จากกรณีการแชร์คลิปบุคคลซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรืออาสาตำรวจ ขอตรวจสอบบัตรประชาชนกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปซื้อของ ซี่งบุคคลรายนี้กล่าวว่า "แค่ไม่พกบัตรประชาชนก็ผิดแล้วหรือ ประยุทธ์บอกหรือ"
จากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้มีการโต้เถียงกันเล็กน้อยว่าถูกเรียกตรวจบัตรเนื่องด้วยสาเหตุอะไร ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด โดยฝ่ายบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ตอบกลับว่า "ไม่ผิดก็ตรวจได้ ถ้าไม่พกบัตรต้องไปสถานีตำรวจ" โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ บริเวณเหตุซอยรามคำแหง 53 กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 17 ม.ค. 64
วันที่ 18 ม.ค. 64 ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนใกล้หรือไกล หากไม่พกบัตรประชาชน แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเรียกตรวจบัตรหรือถามชื่อแล้วไม่ตอบตามความจริง ถือว่าบุคคลผู้นั้นมีความผิดตามกฎหมาย ตามมาตราดังต่อไปนี้
1.พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 17 ไม่พกบัตรประชาชน เมื่อเจ้าพนักงานขอตรวจบัตร แต่ไม่พบเอกสาร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
2.มาตรา 367 ผู้ใดเมื่อเจ้าพนักงานถามชื่อหรือที่อยู่ เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายไม่ยอมบอก หรือแกล้งบอกชื่อหรือที่อยู่อันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
นายเอก (นามสมมติ) ประชาชน เล่าว่า บริเวณในซอยรามคำแหง 53 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแต่งตัวปกปิดใบหน้า ไม่มั่นใจว่าใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่แสดงตราเจ้าหน้าที่ มีพฤติกรรมเข้ามาขอตรวจบัตรประชาชนบุคคลผิวคล้ำและพูดไทยไม่ชัดอยู่เป็นประจำทุกเช้าเย็น ซึ่งหากสังเกตดี ๆ จะเป็นเจ้าหน้าที่คนเดิม ตนก็เคยเจออยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ ตนเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ หากต้องการจะตรวจสอบคนต่างด้าว แต่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจบัตรแต่ละคนนั้นเป็นชาวชายแดนใต้ที่อาจจะพูดภาษาไทยกลางไม่ชัด ทำให้พวกตนคิดว่าเจ้าหน้าที่มีอคติหรือไม่ และอยากจะวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดจาดี ๆ กับประชาชน
ทั้งนี้ ภายในซอยรามคำแหง 53 แบ่งการดูแลออกเป็น 2 พื้นที่ ได้แก่ สน.หัวหมาก และ สน.วังทองหลาง โดยทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 สถานี ทราบว่ามีแรงงานต่างด้าวเข้ามาอาศัยอยู่มาก ทำให้สายตรวจจะต้องเข้าไปสอดส่องความเรียบร้อย