วันนี้ (13 พ.ค.) ที่อาคารพลาซ่า ริมน้ำ ภายในตลาดใหม่ดอนเมือง ซึ่งเป็นอาคารที่ทางสำนักงานเขตดอนเมือง และกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ตรวจสอบแล้วพบว่า มีความผิดฐาน ก่อสร้างลุกล้ำที่สาธารณะ คลองเปรมประชากร และถูกสั่งห้ามใช้อาคาร และเริ่มมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในอาคารบางส่วนออก หลังสำนักงานเขต เข้าติดประกาศห้ามใช้อาคาร พร้อมกั้นแนว police line เป็นเขตหวงห้ามเฉพาะ จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้องตามแบบแปลนที่ขออนุญาตไว้
จากการสำรวจพื้นที่ของทีมข่าวอมรินทร์ทีวี พบว่าร้านค้าที่อยู่ในบริเวณพลาซ่าแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายรองเท้าและกระเป๋า รวมถึงบริเวณมุมตึก ที่เปิดให้บริการเป็นห้องน้ำสาธารณะ มีการรื้อถอนอ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำออกไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงแต่ผนังห้องเปล่า
ส่วนบรรยากาศในตลาดใหม่ดอนเมืองตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ ยังคงเงียบเหงา ร้านค้าส่วนใหญ่ที่ขายผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง และอาหารเสริมยังคงปิดให้บริการ มีเพียงร้านค้าบางร้านที่เปิดอยู่เท่านั้น
หนึ่งในร้านค้าเครื่องสำอาง เปิดเผยว่า ค่อนข้างได้รับผลกระทบกับยอดขายสินค้า เพราะลูกค้าเริ่มน้อยลง และยังคงกังวลว่าหลังจากนี้จะสามารถขายของได้ตามเดิมหรือไม่ แม้การตรวจค้นของตำรวจจะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม
ส่วนประเด็นที่ ผู้ค้าบางคนเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ที่สโมสรตำรวจว่า ทางตลาดมีการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ตนเองไม่ทราบ เพราะตั้งแต่ขายของอยู่ที่นี่มาเกือบ 7 ปี ไม่เคยถูกเรียกเก็บค่าคุ้มครอง แต่ยอมรับว่า จ่ายค่าส่วนกลางให้กับทางตลาดจริง ซึ่งเป็นค่าดูแลความปลอดภัย ที่ทางตลาดจ้าง รปภ.เข้ามาดูแลในช่วงกลางคืนหลังปิดร้าน ซึ่งทุกคนยินดีที่จ่ายเงินส่วนนี้แลกกับความสบายใจที่จะไม่ต้องเจอปัญหาของหาย
ขณะที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบความรัดกุมของสำนวนคดีของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล ซึ่งยังพบว่ามีบางจุดที่ยังไม่รัดกุมมากพอ ในเรื่องของการสอบปากคำผู้ค้าและพยาน จึงอาจทำให้ทนายความของพ.ต.ท.สันธนะ สามารถโต้แย้งได้
ซึ่งผู้ค้าบางคนที่เข้าให้ปากคำ ยืนยันว่า มีการเรียกเก็บเงินจำนวนดังกล่าว และถูกข่มขู่จริง โดยเป็นการเรียกเก็บในจำนวนเงินที่แตกต่างกันออกไป แต่ตามความเป็นจริงแล้ว การเก็บค่าส่วนกลางของตลาด จะคำนวนตามพื้นที่เป็นตารางเมตร ของร้านหรือพื้นที่ขายของ โดยไม่สามารถกำหนดเป็นราคาขั้นต่ำได้