วันนี้ (17 พ.ค.) นายมาร์เซล เลออง โบเรล ชาวสวิตเซอร์แลนด์ พ่อของเด็กลูกครึ่งที่พลัดตกตึกย่านรามคำแหงทั้ง 4 คน พร้อมด้วยนางนฎกร ผลสนอง ทนายความส่วนตัว เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รองผกก.สอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้เอาผิดกับ น.ส.รัตติกาล ประกายแก้ว อดีตภรรยา ซึ่งเป็นแม่ของเด็ก ฐานประมาท ละเลย จนปล่อยให้เด็กทั้ง 4 คนเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต
โดยขอให้พนักงานสอบสวนช่วยไกล่เกลี่ยกับแม่เด็ก ให้ยินยอมให้ตนสามารถเข้าเยี่ยมลูกได้ ซึ่งแม่เด็กทำผิดข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ยอมให้พ่อเข้าเยี่ยมลูก และกีดกันไม่ให้เข้าใกล้ตัวเด็ก ซึ่งตอนแรกที่ได้เข้าเยี่ยมลูก้าและดีดี้ ลูกก็ดีใจ ยิ้ม พูดคุยปกติ แต่หลังจากนั้นที่แม่เข้าไปใกล้เด็ก และลูกก็ไม่คุยกับตนอีก มีร้องไห้บ้าง ตนจึงสงสัยว่าแม่เด็กอาจจะพูดอะไรกับลูกเพื่อไม่ให้อยากเจอตน
นายมาร์เซล มองว่าเด็กกำลังจะออกจากโรงพยาบาลได้ และรู้สึกไม่ไว้ใจแม่ และครอบครัว หากจะดูแลเด็ก อาจจะปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังอีก จึงไม่ต้องการให้ลูกเสี่ยงอันตราย จึงเตรียมที่จะเข้าร้องกับมูลนิธิปวีณาฯ ให้ช่วยเหลือต่อ หลังจากนี้จะไปต่อสู้กันที่ศาล เมื่ออาการของลูกหายดีแล้ว
โดยก่อนหน้านี้แม่เด็ก อ้างว่า ยังไม่ให้พบลูกเพราะลูกยังอาการไม่ค่อยดี หลังจากที่ตนเข้าเยี่ยมลูก แม่ของเด็กก็ถ่ายรูป ถ่ายคลิปวีดีโอไว้ และพยายามให้ข้อมูลสื่อฯว่าลูกกลัว ไม่อยากพบตน
หลังจากแจ้งความ นายมาร์เซล ได้เดินทางไปยัง รพ.แพทย์ปัญญา เพื่อเข้าเยี่ยมอาการลูกๆ โดยในวันนี้มีคุณยายเฝ้าอาการของน้องอยู่ ทีมข่าวก็ได้ยินเสียงน้องลูก้าร้องไห้ โดยนายมาร์เซลได้เข้าเยี่ยมอยู่ประมาณ 10 นาที ก็เดินออกมา เพราะลูกร้องไห้เสียงดัง จนพยาบาลขอให้กลับไปก่อน
เบื้องต้นนายมาร์เชล บอกว่าอาการของทั้ง 2 คนดีขึ้น ตนสังเกตว่าลูกไม่เหมือนเดิม จึงอยากให้มีการแสกนสมอง ส่วนเสียงของลูก้าที่ร้องไห้นั้น เพราะต้องการให้ตนโทรไปหาแม่เด็ก ซึ่งไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร แต่ตนคิดว่าลูก้าจะให้โทรไปถามเรื่องแท็บเล็ต ที่ตนเพิ่งซื้อมาให้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะแม่อ้างว่าแท็บเล็ตเสีย เอาไปซ่อมอยู่ โดยลูก้าก็พยายามจะถ่ายรูปคู่กับตน เพื่อส่งไปให้พี่สาวที่อยู่ต่างประเทศดู นอกจากนี้ก็มีเสียงของยายโวยวายตลอดเวลา ตนไม่แน่ใจว่ายายโวยวายอะไร เพราะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจ แต่คิดว่าพยายามทำเสียงดังให้ลูก้าร้องไห้ เพื่อที่จะให้ตนกลับออกไปโดยเร็ว