กสทช.จับมือ อย. ฟันโฆษณาถั่งเช่าครอบจักรวาล ชี้เสี่ยงไตพัง ฟาดโทษพิธีกร-พรีเซ็นเตอร์-โรงงาน-สื่อ

20 ม.ค. 64

กรณีเฟซบุ๊ก “ชมรมแพทย์ชนบท” โพสต์ถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถั่งเช่า ที่มีการโฆษณาเกินจริง โดยมีข้อความระบุว่า การโฆษณาเกินจริงมีความผิด แต่ที่ผิดหนักกว่า คือ กสทช.ที่ไม่ดูแล ไม่ทำหน้าที่ มิเช่นนั้นโรงพยาบาลสร้างหน่วยล้างไตเท่าไรก็ไม่พอครับ

รศ.ดร.ภญ.มยุรี ตั้งเกียรติกำจาย สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ข้อมูลการติดตามผู้ป่วยพบมีผู้ป่วยไตเรื้อรัง 3 รายแย่ลง วัยกลางคนและสูงอายุใช้สารสกัดถั่งเช่า รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ค่าการทํางานของไตแย่ลง เมื่อหยุดใช้ค่าการทํางานของไตดีขึ้น บางคนไม่ดีขึ้นกลายเป็นไตวายระยะสุดท้ายในปี พ.ศ.2562 “กสทช. ก็ต้องกำกับร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เข้มข้นเรื่องการโฆษณาผิดกฎหมาย เกินจริง โอ้อวด รักษาโรคของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร”

อย่างไรก็ตาม ฝากทางกระทรวงสาธารณสุข และ อย. หารือเร่งด่วนกับ กสทช.ด้วย ถั่งเช่าไม่ใช่ยาวิเศษ ยาวิเศษคือการดูแลสุขภาพและใกล้ชิดธรรมชาติ

806969

ล่าสุดวันที่ 20 ม.ค.64 เวลา 13.30 น. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงข่าวเรื่อง การกำกับดูแลการโฆษณาเกินจริง กรณีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถั่งเช่า หลังการหารือร่วมกันระหว่าง พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา 

โดย กสทช. ตรวจสอบพบว่า การจัดฉากโฆษณาลวงโลกเกินจริงในลักษณะดังกล่าว ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยผู้โฆษณารายใหม่ โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถั่งเช่า ซึ่งมีบุคคลในแวดวงบันเทิงเป็นพรีเซ็นเตอร์ จัดฉากลวงโลกลักษณะเดิม อ้างว่าผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าดังกล่าว สามารถรักษาได้สารพัดโรค เช่น ความตันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต และโรคเรื้อรังต่าง ๆ มีนักแสดง แสดงเป็นผู้ป่วยอาการหนัก สภาพร่างกายทรุดโทรม แต่เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว กลับหายจากอาการปวยได้อย่างมหัศจรรย์ ซึ่งไม่เป็นความจริง

โดยเรื่องนี้ กสทช. ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อการโฆษณาหลอกลวงผู้บริโภคครั้งใหญ่กลับมา โดยจับมือกับ อย. และร่วมกันกวาดล้างการโฆษณาอีกครั้ง เพื่อกำจัดโฆษณาลวงโลกเหล่านี้ให้สิ้นซาก ระวางโทษของ กสทช. ที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และปรับรายวันอีกวันละ ไม่เกิน 1 แสนบาท โดยจะมีการส่งจดหมายตักเตือนในครั้งแรกให้ระงับ หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีทันที แต่หากมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าว่าสามารถรักษาเกี่ยวกับดวงตา โรคต้อ สายตาสั้น-ยาว หายเป็นปกติ จะดำเนินคดีทันที ไม่มีการตักเตือน

นอกจากจะดำเนินการปรับสถานีโทรทัศน์แล้ว กสทช. จะส่งเรื่องไปยัง อย. เพื่อดำเนินคดีกับพิธีกร พรีเซ็นเตอร์ และผู้ควบคุมโฆษณา เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการเพิกถอนทะเบียนสำหรับอาหารด้วย เนื่องจกกฎหมายของ กสทช. ให้อำนาจในการ กำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์เท่านั้น มิได้ครอบคลุมถึงพิธีกร และเจ้าของผลิตภัณฑ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) บอกว่า การระบาดของโฆษณาที่เกินจริงในปัจจุบัน ลักษณะเหมือนโรคอุบัติใหม่ น่าจะหายไปแล้ว เนื่องจากช่วง 2 ปีก่อนได้มีการควบคุมถึงเรื่องการโฆษณาเกินจริง และเคยได้มีการปรับไปก่อนหน้า จึงไม่มีโฆษณาลักษณะนี้เกิดขึ้น และในปัจจุบันนี้ก็มีการโฆษณาที่เกินจริงเกิดขึ้นจนเป็นกระแส ดังนั้นจะต้องปรับทั้งกระบวนการไปถึงต้นตอ ไม่เพียงแค่สื่อโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว จะรวมถึงการระงับใบอนุญาตการขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะหลงเชื่อจากพรีเซ็นเตอร์ที่มีหน้าตาลักษณะสวยงาม การโฆษณาลักษณะนั้นอาจจะเป็นการโฆษณาเพื่อจงใจหลอกลวงผู้บริโภคแบบมีการวางแผนมาแล้ว วันนี้มีผู้ที่ดูแลสื่อโฆษณาของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเข้ามารับฟังข้อกำหนดของทาง กสทช. และ อย. เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข อีกทั้งได้ถอนรายการโฆษณาในสื่อแพลตฟอร์มเคเบิ้ลทีวีเรียบร้อยแล้ว

228706

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์ถั่งเช่า ที่ อย. อนุญาตมี 2 กลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ยาแผนโบราณ) และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีถั่งเช่าเป็นส่วนประกอบ เพื่อบำรุงร่างกายทั่วไป เสริมจากการรับประทานอาหารตามปกติ

แต่ก็มีถั่งเช่าที่โฆษณาที่โอ้อวดเกินจริง เนื่องจากในโฆษณาบอกว่าหากเป็นโรคร้ายสามารถรักษาได้ในเวลาอันเร็ววัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย หากผู้ที่บริโภคนั้นมีโรคประจำตัว และผู้บริโภคอาหารเสริมโดยที่ทำการรักษาโรคต่าง ๆ อยู่นั้น จะเสียโอกาสในการรักษาโรคประจำตัว โดยหน่วยงานทั้ง อย. และ กสทช. จะต้องปราบปรามอย่างเข้มข้น และจะใช้กฏหมายอย่างเฉียบขาด ตามกฏหมายที่รับผิดชอบ

ส่วนลักษณะที่โฆษณาเกินจริงนั้น คือ การที่ระบุว่าเป็นอาหารเสริมสำหรับรักษาโรค ซึ่งทางอย.ไม่อนุญาตอย่างแน่นอน อีกทั้งอาหารเสริมรับประทานเข้าไปนั้น ไม่สามารถส่งผลในเรื่องของโครงสร้างภายในร่างกาย เช่น หน้าเรียบเนียน หน้าเล็ก ตาสองชั้น อาหารเสริมไม่สามารถมีสรรพคุณลักษณะนี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดีกับพิธีกรและพรีเซ็นเตอร์นั้น ทางอย.ได้จัดการดำเนินคดีทั้งพรีเซ็นเตอร์ พิธีกร เจ้าของโรงงาน สื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์อยู่ตลอด อะไรที่เป็นกระแสข่าวนั้นจะจับปรับและรีบดำเนินการอย่างทันที และยิ่งปัจจุบันมีกระแสค่อนข้างมากยิ่งเป็นเรื่องดีที่ อย.สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้คนร้องเรียนเข้ามายัง อย. แล้วได้เข้าดำเนินการในการดำเนินคดีต่อไป

ส่วนในเรื่องของโทษการดำเนินคดีของพิธีกรและพรีเซ็นเตอร์นั้น 2 ข้อหา 1.โฆษณาโดยไม่ขออนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท 2.โฆษณาโอ้อวดเกินจริงเป็นเท็จหลอกลวงผู้บริโภค โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจจะทำให้ประชาชนมีความต้องการที่จะดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น อย.จะต้องปราบปรามอย่างเข้มข้นและจะใช้กฏหมายอย่างเฉียบขาดในการควบคุมสื่อโฆษณาเกินจริง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม