอีกครั้ง เป็นบ้านไม้ยกสูง บริเวณบ้านมีต้นไม้ตามข้อมูลที่ทีมข่าวได้มาว่าป้าชอบปลูกต้นไม้ ส่วนประตูบ้านยังถูกปิดเงียบเช่นเคย

น.ส.ณัฐธยา โสปาโก เพื่อนบ้าน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปกติป้ารักแร้เหนียว หรือป้าอ้อ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ที่ผ่านมาหลังจากเลิกกับสามีแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ ด้วยเวลาการทำงานด้วย คือเวลาตนเดินทางไปทำงานตอนกลางวัน กลับเย็น ส่วนป้าขับรถออกจากบ้านเที่ยงวัน กลับเข้ามาเวลา 02.00 น. ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าป้าทำงานอะไร

ตั้งแต่เกิดเหตุเผารถวันที่ 7 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ป้าก็ไม่กลับมาที่บ้านเลย แต่ก่อนหน้านี้ช่วงกลางวัน ของวันที่ 7 ม.ค.64 หลังวางเพลิงแล้ว ตนและญาติไปค้นรถของป้าอ้อ โดยภายในรถพบเจอหน้ากากอนามัยหลายสี ถูกตากทิ้งไว้ในรถยนต์ ตนก็สงสัยว่าทำไมคนเราต้องมีหน้ากากหลายสีเยอะขนาดนี้

ก่อนหน้านี้ป้าอ้อก็โมโหที่ปลูกบัวในบ่อแล้วตาย ซึ่งตนคาดว่าป้าน่าจะโกรธ เข้าใจว่าทางญาติ ๆ มาทำให้บัวตาย จึงขู่ว่า "เดี๋ยวกูจะเผาให้หมดเลย" แต่ไม่ได้บอกว่าจะเผาอะไร ส่วนตัวตอนนี้รู้สึกระแวง ทุกวันนี้ต้องสลับเวรกันเฝ้าบ้าน เพราะกลัวป้ากลับมาก่อเหตุอีก 

ป้ารักแร้เหนียวย่องวางเพลิง ความเสียหายรถเก๋งคันแรก ถูกเพลิงไหม้ฝากระโปรงรถ รอบตัวรถมีรอยถูกขัด

คันที่ 2 เป็นรถเก๋งถูกเพลิงไหม้บริเวณฝากระโปรงหน้า และรอบ ๆ ตัวรถมีรอยขีดสีรอบคัน  

คันที่ 3 เป็นรถกระบะ ซึ่งได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้บริเวณกระโปรงหน้ารถ 

คันที่ 4 เป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ซึ่งได้รับความเสียหายรอบรถ จากการถูกป้ารักแร้เหนียวใช้ของมีคมขีดจนเป็นรอยรอบคัน 

คันที่ 5 เป็นรถจักรยานยนต์ รุ่น PCX150 สีเทา-ดำ ทะเบียน 8 กค 4639 กรุงเทพฯ เพลิงไหม้เสียหายทั้งคัน 

วันที่ 9 ม.ค.63 จุดเกิดเหตุเซ็นทรัลลาดพร้าว พื้นที่ สน.พหลโยธิน เธอสวมชุดกระโปรงลายดอกสีขาว เห็นใบหน้าชัดเจน 

วันที่ 10 ส.ค.63 จุดเกิดเหตุตลาดมีนบุรี พื้นที่ สน.มีนบุรี เธอสวมชุดกระโปรงสีเหลือง สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า

 

 

วันที่ 1 ก.ย.63 จุดเกิดเหตุศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค พื้นที่ สน.ประเวศ เธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้า สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า 

วันที่ 1 ต.ค.63 จุดเกิดเหตุห้างฯ สยามพารากอน พื้นที่ สน.ปทุมวัน เธอสวมชุดกระโปรงลายดอกสีขาว สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า 

 

วันที่ 19 ต.ค.63 จุดเกิดเหตุบิ๊กซี ศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ เธอสวมชุมกระโปรงลายลูกไม้สีเหลือง สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า 

วันที่ 26 ต.ค.63 จุดเกิดเหตุท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี เธอสวมชุดกระโปรงลายลูกไม้สีครีม สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า 

วันที่ 23 ธ.ค.63 จุดเกิดเหตุร้านมินิมาร์ท ใกล้วัดเจ้าอาม กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.บางขุนนนท์ เธอทำผมสีทอง สวมชุดลายดอก สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าสีดำ สะพายกระเป๋าสีแดง 

วันที่ 3 ม.ค.64 จุดเกิดเหตุร้านสะดวกซื้อ ย่านคลอง 3 ปทุมธานี พื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ป้ารักแร้เหนียวสวมชุดลายเสื้อ ผมสีดำ ติดกิ๊บ สวมแมสก์ และสะพายกระเป๋าสีแดง 

วันที่ 4 ม.ค.63 จุดเกิดเหตุร้านสะดวกซื้อย่านวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พื้นที่ สภ.วังน้อย ป้ารักแร้เหนียวสวมชุดสีขาวลายดอก ผมดำ ติดกิ๊บ 3 ตัว ผ้ามัดผมสีชมพู สวมแมสก์สีชมพู และกระเป๋าสีแดง 

วันที่ 9 ม.ค.64 จุดเกิดเหตุร้านสะดวกซื้อ ซอยกุศลศิลป์ ถนนสรรพวุธ กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.บางนา ผมสีน้ำตาล ที่คาดผมสีขาว ผ้ามัดผมสีน้ำเงิน ชุดสีน้ำเงินแขนลูกไม้สีดำ สวมแมสก์สีดำ 

เมื่อทีมข่าวถอดรหัสสมุดบันทึกของป้ารักแร้เหนียว วันที่ 1 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมชุดสีชมพู" พิกัดก่อเหตุที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี 

วันที่ 2 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมชุดกันหนาวสีแดง" พิกัดก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี 

วันที่ 3 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมเสื้อลายเสือ" พิกัดก่อเหตุที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในปั๊มน้ำมัน ย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมกับระบุว่า "โชคดีมีชัยคลาดแคล้ว"

วันที่ 4 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมชุดสีชมพู กระดุมติดคอ" พิกัดก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อย่านประตูน้ำพระอินทร์ จ.ปทุมธานี พร้อมระบุว่า "โชคดีมีชัยคลาดแคล้วกับสิ่งต่าง ๆ"

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยว่า กรณีบุคคลวิกลจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 และ 66 ถ้ามีการกระทำไปก่อเหตุคดีอาญา ไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย หรือรับโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่กรณีของ น.ส.น้ำผึ้ง เนตรทิพย์ หรือ ป้าอ้อ ต้องบ้าแบบไม่รู้เรื่องเลย ถ้ายังใช้ชีวิตประจำวันได้ ซื้ออาหารกิน สั่งข้าวกินได้ แบบนี้ไม่เรียกว่าบ้า อาการเป็นช่วง ๆ แบบนี้ ศาลมีการวางหลักบรรทัดฐานเอาไว้ว่า ไม่ถือว่าบ้า ยังต้องรับโทษทางกฎหมาย

ทนายรณรงค์ บอกอีกว่า ตามความผิดทางแพ่ง จากความเสียหายที่ป้าไปเผารถ เผาบ้าน หากยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ป้ารักแร้เหนียว บ้าจริง ยังต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอยู่ ถ้าบ้าจริงป้าไม่ต้องจ่ายเงิน แต่คนดูแลต้องชดใช้แทน ทั้งนี้หากป้ายังดูแลตัวเองได้ ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ซื้ออาหารกินเองได้ แบบนี้ไม่เรียกว่าบ้า

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมตัวป้ารักแร้เหนียวที่ไปก่อเหตุวางเพลิงเผาบ้านญาติ ด้านนายชาตรี โสปาโก ผู้เสียหาย เดินทางมายัง สภ.พระประแดง เพื่อมาชี้ตัวน.ส.น้ำผึ้ง เนตรทิพย์ หรือ ป้าอ้อ โดยบอกกับทีมข่าวว่า รู้สึกดีใจ และโล่งใจที่จับตัวได้ ซึ่งหลังจากที่ตนโดนป้าจุดไฟเผาบ้าน ก็หวาดระแวงกันตลอดว่า ป้าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกหรือไม่ โดยมีการสลับกันมาเฝ้าเวรยาม นานกว่า 5 วันแล้ว

ส่วนตัวอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากป้าค่อนข้างก่อวีรกรรมไว้เยอะ ซึ่งกับตนเป็นญาติฝ่ายอดีตสามี โดยป้ารักแร้เหนียว ด่าพ่อว่าเป็นอัมพฤกษ์ ด่าแม่ของตนว่าขี้เผือก ตนก็รู้สึกว่าไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ ซึ่งก็ไม่มีการพูดคุยกันมานานกว่า 5 ปีแล้ว เลยไม่มีใครอยากจะไปสนใจอะไรในตัวป้ามาก แล้วใครจะไปทำอะไรป้า

ทางด้านครอบครัวของตนอยู่กันด้วยความรัก แบบครอบครัวใหญ่ ซึ่งในส่วนของป้าเองก็ค่อนข้างตัวคนเดียว ไม่ค่อยเอาเพื่อนฝูงรอบข้าง จึงไม่มีเพื่อนบ้านหรือเพื่อนสนิทในละแวกนี้ ส่วนตัวตนก็แอบคิดว่า ป้าอาจจะรู้สึกอิจฉาที่ฝั่งครอบครัวของตนมีความสุขมากกว่า ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และอยากให้เช็กคดีของผู้หญิงคนนี้ให้ดี เพราะตนเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุหลายพื้นที่