กรณีเจ้าหน้าที่วิทยุสื่อสาร สภ.ห้วยยาง ได้รับแจ้งเหตุพระถูกตีที่บริเวณศีรษะ ในขณะที่เดินจงกรมอยู่ภายใน สำนักสงฆ์ป่าเปือย ในพื้นที่หมู่ 12 ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.45 น. ของวันที่ 22 ม.ค.64 ที่ผ่านมา และเสียชีวิตในวันที่ 23 ม.ค.64 โดยทราบชื่อในภายหลังว่า พระสุริยา วงศ์สมบัติ อายุ 44 ปี
ล่าสุดวันที่ 24 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ในพื้นที่หมู่ 12 ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ชื่อสำนักสงฆ์ป่าเปือย เป็นที่ตั้งสาธารณะ ไม่มีประตูเข้า-ออก ไม่มีรั้วล้อมรอบ เป็นพื้นที่ป่าช้าเก่าพื้นที่สาธารณะไม่มีเจ้าของ ห่างจากถนนใหญ่ ประมาณ 300 เมตร
โดยจุดเกิดเหตุอยู่ตรงลานเดินจงกรม เป็นพื้นลาด ใกล้สระน้ำ มีโปลิสไลน์กั้นไว้ ซึ่งมีระยะห่างจากกุฏิพระ ประมาณ 60 เมตร ซึ่งจุดที่พระสุริยาล้ม คือบริเวณระหว่างข้างกุฏิ ไปถึงห้องน้ำ
เมื่อทีมข่าวเดินทางมาถึง ภายในวัดเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ศรัทธาเดินทางมากราบศพพระสุริยา วงศ์สมบัติ อายุ 44 ปี ฉายาพระสุริยาอุทาโน โดยมีเหล่าบรรดาญาติเดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี ในขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านก่ออิฐ เพื่อเตรียมเผาพระสุริยาในวันที่ 25 ม.ค.64
ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนางไพบูรณ์ ขันเพ็ชร อายุ 47 ปี พี่สาวพระสุริยา เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า พระน้องชายของตนเพิ่งมาธุดงค์อยู่ในวัดป่าเปลือยได้ 3 ปี โดยก่อนหน้านี้พระสุริยาเดินทางไปธุดงค์ไปเรื่อย โดยไม่ค่อยได้ติดต่อมาทางที่บ้าน
โดยสภาพแผลคือหัวแตกเป็นแผล ซึ่งตนไม่ได้มาเห็นที่จุดเกิดเหตุ แต่ทางแพทย์ให้ตนดูในจอคอมพิวเตอร์ เห็นว่ากะโหลกศีรษะทางด้านขวาถูกทุบตีจนร้าว เลือดคั่งในสมองจนเป็นก้อนเลือด ซึ่งขณะที่ตนไปถึงโรงพยาบาล พระสุริยายังไม่เสียชีวิตและยังไม่รู้สึกตัว แต่พระสุริยาเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับนิสัยใจคอของพระสุริยาก่อนบวช ก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อน แต่พอได้บวชก็พูดจากลายเป็นอีกคน สอนพี่สอนน้องให้หมั่นทำบุญ และเป็นพระที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ซึ่งล่าสุดตนได้พูดคุยกับพระสุริยาเมื่อวันที่ 19 ม.ค.64 ว่ามีสาธุชนนำผ้าป่ามาถวายพร้อมกับพระ เป็นเงินผ้าป่า 1,500 บาท พร้อมพระประธาน 1 องค์ ให้เอาเงินมาทำบุญร่วมกัน จนกระทั่งวันที่ 22 ม.ค.64 ตนก็ทราบข่าวว่าพระสุริยาถูกตีที่ศีรษะ
แต่ก่อนหน้านี้ ช่วงเดือน ธ.ค.63 พระสุริยาพูดแปลก ๆ ว่าให้พี่น้องรีบมาสร้างบุญด้วยการสร้างกุฏิ ทางญาติจึงพูดคุยกันว่าจะรวบรวมเงินกัน สร้างกุฏิให้พระสุริยาในช่วงเดือนมี.ค.64 แต่พระสุริยาบอกว่า ให้รีบมาทำพระจะพอแค่นี้แล้ว จะสิ้นสุดแค่นี้แล้ว เป็นนัยว่าจะมุ่งปรินิพพานแล้ว ตนจึงปรึกษากับญาติพี่น้องเร่งมาสร้างกุฏิหลังปีใหม่ คือวันที่ 3 ม.ค.64 ใช้เวลาสร้าง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ จนสร้างเสร็จประมาณวันที่ 10 ม.ค.64 ซึ่งพระสุริยาก็พูดอีกว่า "ถ้าตัวฉันตายให้เผาที่นี่ เก็บกระดูกไว้ที่นี่ ห้ามเอาไปไหน จัดงานเล็ก ๆ พอไม่ต้องยิ่งใหญ่มาก" ซึ่งตนก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
ส่วนสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุลงมือฆ่าพระสุริยา ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นปมสาเหตุอะไร ถึงแม้ว่าพระสุริยาจะเคยเงินหายหลายรอบ แต่ทำไมครั้งนี้เงินในย่ามพระ 1,300 บาทถึงไม่หายไป ซึ่งตนก็ต้องติดตามคดีต่อไป และจะเผาศพในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.64) เป็นการเผาแบบใช้เมรุชั่วคราวที่ชาวบ้านร่วมกันสร้าง จากนั้นจะนำอัฐิ ทำเป็นเจดีย์ให้ชาวบ้านกราบไหว้
นางฉวี ชาติชำนาญ อายุ 47 ปี ชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า พระสุริยา ได้เดินธุดงค์มาจาก จ.อุบลราชธานี ทราบว่าท่านบวชมานานถึง 9 พรรษา เป็นพระสายปฏิบัติกรรมฐาน เคร่งคัดในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าการนั่งสมาธิ เดินจงกลม บางครั้งทราบข่าวว่าอดอาหาร 7-15 วัน ก็มีดื่มน้ำแทน และได้มาสร้างสำนักสงฆ์วัดป่าเปือย พื้นที่แห่งนี้บนเนื้อที่ 3 งานเศษ เคยเป็นป่าช้าเก่ามาก่อน พระสุริยาได้เดินธุดงค์มาถึงบริเวณแห่งนี้ นั่งเข้าฌานเป็นที่ที่เหมาะในการปฏิบัติธรรม และได้มาจำพรรษาอยู่วัดแห่งนี้ เป็นเวลานานถึง 3 ปี
ส่วนทางเดินธุดงค์อยู่ทางทิศใต้ของกุฏิ เป็นทางลาด เทด้วยดินทราย กว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 30 กว่าเมตร จุดตรงนี้คาดว่าน่าจะเป็นจุดคนร้ายรอจังหวะพระสุริยาเผลอ ช่วงกำลังเดินจงกรม แล้วหันหลังให้กับคนร้ายใช้อาวุธทำร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นจอบเหล็กที่ใช้ฟาดศีรษะด้านหลังของพระสุริยาจนเสียหลักล้มลง และบนพื้นทรายมีรอยคนร้ายวิ่งหนีอีกด้วย
ต่อมาทีมข่าวพูดคุยกับนายสวงษ์ คำตื้อ อายุ 56 ปี ชาวบ้าน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปกติ 1 อาทิตย์ ตนจะเดินทางขึ้นมาเล่น และพูดคุยกับพระสุริยา 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ซึ่งพระสุริยาเป็นคนที่เฮฮา พูดคุยสนุกสนาน แต่เวลาเข้าสู่ช่วงการปฏิบัติธรรม ก็จะเคร่งครัดอย่างมาก และปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเดินจงกรมทุกวัน
ในวันที่ 19 ม.ค.64 เป็นวันที่มีชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียง นำผ้าป่ามาถวายเป็นเงิน 1,500 บาท พร้อมพระธาน 1 องค์ ซึ่งมีการทำพิธีไปแล้วตอนเช้า ตนไม่ว่างมาร่วมงาน จึงเดินทางมาดูพระประธานที่วัด เวลาประมาณ 13.30 น. พอมาถึงศาลาวัด ก็พูดว่าพระประธานองค์นี้สวยมาก ทันใดนั้นเหลือบไปเห็นคนร้าย ใส่โหม่งสีดำ เสื้อแขนยาวสีกรม กางเกงยีนส์ นอนหลบอยู่ใต้ฐานวางพระประธาน ซึ่งเป็นโต๊ะแคร่ไม้ 4 ขา
ทันใดนั้นตนจึงตะโกนเรียกพระสุริยา เพื่อจะถามว่าคือใคร แต่ว่าคนร้ายหลบหนีออกไปทางด้านหลังของศาลา ซึ่งเป็นเพียงแค่ผ้าใบที่ขึงไว้กับเสาของศาลา จากนั้นตนจึงไปนั่งคุยกับพระสุริยาว่าให้ระวัง เผื่อมึโจรมาขโมยของเหมือนครั้งก่อน เพราะพระสุริยาเคยถูกขโมยเงินในย่ามหลายครั้ง เวลาที่พระสุริยาไปอาบน้ำ หรือบำเพ็ญเพียร ก็จะไม่ได้พกย่ามติดตัว
นอกจากเงินแล้ว ก็ยังมีโทรศัพท์พระที่เคยหาย 3 เครื่อง แต่ทุกครั้งที่เงินหาย พระสุริยาก็จะพูดไปในแนวทางธรรมะว่า ให้อภัยเขา คงเป็นเวรเป็นกรรมที่เคยสร้างกันมาในคราวก่อน และไม่เคยดำเนินคดีกับใคร ส่วนคนร้ายที่ตนพบเจอตนก็ไม่แน่ใจว่าคือใคร
วันเกิดเหตุตนไปธุระ แล้วเห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์โทรมาที่เครื่องของตน แต่ตนไม่ได้รับ เพราะลืมโทรศัพท์ไว้บ้าน พอกลับมาก็เห็นว่ามีสายของพระสุริยาโทรมา ตนจึงโทรกลับ เมื่อโทรกลับแล้วเป็นเสียงกู้ภัยรับ บอกว่าพระสุริยาถูกคนทำร้ายด้วยการตีที่ศีรษะ ตนจึงรุดมายังที่วัด แต่ก็ไม่เจอใคร จากนั้นก็ไปหาพระที่ รพ.คอนสาร ส่วนตัวรู้สึกตกใจที่เกิดเหตุขึ้น ซึ่งพระสุริยาเป็นพระที่ค่อนข้างเคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม
ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนางฉวี ชาติชำนาญ อายุ 55 ปี โยมอุปฐาก เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นผู้ถวายข้าว-น้ำ ให้พระสุริยาทุกวัน วันเกิดเหตุ 22 ม.ค.64 ในช่วงเช้าตนเดินทางมากับนางแดง เพื่อถวายอาหารให้กับพระสุริยา ซึ่งก็เป็นการพูดคุยถามไถ่ตามปกติ ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร หลังจากนั้นตนก็ออกจากวัดเวลาประมาณ 08.30 น. กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้รับสายโทรศัพท์จากพระสุริยา บอกว่าให้มาที่วัดหน่อย พระหัวแตก
ทั้งนี้ตนก็ตกใจรีบเดินทางมาที่วัด ปรากฏว่าเห็นพระสุริยาหัวแตกเลือดไหลเยอะ แล้วพระพูดกับตนว่า ตนโดนทำร้าย แล้วก็ล้มฟุบลงกับพื้น ตนทำอะไรไม่ถูก จึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากคนสวน ให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังพื้นที่ ส่วนตัวไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เนื่องจากพระสุริยาเล่าให้ตนฟังว่า วันที่ 19 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ที่มีคนเจอชายลักษณะคล้ายโจรมาแถวศาลาที่มีพระประธาน แล้วหลบหนี ตนก็ไม่ได้เห็นรูปลักษณะ จึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นใคร แต่คาดสาเหตุว่าคนร้ายน่าจะบุกมาชิงทรัพย์พระสุริยา แต่วันเกิดเหตุไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรหาย
แล้วพระสุริยาเองก็ไม่ได้มีลูกศิษย์ เนื่องจากเป็นพระธุงค์ เดินตามรอยหลวงตามหาบัว จะอยู่แบบสันโดษคนเดียว ไม่มีใครติดตาม และพระสุริยาก็เป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมมาก ขนาดที่ว่าสั่งห้ามตนว่า ห้ามเดินทางมาหาพระคนเดียว จะพาใครมาก็ได้ แต่ต้องมาเป็นคู่ ไม่เช่นนั้นผิดวินัยสงฆ์ และคนจะมองตนไม่ดี และจะมีการจัดพิธิฌาปนกิจศพพระสุริยา ในวันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 15.00 น.
นอกจากนี้ทราบข่าวว่าพระสุริยาได้บอกหวยงวดประจำวันที่ 17 ม.ค.64 บอกญาติโยม 951 จนชาวบ้านในละแวกนั้นซื้อและถูกหวยกันเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านหลังจากถูกหวยแล้วได้ถวายพระประธาน 1 องค์ และเงินจำนวนหนึ่งให้กับพระสุริยา ไว้ใช้จ่ายภายในวัด