ล่าฆาตกรฆ่าพระ เจอเบาะแสคนแอบกดเงิน ญาติเศร้าร่วมเผาห่วงคนผิดลอยนวล (คลิป)

จากกรณีพระธุดงค์วัดป่าถูกตีที่บริเวณศีรษะ ในขณะที่เดินจงกรมอยู่ภายในสำนักสงฆ์ป่าเปือย หมู่ 12 ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จนกระทั่งพบเบาะแสว่าวันที่ 19 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา ก่อนพระสุริยามรณภาพ มีชาวบ้านพบบุคคลคล้ายคนร้ายแอบอยู่ใต้โต๊ะพระประธาน

ล่าสุด วันที่ 25 ม.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังสำนักสงฆ์วัดป่าเปือย จัดงานฌาปนกิจศพของพระสุริยา วงศ์สมบัติ อายุ 45 ปี บรรยากาศเต็มไปด้วยสาธุชนหลายพื้นที่เดินทางมาร่วมพิธี และทำบุญถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสุริยา

ซึ่งชาวบ้านได้มีการสร้างเมรุจำลองความสูง 1.40 เมตร กว้าง 1.20 เมตร ยาว 2 เมตร ถูกตั้งศพของพระสุริยา บริเวณด้านหน้ามีของที่พระธุงค์จะใช้ประจำ คือบาตร ผ้าไตร ย่าม และกลดพระธุดงค์ จากนั้นก็มีพระประธานในการสวดอภิธรรมศพอีกครั้งก่อนที่จะมีการประชุมเพลิงในเวลา 15.00 น.

นางสาวสาริกา วงศ์สมบัติ อายุ 22 ปี ลูกสาวพระสุริยา เล่าว่า หลังจากที่พระสุริยามรณภาพ ก็ยังไม่มีมาเข้าฝันใคร ส่วนตัวเชื่อหลวงพ่อหมดห่วงแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็มีการให้ทางญาติทำประกันชีวิตไว้ ส่วนตัวคาดผู้สาเหตุน่าเป็นคนในพื้นที่ และอาจจะเป็นคนใกล้ตัว เนื่องจากคนร้ายรู้การเคลื่อนไหวของเงินพระ แต่ตนก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเป็นใคร เนื่องจากหลวงพ่อสุริยาไม่เคยพูดให้ฟังเลยว่าใครเป็นคนไปกดเงินให้

ทั้งนี้ ตนและญาติเคยโอนเงินให้ในทุกเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ว่าเงินหาย ส่วนใหญ่เป็นเงินสด เนื่องจากพระสุริยาให้ญาติโยมเป็นคนไปกดเงินให้ หลวงพ่อโทรมาบอกกับตนว่าเงินจึงหายแทบทุกเดือน ทั้งบัตรเอทีเอ็มหาย ทำใหม่ก็หาย หลัง ๆ มาหลวงตาเดินไม่ค่อยไหว เนื่องจากป่วยเป็นโรคเบาหวาน และมีแผลที่เท้าทำให้เดินไม่สะดวก ทางบ้านจึงให้หลวงตาเอารถยนต์ให้ใช้ เพื่อให้พระสุริยาใช้สัญญจรเดินทางไปธุระไปกดเงินด้วยตัวเอง จากนั้นเงินสดก็ไม่ค่อยหายแล้ว แต่จะเป็นเงินในบัญชีที่หายแทน นอกจากนี้ ตนเคยถามหลวงพ่อสุริยาว่าจะให้ดำเนินคดีหรือไม่ แต่หลวงพ่อสุริยาก็บอกว่าไม่ต้องเอาเรื่อง สาธุให้กับเขาไป จะได้หมดเวรหมดกรรมซึ่งกันและกัน

นายเพชรมณี ศรีเวียง อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุมา ในส่วนของชาวบ้านในหมู่ 12 ที่ตนดูแลนั้น ยังไม่มีใครหายตัวออกไปจากหมู่บ้าน เบาะแสที่ว่าเป็นวัยรุ่นส่วนใหญ่ก็จะไปเรียนและทำงานนอกจังหวัด ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านค่อนข้างจำหน้าลูกบ้านได้ทุกคน ลูกบ้านของตนก็ไม่มีใครที่มีนิสัยขี้ขโมยหรือลักเล็กขโมยน้อย ไม่เคยมีลูกบ้านมาแจ้งเหตุเลยว่าถูกขโมยขึ้นบ้าน และก็ไม่เคยมีใครถูกดำเนินคดีในเรื่องปล้นชิงวิ่งราว จะมีก็เพียงแค่คดียาเสพติด ซึ่งก็ได้มีการกวาดล้างและจับกุมตัวไปดำเนินคดีหมดแล้ว

ส่วนตัวก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้อยู่ โดยรูปพรรณที่มีเบาะแสล่าสุดตนก็ไม่ได้เป็นคนเห็นเอง ไม่รู้ว่าเป็นใคร และก็ไม่สามารถพูดฟันธงได้ว่าเป็นใคร เชื่อว่าน่าจะเป็นในพื้นที่แน่นอน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เผยนาทีสังหารพระสุริยาถูกจอบตีหัว อึ้งบอกมารจะมารับ ดันเจอคนซ่อนหลังพระประธาน

ขณะที่พระฤชัยจารุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดบ่อทองสามัคคีธรรม วัดประจำหมู่ 15 บอกว่าตนเป็นผู้ถวายประธานเมื่อวันที่ 19 ม.ค.64 ที่ผ่านมาเอง โดยก่อนหน้านี้พระสุริยาเดินทางไปบิณฑบาตในพื้นที่หมู่ 15 และได้มีการเข้าไปปรึกษากับตนว่าอยากให้ที่วัดมีพระประธาน ซึ่งจะขอพระพุทธรูปที่วัดบ่อทองสามัคคีธรรม 1 องค์ ส่วนตัวรู้สึกใจหายเมื่อทราบข่าวว่าพระสุริยาถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เนื่องจากพระสุริยาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรในธรรมะอย่างเคร่งครัด

นายช้าง (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านโนนจำปา บอกว่า วันเกิดเหตุเวลา 10.30 น. ตนไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของคนร้าย และไม่เห็นว่ามีคนที่มีลักษณะน่าสงสัย ทุกอย่างเป็นปกติ เวลา 13.00 น. ตอนขับรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาหาพระสุริยาที่วัด แต่พบว่าเห็นมีเพียงรองเท้าของพระถอดวางไว้อยู่บริเวณหน้ากุฎิ ตนก็เข้าใจว่าพระน่าจะบำเพ็ญเพียรอยู่ จึงไม่รบกวน และขับรถเดินทางกลับมาบ้าน กระทั่งเวลา 16.00 น. ตนจึงทราบข่าวว่าพระสุริยาถูกทำร้ายร่างกาย

ตนรู้สึกใจหายมากเมื่อทราบข่าว สงสัยว่าคนก่อเหตุจิตใจทำด้วยอะไร ไม่อยากจะใช้คำว่ามารศาสนา เพราะคนแบบนี้มันยิ่งกว่ามารศาสนา อยากให้เจ้าหน้าที่จับตัวได้ไว ๆ แล้วให้รีบมาทำแผนฯ ตนอยากจะเห็นหน้าเหลือเกินว่าเป็นใคร

สำหรับลักษณธของคนร้ายที่เข้ามาชาวบ้านเห็นว่าใส่โหม่งสีดำ เสื้อแขนยาวสีกรม กางเกงยีนส์ นอนหลบอยู่ใต้ฐานวางพระประธาน ซึ่งเป็นโต๊ะแคร่ไม้ 4 ขา แต่ตอนนี้หายตัวไปแล้ว

นายสวงษ์ คำตื้อ อายุ 56 ปี ชาวบ้าน เล่าว่า ตนเคยพาพระสุริยาไปกดเงิน 2 ครั้ง ช่วงแรกที่พระสุริยาเพิ่งมาธุดงค์ใหม่ ๆ ด้วยการขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่ง ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนลงไปกดเงินให้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พาพระสุริยาไปกดเงินอีกเลย ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าพระสุริยาจะไหว้วานใครไปกดเงินให้เป็นประจำ คาดว่าพระสุริยาน่าจะวานญาติโยมทั่วไปที่มีรถมอเตอร์ไซค์ให้พาไปกดเงิน ซึ่งพระสุริยาเองก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ตนฟัง

หลังจากนั้น ช่วงหลังมา ญาตินำรถยนต์มาให้พระสุริยาใช้ เพื่อใช้ไปล้างแผลเบาหวานที่ขา รวมถึงไปทำธุระกรรมทางการเงิน แต่เรื่องของเงินหายและโทรศัพท์หาย ก็ยังได้ยินพระสุริยาบ่นให้ฟังบ้าง

นอกจากนี้ วันเกิดเหตุตนไปธุระ แล้วเห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์โทรมาที่เครื่องของตน แต่ตนไม่ได้รับ เพราะลืมโทรศัพท์ไว้บ้าน พอกลับมาก็เห็นว่ามีสายของพระสุริยาโทรมา ตนจึงโทรกลับ เมื่อโทรกลับแล้วเป็นเสียงกู้ภัยรับสายบอกว่าพระสุริยาถูกคนทำร้ายด้วยการตีที่ศีรษะ

ข้อมูลจากนางฉวี ชาติชำนาญ อายุ 55 ปี โยมอุปฐาก เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นผู้ถวายข้าว-น้ำ ให้พระสุริยาทุกวัน วันเกิดเหตุ 22 ม.ค.64 ในช่วงเช้าตนเดินทางมากับนางแดง เพื่อถวายอาหารให้กับพระสุริยา

หลังจากนั้นตนก็ออกจากวัดเวลาประมาณ 08.30 น. กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้รับสายโทรศัพท์จากพระสุริยา บอกว่าให้มาที่วัด เพราะหัวแตก ก่อไปที่วัดและทราบภายหลังว่าพระเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ทีมข่าวสำรวจพื้นที่ภายในวัดทั้งหมดบนพื้นที่มากกว่า 3 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ โดยทีมข่าวสำรวจจุดที่ 1 เป็นจุดที่พระสุริยาเดินจงกรม เป็นลานดินเล็ก ๆ ความกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาน 15 เมตร อยู่ติดกับริมบ่อน้ำหลังศาลาองค์พระประทาน ซึ่งเป็นจุดที่พระสุริยาถูกคนร้ายดักซุ่มตีหัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้คือจอบ 1 เล่ม วางทิ้งไว้ใกล้จุดเกิดเหตุ

โดยลักษณะของวัดเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีประตูเข้าออก และไม่มีรั้วล้อมรอบ จากที่ทีมข่าวสำรวจพบว่ามีทางเข้าออกวัดได้ 2 ทาง โดยทางที่ 1 จากถนนใหญ่เข้าทางข้างโรงเรียนบ้านป่าว่าน มีระยะทางห่างกันประมาณ 500 เมตร

ซึ่งถ้ามาจากเส้นทางนี้จะเข้ามาเจอกุฏิพระก่อน ส่วนอีกเส้นทางอยู่มาด้านหลังของพื้นที่วัดติดกับป่าอ้อย พบว่าถนนเส้นนี้สามารถออกไปอีกทางในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีระยะทางห่างจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตร