โผล่พรึบ 13 คนในโคราชถูกเช็กบิลคืนเงินเบี้ยสูงอายุ อบต.ให้ผ่อนแต่บางคนขอสู้ในศาล (คลิป)

26 ม.ค. 64

วันที่ 26 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายมฤคินทร์ เขียนจอหอ อายุ 42 ปี ลูกชายของนางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากได้รับหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่จ่ายให้กับนางประจวบย้อนหลัง ตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 11 ปี เป็นจำนวนเงิน 76,400 บาท และรวมดอกเบี้ยเป็นยอดจำนวน 77,737 บาท

930820

นายมฤคินทร์ เขียนจอหอ ลูกชายของนางประจวบ ปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้บิดาของตนคือ ร้อยตำรวจตรีสัมพันธ์ ผะดาวัลย์ รับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน และได้เสียชีวิตลง จากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เมื่อปี 2515 ทำให้นางประจวบ แม่ของตนได้รับเงินบำนาญพิเศษตั้งแต่นั้นมา

100468

จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากเทศบาลตำบลจอหอ ขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากแม่ของตน ซึ่งปัจจุบันแม่ของตนต้องรักษาอาการป่วยที่ขา ขาขวาเดินไม่สะดวก ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันเวลาเดินตลอดเวลา และแม่ของตนมีรายได้จากเงินบำนาญพิเศษเพียงทางเดียว ไม่มีรายได้อย่างอื่น โดยก่อนหน้านี้ตนเองได้เข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลจอหอแล้ว แต่ทางเทศบาลขอเรียกเก็บเงินคืนในอัตราที่สูง โดยขอเรียกเก็บเงินคืน 3 เดือนแรก ในอัตราเดือนละ 18,000 บาท จากนั้นเดือนที่ 4 เรียกเก็บเงินในอัตราเดือนละ 1,100 บาท ซึ่งตนได้เจราจรขอผ่อนจ่ายเงินก้อนที่ต้องจ่ายคืน 3 เดือนแรก เพราะเป็นอัตราที่สูงเกินไป ครอบครัวของตนจ่ายคืนไม่ไหว แต่ทางเทศบาลไม่ยอม และได้ส่งเรื่องไปฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา

ล่าสุด ศาลแขวงนครราชสีมาได้มีหมายเรียกให้ นางประจวบ ผะดาวัลย์ แม่ของตน ในฐานะจำเลย ไปพบที่ศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งตนและแม่พร้อมที่จะเดินทางไปศาล เพื่อให้ศาลช่วยเป็นที่พึ่ง และช่วยพูดคุยเจราจรไกล่เกลี่ยด้วยความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของตน

930532

ด้านนายเสรี ไชยกิตติ นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2562 ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งมาว่า ในพื้นที่ตำบลจอหอ มีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสมบัติได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่ทั้งหมด จำนวน 13 ราย เนื่องจากได้รับเงินบำนาญตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ต่อมาทางเทศบาลตำบลจอหอก็ได้ทำหนังสือไปเชิญทั้ง 13 รายมาสอบถาม ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนได้รับเงินบำนาญจริง ทางเทศบาลฯ จึงได้ส่งเรื่องไปให้กรมบัญชีกลางทราบ กระทั่งปลายปี 2563 ทางกรมบัญชีกลางก็มีหนังสือให้ทางเทศบาลเรียกเก็บเงินเบี้ยยังชีพคืน ซึ่งก็มีผู้สูงอายุจำนวน 9 รายที่ยอมคืนเบี้ยยังชีพ โดยบางรายที่มียอดเงินน้อยไม่กี่หมื่นบาท ก็ขอคืนทั้งหมดในคราวเดียว

ขณะที่บางรายที่มียอดเงินหลายหมื่นบาท ถึง 1 แสนกว่าบาท ก็พร้อมที่จะผ่อนชำระตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนอีก 4 ราย แสดงความประสงค์ไม่คืนเงิน ทางเทศบาลฯ จึงมีความจำเป็นต้องส่งเรื่องฟ้องต่อศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อให้พิจารณาดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป ทั้งนี้ ตนเองขอยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใด ๆ แม้ในความเป็นจริงก็ไม่ได้อยากฟ้อง แต่หากไม่ฟ้องก็จะโดนข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่

705844

นอกจากนี้ นางสาววรรณภา สารเป็น อายุ 28 ปี บุตรสาวของนางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางสาวสมหมาย สมบูรณ์รัมย์ อายุ 60 ปี บุตรสาวของนางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ตำบลจอหอ ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวถูกทางเทศบาลตำบลจอหอเรียกเก็บคืนเช่นเดียวกัน

674665

โดยนางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2549 ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ซึ่งรวมแล้วเป็นระยะเวลานานกว่า 14 ปี รวมเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ย 83,383 บาท

544492

ส่วนนางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2549 จนถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2563 เป็นระยะเวลากว่า 14 ปีเช่นเดียวกัน เมื่อรวมเงินพร้อมดอกเบี้ยแล้ว 84,673 บาท ทั้งนี้ นางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ได้รับเงินบำนาญพิเศษ จากสามีที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ และถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเช่นเดียวกัน ซึ่งล่าสุดนางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ได้ถูกหมายเรียกจากศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อการไกล่เกลี่ย การแก้ข้อหาแห่งคดีและสืบพยาน ในวันที่ 18 ก.พ. นี้

ครั้งแรกที่เห็นหนังสือเรียกทวงคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทั้งครอบครัวต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะในตอนแรกที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แม่ของตนไม่ได้ตั้งใจไปยื่นเรื่องขอรับเงินแต่อย่างใด แต่มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลจอหอเป็นผู้ดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทุกอย่าง ซึ่งแม่ของตนไม่รู้เรื่องกฎหมาย และคิดว่าเป็นเงินส่วนที่ตนพึงจะได้ กระทั่งมีหนังสือถูกเรียกขอคืนเงินดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้จ่ายเงินคืน 3 เดือนแรก งวดละ 18,000 บาท จากนั้นให้ทยอยผ่อนชำระในส่วนที่เหลือ อีกประมาณเดือนละ 1,000 บาท แต่ตนอยากจะขอผ่อนชำระปรับลงเป็นเดือนละ 500-600 บาท เพราะตนมีเงินไม่เพียงพอ ซึ่งตนยืนยันว่ายินดีจะผ่อนชำระ แต่ถ้าจะให้ชำระเป็นเงินก้อนตนก็คงจะคืนให้ไม่ไหว

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม