ก่อนโด่งดังเป็นพลุแตกจาก TharnType The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ หนุ่มฮอต "มิว ศุภศิษฏ์" ได้โลดแล่นอยู่ในวงการมานานถึง 11 ปี ผ่านความผิดหวังจากแคสติ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝัน นอกจากการแสดงแล้ว "มิว" ได้แสดงความสามารถในฐานะศิลปิน ออกซิงเกิลที่สอง "Nan Na (นั้นนา)" ได้รับกระแสตอบรับเกินความคาดหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากทำมานาน เกือบจะถอดใจ แต่ก็ทำออกมาสำเร็จ เพราะอยากตอบแทนแฟนคลับ แถมยังเตรียมคว้าตำแหน่งว่าที่ด็อกเตอร์ป้ายแดง ที่มิวพูดอยากภาคภูมิใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่าปริญญาเอกใบนี้ เรียนเพื่อครอบครัว พร้อมเปิดอีกหนึ่งความฝันในชีวิตที่อยากทำมากคือการแสดงภาพยนตร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ตุ๊ก เดือนเต็ม" เผยเหตุผลที่ครองโสด ไม่เปิดใจทั้งๆ ที่มีคนจีบเยอะ!
- "บอล ภราดร" เปิดใจประกาศเลิกเล่นเทนนิส เพราะเสียความเป็นส่วนตัว!
- "ผัดไท ดีใจ" เปิดธุรกิจอาหารออนไลน์ครั้งแรกในชีวิต พร้อมเผยเหตุผลที่ขายแล้วขาดทุน!!
- เปิดความรักครั้งใหม่ของ "โบวี่ อัฐมา" หลังคบหาดูใจ 2 ปีกับแฟนหนุ่มนอกวงการ แต่ไม่หวือหวาเหมือนครั้งก่อน
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ว่าที่ด็อกเตอร์วิศวะจุฬา เรียนวิศวะตั้งแต่ปริญญาตรี โท และเอกเลย
มิว ศุภศิษฏิ์ : ใช่ครับ เรียนวิศวะอุตสาหการครับ
ถาม แต่ก็ยังสามารถแบ่งเวลามาทำงานในวงการได้
มิว ศุภศิษฏิ์ : แต่ช่วงนี้เน้นงานในวงการมากกว่าครับ เพราะพวกวิชาเรียนที่บังคับ ผมก็เรียนใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ทำธีสิสครับ
ถาม ทำไมมองถึงขั้นด็อกเตอร์
มิว ศุภศิษฏิ์ : ที่บ้านอยากให้เรียนครับ ตั้งแต่ปริญญาโทแล้ว เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่าหยุดแค่ปริญญาตรีก็ได้ แต่ว่าเป็นความฝันของที่บ้าน แล้วก็เป็นความคาดหวัง ผมก็รู้สึกว่าอยากจะทำอะไรตอบแทนเขา
ถาม แต่สำหรับ มิว ศุภศิษฏิ์ วันนี้สามารถพูดได้ว่าประสบความสำเร็จในเส้นทางของวงการบันเทิงอีกคน แต่ก็กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ง่ายเลย กี่ปีที่เราพยายาม กว่าจะมายืนอยู่จุดนี้
มิว ศุภศิษฏิ์ : ตั้งแต่ม.6 ก็ประมาณ 10-11 ปีเลยครับ เริ่มต้นของมิวคือการแคสโฆษณา เวลาเราไปแคส คนไปประมาณสองสามร้อยคนเลย แล้วก็เอาแค่คนสองคน โอกาสได้น้อยอยู่แล้วครับ เราไปแคสเป็นสิบเป็นร้อยงาน แต่ได้งานเดียว เกือบท้อเหมือนกันเพราะเรารู้สึกว่าเราอยากทำ แต่ทำก็ได้น้อย แล้วมันก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที
ถาม แต่เห็นที่บ้านมิวเน้นเรียนการเรียนมาก แล้วมีคุยกันเรื่องนี้ไหม
มิว ศุภศิษฏิ์ : มีคุยครับ ตอนนี้ไปแคสงาน ป๊าบอกว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ผ่าน ให้ไปเรียนปริญญาโท แล้วก็ไม่ผ่าน เลยต้องไปเรียน (หัวเราะ) เพราะปะป๊าค่อนข้างจะเน้นเรียน ไม่อยากให้ทำอยู่แล้ว แต่หม่าม๊าเป็นคนที่อยากทำอะไรทำเลย ถ้าจัดสรรเวลาได้ เขาก็ยอม
ถาม ทำงานมาเยอะมาก เล่นซีรีส์โดยเฉพาะสายวาย แฟนคลับมากมาย ร้องเพลงก็ทำแล้ว ถ้าถามว่าความฝันในการทำงานในวงการบันเทิงของมิวจริงๆ คืออะไร
มิว ศุภศิษฏิ์ : อยากเล่นหนังมากๆ ครับ เพราะว่าเรายังไม่เคยมีโอกาสเล่นหนังเลย การแสดงกับร้องเพลงมันคนละอย่างกัน อย่างการแสดง เราได้เป็นคนอื่นในรูปแบบที่ชีวิตเราอาจจะไม่ได้เป็น แล้วเราได้มีโอกาสได้เล่นเป็นบทนั้นบทนี้ ได้ศึกษาชีวิตเขา เหมือนเราได้ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าการเป็นนักร้อง ผมรู้สึกว่ามันคือการที่เราเป็นตัวเอง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเรา การเป็นตัวเราต่อหน้าแฟนๆ ทุกคน เป็นสองแนวที่ต่างกัน แต่ผมชอบทั้งสองแนวเลย
ถาม แล้วถ้าเกิดได้เล่นหนัง อยากแสดงบทแบบไหน
มิว ศุภศิษฏิ์ : ที่ผ่านมา บทที่ผมได้รับค่อนข้างไปแนวทางโรแมนติกคอมเมดี้ ไม่ก็โรแมนติกดราม่า แต่มันยังมีเวย์อื่นในการแสดงที่มันเยอะมากๆ ผมอยากมีโอกาสได้ลองทำแบบเฮอร์เรอร์ หรือแนวไซโคพาธเลย ก็อยากลอง
ถาม มิวมีความพยายามมาตลอด ทั้งๆ ที่เจอความผิดหวังบ้าง สำเร็จบ้าง แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้น มีแฟนคลับมหาศาลเลย คือการมาเล่นซีรีส์วายคู่กับ "กลัฟ" เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองยังไงบ้าง
มิว ศุภศิษฏิ์ : อย่างของผมไม่ได้ดังชั่วข้ามคืนครับ แต่เป็นการค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้หวือหวาขนาดนั้น เป็นช่วงเวลาที่เหมือนเราสร้างสะพาน ค่อยๆ มั่นคงไปเรื่อยๆ แต่ตอนท้ายๆ ของซีรีส์คือช่วงที่ทำให้รู้จักแฟนๆ เพิ่มขึ้นมากจริงๆ ให้แฟนๆ ทั่วโลกได้เห็นด้วยครับ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ
ถาม โดยเฉพาะแฟนคลับที่ต่างประเทศ น่ารักกับมิวมาก อย่างช่วงคริสมาสต์ให้ของขวัญอะไร
มิว ศุภศิษฏิ์ : ช่วงคริสมาสต์มีบินโดรนที่ประเทศจีนครับ แปรรูปเป็นชื่อของผม แล้วก็ทำเป็นหน้าของเรา อันนี้คือดีใจมาก เพราะบินโดรนคือครั้งแรกเลย แฟนๆ หลายบ้านเขารวบรวมเงินกัน มาทำเพื่อเราครับ พอเราเห็นสิ่งที่เขาทำให้เรา เราก็อยากตอบแทนเขาเพราะว่าทุกคนคอยซัพพอร์ต คอยให้ความรักผมมาตลอด ทำให้เราอยากสร้างสรรค์ผลงาน ตั้งใจพัฒนาตัวเองเพื่อมาตอบแทนเขาผมไม่อยากอยู่นิ่งๆ ไม่อยากเอาเปรียบในความรักที่พวกเขามีให้กับเรา แล้วเราอยู่เฉยๆ เราเลยต้องพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ถาม ในช่วงเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ผ่านมา มิว LIVE สดร่วมกับแฟนๆ ทั่วโลกและคนดู Live เยอะขนาดไหน
มิว ศุภศิษฏิ์ : 1.3 ล้านคนครับ
ถาม จากเมื่อก่อนปะป๊าบอกว่าให้เรียนๆ อย่างเดียว เดี๋ยวนี้ปลี่ยนไปเป็นส่งข่าวลูกในกลุ่มไลน์เพื่อนๆ แทน
มิว ศุภศิษฏิ์ : (ยิ้ม) ใช่ครับ แล้วเวลาที่ปะป๊าอ่านหนังสือพิมพ์ เขาก็จะเอารูปจากหนังสือพิมพ์มาให้ดูทุกวันเลยครับ
ถาม นอกจากจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแล้ว ยังขยันไม่หยุดด้วย ล่าสุดได้เปิด มิวศุภศิษฏิ์ สตูดิโอ
มิว ศุภศิษฏิ์ : ตัวสตูดิโอ ถ้าของไทยค่อนข้างใหม่ในตัวคอนเซ็ปต์ แต่ถ้าต่างชาติ มีคอนเซ็ปต์นี้มาสักพักหนึ่งแล้ว อย่างเราเป็นนักร้อง นักแสดงฟรีแลนซ์ แล้วก็มีค่ายเป็นของตัวเอง ในสตูดิโอเรา จะมีอยู่ครบเลยครับ ทีมโปรดักชั่น ทีมมาร์เก็ตติ้ง ทีมพีอาร์ รวมอยู่ในนี้หมดเลย ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูงานต่างๆ ได้เองด้วยครับ ที่ผมทำอันนี้ขึ้นมา เพื่อซัพพอร์ตงานของผม โดยใช้ตัวผมเองเป็นตัวทดลองก่อนว่าโมเดลนี้เป็นยังไงบ้าง ซึ่งทำแล้วก็โอเคมาก เลยคิดว่าในอนาคตจะหาศิลปินมาร่วมค่ายด้วยครับ
ถาม และล่าสุดได้ปล่อยผลงานเพลงของตัวเองออกมาแล้ว และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ
มิว ศุภศิษฏิ์ : ความฝันของผมอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ มีแฟนๆ เต็มฮอลล์ แล้วก็มาร้องเพลงให้ผมฟัง ก็เลยคิดว่าการที่เราจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ได้ เราต้องมีหลายเพลงก่อน เราคงไม่สามารถมีแค่สองเพลง ซึ่งในปีนี้แพลนไว้แล้วครับ จะปล่อยอัลบั้มเต็ม มีทั้งหมด 10 เพลง แล้วก็หลังจากนั้น ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ก็อาจจะจัดคอนเสิร์ตครับ อย่างเพลงที่ปล่อยออกมาล่าสุด เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา "Nan Na (นั้นนา)" ดนตรีจะมีความเป็นเฟสติวัล จิงเกิ้ลสตาร์เยอะๆ สามารถโยกได้หน่อยๆ เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของขวัญ การที่เรามีคนๆ หนึ่งอยู่ข้างๆ เหมือนเราได้ของขวัญมาทุกปีแล้ว ก็อยากให้เขาอยู่ข้างๆ เราไปตลอด เป็นเพลงที่ทำมาเพื่อแฟนๆ คำว่า นั้นนา ผมอยากได้คำที่ใช้แทนคำว่า I LOVE YOU ได้ แล้วดูน่ารักด้วย เลยใช้คำว่า นั้นนา ครับ