จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 20 ม.ค.64 เมื่อเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จำนวน 5 นาย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 10 นาย เดินทางมาเพื่ออายัดไม้มะค่าที่ลุงพลได้ยกขึ้นมาจากลำห้วยหลังบ้าน และมีชาวบ้านเดินทางมากราบไหว้ โดยเชื่อกันว่าเป็นไม้ตะเคียน โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทำความเข้าใจกับลุงพลเป็นการส่วนตัว เผื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการเดินทางมาอายัดไม้ แต่ลุงพลและป้าแต๋น ได้ปิดบ้านเก็บตัวเงียบ ไม่ออกมาพบเจอสื่อหลังจากที่มีการแถลงข่าว และไม่ออกมาเจอกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ขณะเคลื่อนย้ายไม้
ระหว่างการเคลื่อนย้ายไม้ ไม่ได้มีเหตุความวุ่นวายหรือเหตุรุนแรง แต่กลุ่มยูทูเบอร์มากกว่า 20 ช่อง ต่างยืนล้อมรอบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พร้อมทั้งมีการไลฟ์สดในช่องของตัวเอง และทวงถามเกี่ยวกับจุดยืนของเจ้าหน้าที่ ว่าจะเคลื่อนย้ายไม้เอาไปไว้ที่จุดใด และจะมีการเก็บรักษาเอาไว้อย่างไร
โดยช่วงหนึ่งตัวแทนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับกลุ่มทูทูเบอร์ ระบุว่า ต้องการเคลื่อนย้ายไม้ซึ่งเป็นของกลาง โดยจะนำไปจัดเก็บที่ สภ.กกตูม โดยยังอนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปกราบไหว้ได้ตามปกติ และการนำไปจัดเก็บ จะมีการดูแลรักษาอย่างดี เพื่อทำให้ชาวบ้านและกลุ่มยูทูเบอร์เกิดความสบายใจ และการเข้ามาเคลื่อนย้ายไม้ครั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับลุงพลแล้ว
หลังจากที่ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ในการพูดคุยกับกลุ่มยูทูเบอร์และชาวบ้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สังเกตว่ามี ย่าอชิ หรือนางพงศ์สุดา เชื้อคนแข็ง ที่เดินทางมา ติดตามการเคลื่อนย้ายและอายัดไม้มะค่า จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการยกไม้ขึ้นรถ และเดินทางออกจากหน้าบ้านลุงพล และกลุ่มยูทูเบอร์ก็ยังทำหน้าที่ไลฟ์สดกันต่อ โดยช่วงหนึ่งทีมข่าวสังเกตคำพูดและการกระทำของกลุ่มยูทูเบอร์ได้พูดทำนอง “สาธุ ขอให้เจ้าแม่ไปเข้าฝัน ไปแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดูที่ สภ.กกตูม และขอให้รถที่มาเคลื่อนย้ายไม้ ยางแตกไปไม่ถึงสถานที่ปลายทาง”
ทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่บริเวณศาลบูชาท่อนไม้ข้างบ้านลุงพล ก็ยังคงมีการรำแก้บนตามปกติ แต่ไม่มีคนหรือนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเหมือนเมื่อก่อน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาเป็นอย่างมาก
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางพงศ์สุดา เชื้อคนแข็ง ย่าของน้องอชิ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนก็ได้พูดคุยกับลุงพลบ้างแล้ว สังเกตได้ว่าเขามีอาการเครียดจึงแสดงอาการแบบนั้นออกไป เพราะช่วงนี้มีหลายเรื่องเข้ามารุมเร้ามากมาย มีความกังวล ซึ่งตนก็คงจะไปพูดแทนลุงพลไม่ได้ว่าเขาเครียดเรื่องอะไร แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ทำให้ตนตกใจและเสียใจจนถึงขั้นร้องไห้
ส่วนเรื่องศาลบูชาท่อนไม้นั้น ตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นไม้อะไร เขาบอกว่าไม้ตะเคียนตนก็เชื่อตามเขา แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่มายึดไปตนก็คงจะรู้สึกเสียใจ เพราะตอนนี้ตนมีรายได้เสริมจากการรำแก้บน รอบละ 200-300 บาท แล้วแต่เขาจะจ้าง ถ้าไม่มีศาลตนก็คงจะขาดรายได้ ซึ่งไม่ว่าผลตรวจไม้จะออกมาเป็นไม้อะไร แต่ชาวบ้านก็ยังมีความเชื่อ เพราะชาวภูไทเชื่อในเรื่องบูชาผี ไหว้ผี จึงจะเชื่อในเจ้าแม่โสรภี และตอนนี้ก็ยังมีคนที่ได้โชคลาภจ้างให้มารำแก้บนอยู่ ซึ่งวันนี้มีคนจ้างให้รำถึง 8 งาน
อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่ากรณีที่ลุงพลฉุนเฉียวนั้นเกิดจากเจ้าแม่โสรภีเข้าสิงหรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องผีเข้าสิงนั้นยังมีอยู่ในวัฒนธรรมของชาวภูไทมาแต่โบราณ ซึ่งคิดว่าก็เป็นไปได้ที่ลุงพลจะถูกอะไรเข้าสิงและแสดงอาการ นอกจากนี้ตนได้แต่ภาวนากับแม่ย่าโสรภี และพ่อปู่พญานาคยศสุวรรณนาคา ให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งตนก็ยังเชื่ออยู่
ตนรู้สึกเสียใจที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้ามาเคลื่อนย้ายไม้ ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และกราบไหว้กันมา โดยตนมีรายได้จากคอนไม้อันนี้ เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของเจ้าแม่โสรภี ตนทำหน้าที่ในการรำแก้บน รับงานจากกลุ่มเอฟชี มีรายได้มากถึง 1,000 บาท/วัน ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายไม้ออกไปจึงรู้สึกเสียใจ แต่ตนก็ยังจะเดินทางมากราบไหว้เหมือนเดิม เพราะเชื่อว่าเจ้าแม่ยังอยู้ที่ตรงนี้ ประกอบกับยังมีหัว-ท้ายของไม้ที่เจ้าแม่สถิตวางอยู่ 2 ท่อนเล็ก
ดังนั้นตนก็ยังคงทำหน้าที่รำแก้บน และหารายได้จากสถานที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่มีไม้ท่อนไหนที่จะมาแทนที่เจ้าแม่โสรภีได้ และแม้ว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะอ้างว่า ให้ชาวบ้านสามารถไปกราบไหว้ได้ที่จุดอายัดไม้ หรือ สภ.กกตูม ตนก็คงจะไม่เดินทางไป เพราะจะต้องมีค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง ดังนั้นก็คงจะกลับไหว้และรำแก้บนอยู่ที่จุดเดิมที่เคยวางไม้เอาไว้