พลทหารหนีค่ายผวารุ่นพี่ซ่อมปมพี้กัญชา แฉให้นอนครูดพื้น ฉีดน้ำกรอกปากหวิดสิ้นลม (คลิป)

เมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 นายศุภวิทย์ วงษ์อุรา เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก 2 ทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่ง จ.ชลบุรี หลังหนีออกมาร้องเรียนว่าถูกครูฝึกทหารและผู้ช่วย ทั้งซ้อมทั้งตีจนได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย 

โดยมีนายสุพิศ ประจง อายุ 63 ปี, นางฉัตรา ประจง อายุ 56 ปี และนางปุญญิศา ศิริรักษ์ อายุ 49 ปี พ่อและแม่ของพลทหารขจรศักดิ์ ประจง อายุ 23 ปี และพลทหารวัชระ ศิริรักษ์ อายุ 22 ปี พาเข้าร้องเรียน

โดยพลทหารทั้ง 2 คนมีบาดแผลที่หัวไหล่ทั้งสองข้างเป็นแผลถลอกจนเนื้อหลุดออก ตามก้นและตามร่างกายพบเป็นรอยช้ำคล้ายถูกตีด้วยไม้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง ได้รับเรื่องไว้แล้ว พร้อมแนะนำให้ทั้ง 2 คนนำหนังสือไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชลบุรี สถานที่เกิดเหตุ และจะประสานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ให้ช่วยดำเนินการต่อไป

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ ไปยัง จ.ระยอง พูดคุยกับพลทหารขจรศักดิ์ ประจง อายุ 23 ปี พลทหารที่บาดเจ็บ ได้ให้ทีมข่าวดูแผลบาดแผลที่ถูกทำร้าย มีที่หัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง เป็นแผลถลอกขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากแผลอยู่ระหว่างติดเชื้อ และบริเวณที่คุยกัน มีฝุ่นเยอะ หากแกะออกแผลอาจจะอักเสบได้ แต่มีภาพนิ่งที่ถ่ายไว้ตอนเกิดเหตุใหม่ ๆ ให้ทีมข่าวดู ส่วนที่ข้อศอกมีร่องรอยแผลตกสะเก็ดเล็กน้อย

พลทหารขจรศักดิ์ เล่าว่า อยู่ในค่ายดังกล่าวมา 1 ปี 2 เดือน และเหลืออีก 8 เดือน ก็จะปลดประจำการแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ม.ค.64 เวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้ถูกครูฝึกจับได้ว่าลักลอบสูบกัญชา ร่วมกับเพื่อนทหารรวมทั้งหมด 5 คน ทั้งหมดจึงถูกควบคุมตัวสอบสวนให้รับสารภาพว่าเอากัญชามาจากใคร พวกตนก็รับผิดไปหมดแล้ว แต่ครูฝึกและผู้ช่วย ก็ทำโทษให้ยืนเรียงตัว เริ่มลงโทษด้วยการใช้ไม้ตีเข้าไม่ยั้งตามแขนขา หลัง และก้น เพื่อให้รับสารภาพว่าเอากัญชามาจากใครจนไม้หัก

หลังจากนั้นก็ให้ถอดเสื้อออก แล้วเอาเอามือไขว้หลังเอาตัวไถลไปกับพื้น จนพวกตนต้องฝืนทำไป 2-3 รอบ จากนั้นถ้าไม่ไหว ไม่ทำต่อให้ถึง 1 นาที ก็จะถูกไม้ตีไปตามก้นตามขา และยังให้พวกตนแทงปลาหมออีก จนทนแทบไม่ไหว

ต่อมาครูฝึกให้นอนหงาย เอาผ้าปิดหน้า ลากสายยางฉีดน้ำกรอกปาก จนเหมือนคนจะตาย ตนและเพื่อนอีกคน จึงตัดสินใจหลบหนีออกมา ตอนวันที่ 23 ม.ค.64 แต่หนีมาได้แค่ 2 คน อีก 3 คนไม่กล้า เพราะกลัวโดนจับได้ ก่อนพากันมาปรึกษาผู้ปกครองเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมดังกล่าว

ทั้งนี้เพื่อนตน 3 คนที่ยังอยู่ในค่าย ถูกทำโทษต่อให้กระโดดบ่อน้ำเน่าด้วย ทั้งที่มีแผลอยู่ ตอนนั้นติดต่อกันได้เพราะมีมือถือ แต่ตอนนี้เพื่อนถูกยึดไปแล้ว ไม่รู้ชะตากรรม แต่มี 1 คน สภาพจิตใจหวาดกลัวมาก ขนาดได้ยินเสียงเรียกของครูฝึกยังตกใจ

"ผมอยากบอกคนที่ทำโทษว่า ทำไมต้องใช้ความรุนแรงถึงขนาดนี้ ผมไม่รู้ทำผิดเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้ตีเหมือนผมไม่ใช่คน " และอยากบอกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ อยากขอความคุ้มครอง ว่าหากตนกลับไปรับผิดที่หนีทหาร เมื่อกลับไปรับโทษจะปลอดภัย ไม่รู้ว่ากลับไปจะโดนอะไรบ้าง ขอให้ช่วยรักษาความปลอดภัยตนด้วย ตนยินดีรับโทษตามกฎระเบียบ ให้ขังคุกก็ได้ แต่ไม่ใช่มาซ้อมกับแบบนี้

ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าถ้าตนไม่หนีออกมาจากค่าย ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง จะยังมีชีวิตรอดออกมาเจอพ่อแม่หรือไม่ เพราะหากตายไปแล้วใคนตายก็ไม่มีสิทธิ์พูด แต่เมื่อหนีออกมาแล้ว มีความผิดตนก็ยอมรับ หากกลับไปจะจับขังคุกตามระเบียบก็ยอม แต่อย่ามาทำร้ายกันแบบนี้

พลทหารขจรศักดิ์ เล่าด้วยว่า หลังเกิดเรื่องมีโทรศัพท์จากค่ายทหาร ติดต่อตนมาเรื่อย ๆ ขอคุยทั้งตนและผู้ปกครอง ว่า อยากคุยและเจรจากันก่อน เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย ตนดูแล้วเหมือนไม่อยากให้ตนแจ้งความก่อน แต่ตนมองว่าหากไม่แจ้งความ ตนอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะทหารต้องเข้าข้างกัน

นอกจากนี้ ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ พลทหารวัชระ ศิริรักษ์ อายุ 22 ปี พลทหารอีกคนที่หนีมาพร้อมกัน โดยพลทหารวัชระ ให้ทีมข่าวดูร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำโทษ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 22 ม.ค.64 แต่วันนี้บาดแผลยิ่งชัดขึ้น โดยเจ้าตัวให้ดูที่หัวไหลทั้ง 2 ข้าง ที่มีแผลถลอกจากการเอามือไขว้หลัง ส่วนที่โหนกแก้มฝั่งขวา เกิดจากตนเอาหัวไหล่ไถพื้นไม่ไหว เจ็บแผลมาก จึงเอาหน้าไถไปแทน เพราะหากไม่ไถไปก็จะถูกตีซ้ำ ๆ ส่วนที่หน้าอกเป็นแผลจากการถูกไม้ตี และที่เอว นอกจากนี้ยังมีที่ก้นและที่ขา จากการถูกไม้ตีอีกด้วย

พลทหารวัชระ เล่าว่า ตนโดนทำโทษรวมกัน 5 คน ตอนแรกนั่งเรียงแถวตนเป็นคนแรก ส่วนพลทหารขจรศักดิ์ เป็นคนที่ 3 พลทหารอีก 3 คน ก็ไล่เรียงกันตามลำดับ จากนั้นมีการถามว่าเอากัญชามาจากไหน ก่อนจะมีเพื่อนพลทหารรายหนึ่งถูกเตะตัวทะลุกระจกจนแตก นอนไถลไปกับพื้น บังคับให้มือไขว้หลัง ใช้ไหล่เดินแทนขา ถ้าทำไมได้ก็ถูกไม้ตี

ทั้งนี้ที่เสพกัญชาในค่ายก็ยอมรับว่าเสพจริง รวมทั้งโทษที่หนีค่ายทหารมาด้วย แต่ตนมองว่า การทำโทษที่ตนเจอมันหนักเกิน "ผมไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน กลัวจนตัวสั่น ผมยกมือไว้เขาเลยตอนที่เขาเอาผ้าปิดหน้า เอาน้ำกรอกปาก ผมร้องไห้ ขอร้องไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้เลยจริง ๆ"

"มันเหมือนจะตาย คือเขาเอาผ้าปิดหน้า และน้ำมันซึมอยู่ในผ้า พอหายใจเข้าไปก็มีแต่น้ำ เหมือนจะขาดใจตาย" จากเดิมนั่งเอาผ้าปิดหน้าไม่พอ รอบ 2 ให้นอนเอาผ้าปิดหน้าแล้วฉีดน้ำ ตามที่บอกไปข้างต้น ตนมองว่ามันเกินไป

พลทหารวัชระ บอกว่า ไม้ที่ตีไม่ใช่อันเล็ก ๆ ใหญ่เท่าแขน ทั้งไม้ไผ่และไม้ยูคา ตนจึงจำใจต้องไถตัวเองจนหน้าเป็นแผล เพราะใช้หัวไหล่เดินไถไปตามพื้นไม่ไหวแล้ว เลือดออกเยอะ เพราะเป็นแผลถลอก จากนั้นยังมีการนำสายยางมาไล่ตี และนำผ้าคลุมปิดหน้าทุกคนก่อนใช้สายยางราดน้ำไปทั่วหน้า ต่อมาครูฝึกใช้เท้ากดลงที่หน้าอกก่อนจะใช้สายยางกรอกปาก ตนแทบขาดใจ ยังเอาเข่ามากดหน้าอกไว้อีก ไม่ให้ลุกหนี จากนั้นยังมีเหล็กและสายยางถือมาด้วยไม้รู้ใช้ตีด้วยหรือไม่ 

"แต่ที่สงสารที่สุดคือเพื่อน ครูฝึกให้เอาหัวปักลงพื้น ถ้าใครล้ม ถูกไม้ตี เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ หัวปักไม่ไหว ล้มลงไปก็ถูกตีอยู่อย่างนั้น ตีจนกว่าจะลุกขึ้นมา ส่วนไม้ที่ตี เป็นไม้ไผ่ ไม้ยูคา อันเท่าแขน ตีจนหักทุกคนคิดดูว่าแรงขนาดไหน ตอนนั้นครูฝึกก็พยายามเค้นถามว่าเอากัญชามาจากไหนยังไง ผมพูดความจริงไปทุกอย่างว่าเอามาจากไหน โดนขนาดนี้ โกหกไม่ได้อยู่แล้ว" แต่ครูฝึกไม่เชื่อทำโทษต่อไป "คนจะตายจริง ๆ อยู่แล้ว กลัวจัด กลัวมาก" จึงพากันหนีออกมา เหมือนหนีความตาย

ทั้งนี้พอตนหนีมา กับพลทหารขจรศักดิ์ ยังสามารถติดต่อกับเพื่อนอีก 3 คนได้ ทราบว่าทั้ง 3 คนที่มีแผลเต็มตัว และไม่ได้รับการทำแผลอย่างถูกต้อง ยังถูกทำโทษให้กระโดดลงน้ำเน่าอีกด้วย ที่ตนหนีออกมา ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ออกมาก็ต้องดำเนินการให้สุด และยอมรับว่ากลัวมากถ้ากลับไปในค่ายรับโทษที่หนีค่ายออกมาจะเจออะไร กลัวจะโดนทำเหมือนเดิม ขอสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะตอนนี้คดีดังอาจไม่ถูกทำอะไรรุนแรง แต่พอเรื่องเงียบตนไม่รู้จะปลอดภัยหรือไม่ ตอนนี้กลัวมาก ตอนนี้อาการเจ็บตามร่างกายยังระบมมาก

นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ นายสุพิศ ประจง อายุ 63 ปี พ่อของพลทหารขจรศักดิ์ เล่าว่า ลูกชายซมซานหนีตายออกจากค่ายทหารมา สภาพแผลแดงสดเต็มตัว ไม่ได้รับการทำแผลแต่อย่างใด ตนรับไม่ได้ เลี้ยงลูกมาไม่เคยทำโทษลูกแบบนี้ ไม่เคยมีแผลแบบนี้ ยอมรับเลยลูกไปค่ายทหารใหม่ ๆ เคยจะหนีทหารเหมือนกัน แต่ตนบอกว่าลูกผู้ชายต้องอดทน จนปัจจุบันเกือบจะฝึกจบแล้วเหลืออีกแค่ 8 เดือนเท่านั้น

ทั้งนี้มาทำกับลูกตนแบบนี้ ก็เสียใจ ผิดเป็นผิด กฎหมายมีในมือกันทุกคน ลูกตนเสพกัญชา ก็จับขังคุกไป ทำไมต้องทำแบบนี้ ตอนเกิดเรื่องตนเอะใจเหมือนกันว่า ลูกหายไปไหน ไม่มีติดต่อกลับมาเลย มารู้ทีหลังถูกทำโทษไปแล้ว 1 เดือน และหนีกลับมาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ตนจึงพาไปร้องเรียน ที่ศูนย์ดำรงธรรมเพราะอยากให้ลูกและเพื่อนลูกชาย ได้รับความเป็นธรรม

นอกจากนี้ตนมองว่า สิ่งที่ครูฝึกในค่ายทหาร ทำโทษลูกตนและเพื่อนเกินไปจริง ๆ สมัยก่อนที่เป็นทหารไม่เคยมีการลงโทษรุนแรงแบบนี้ ส่วนตัวก็เคยโดนทำโทษ แต่ผิดก็ตามผิด ไม่ใช่รุนแรงเกินกว่าเหตุ เมื่อก่อนผิดก็ขังคุกทหารอย่างเดียว "ไม่คิดว่าจะมาเจอกับลูกตัวเอง ไม่คิดจะเป็นครอบครัวเรา รับไม่ได้ ผิดก็ขังกันไป ทำโทษแบบนี้ มันไม่เคยมี"

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลือตรวจสอบให้ที ไม่ใช่แค่ลูกตน อยากให้ดูแลให้ความเป็นธรรมกับทหารเกณฑ์ด้วย อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย ถ้าเจอแบบนี้ใครอยากจะเข้าไปเกณฑ์ทหารรับใช้ชาติ เพราะมีข่าวเกี่ยวกับทหารโดนทำร้ายเยอะ

โดยวันพรุ่งนี้ (26 ม.ค.64) ตนจะพาลูกไปแจ้งความ สภ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะทนไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่ทำอะไร ไม่มีใครออกมาร้องเรียน ใครจะกล้าเปิดโปงพฤติกรรมทำร้ายร่างกายทหารเกณฑ์ และทราบว่ายังเคยมีคนถูกทำร้ายมาก่อนหน้านี้ด้วย แต่เรื่องกลับเงียบ