แฉเสี่ยโอเกะยิงสาว 15 คลั่งขอตาย เจอแชตขู่ฆ่า อึ้งร้านเปิดถึงตี 2 ไม่ไกลโรงพัก (คลิป)

กรณีร.ต.อ.วิสุทธิ์ พูลการขาย รอง สว.สส.สภ.ลาดยาว รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในร้านอาหาร หมู่ 11 ต.ลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ลาดยาว แพทย์เวรโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่

ที่เกิดเหตุเป็นร้านอาหารชื่อดังของอำเภอ มีพื้นที่บริการให้นั่งดื่มกิน และบางส่วนเป็นห้องให้บริการลูกค้าร้องเพลงคาราโอเกะ ทางเจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.แอ๋ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นอนเสียชีวิตคาอยู่หน้าประตูห้องทำงานเจ้าของร้าน ซึ่งอยู่บริเวณหลังร้าน ในสภาพมีรอยบาดแผลถูกอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด .38 มม. เข้าที่กลางหน้าผากจนเป็นรู และพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่นั้น ผู้ก่อเหตุคือ นายนิธิวัช เจ้าของร้าน

วันที่ 28 ม.ค. 64 ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ก่อเหตุไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านอาหารจุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาล จ.นครสวรรค์ ในช่วงเที่ยง

น.ส.ใจ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันนี้ ตนเองได้ไปดูบรรยากาศการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยตนเองได้เห็นหน้าผู้ต้องหาระยะไกล ขณะทำแผนฯ ตนได้ตะโกนด่าผู้ต้องหาว่า "มึงฆ่าลูกกูทำไม ทำไมมึงต้องทำลูกกู" จากนั้นผู้ต้องหาได้หันมามองหน้าตนเอง แต่ไม่ได้กล่าวขอโทษ

สำหรับปมก่อเหตุตนคิดว่าน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง เพราะเขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง แต่ตนไม่รู้ว่าเหตุการณ์วันนั้นเขาเรียกลูกสาวตนไปพูดคุยอะไรก่อนเกิดเหตุบ้าง ลูกสาวตนทำงานบริการ ต้องเจอคนมากมาย ตนไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุจะหึงหวงกรณีนี้หรือไม่ ที่ผู้ก่อเหตุอ้างตอนทำแผนว่าเขาทำปืนลั่นใส่ลูกสาวตนเอง ตนไม่มีทางเชื่อ แต่เชื่อว่าเขาตั้งใจก่อเหตุ ตั้งแต่เกิดเหตุ ภรรยาของผู้ก่อเหตุได้มาร่วมงานศพลูกสาวตน บอกกับตนว่าเขาแยกกันอยู่กับสามี และตัวภรรยาของผู้ก่อเหตุเองก็เคยถูกสามีทำร้ายร่างกายมาแล้วเหมือนกัน และภรรยาผู้ก่อเหตุให้เงินจำนวน 30,000 บาท เพื่อเป็นค่าทำศพของลูกสาว

ส่วนตัวแล้วตนไม่อยากเห็นหน้าผู้ก่อเหตุ ไม่ต้องการให้ผู้ก่อเหตุมาขอโทษลูกสาว เพราะตนยังทำใจไม่ได้ อยากให้เขาได้รับโทษให้ถึงที่สุด ให้เขาตายไปตามกับลูกสาว นอกจากนี้ ตอนที่ไปรับศพลูกสาวในที่เกิดเหตุ น้ำตาของลูกสาวได้ไหลออกจากดวงตา ทั้งที่ลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว ตนก็คิดว่าลูกสาวตนคงห่วงตน คงคิดถึงตน ตอนนี้ลูกสาวตนเสียชีวิตไปหนึ่งวันแล้ว ตนก็ไม่รู่ว่าวิญญาณของลูกสาวเขาจะไปอยู่ที่ไหน ลูกสาวตนเป็นเด็กขึ้กลัว

สำหรับน้องแอ๋ม ลูกสาวตนทำงานหาเงินตั้งแต่เด็ก ๆ เขาอยากได้เสื้อผ้าสวย ๆ ลูกสาวก็จะทำงานหาเงินซื้อเอง จะไม่รบกวนพ่อแม่ และถ้าเหลือเขาก็จะแบ่งให้ตนใช้ ตอนนี้ชุดนอนที่ลูกสาวตนสวมวันสุดท้ายก็ยังอยู่ในบ้าน ยังมีกลิ่นน้ำหอมลูดสาวติดอยู่ ตนคิดถึงลูกสาวมาก

นางสาวอ๋อม แฝดพี่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนได้ไปดูน้องสาวเห็นน้องสาวนอนอยู่ที่พื้น และเห็นผู้ก่อเหตุอยู่ข้างศพน้องสาว ตนได้ตะโกนด่าผู้ก่อเหตุว่า "มึงฆ่าน้องกูทำไม" เท่าที่น้องแอ๋มพูดคุยกับตนได้บอกว่าเขาคบหากับผู้ต้องหาได้ประมาณ 7 เดือน เวลามีปัญหาผู้ก่อเหตุจะชอบทำร้ายร่างกายน้องสาวตน หนักสุดถึงขั้นจีบศีรษะกระแทกกับท้ายรถกระบะจนศีรษะแตก

ทั้งนี้ ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเขาทำปืนลั่น ตนไม่เชื่อ คิดว่าเขาตั้งใจก่อเหตุ ก่อนหน้านี้น้องสาวตนได้บอกกับแม่ตนว่า ถ้าน้องสาวก้าวออกมาจากชีวิตนายนิธิวัช เขาจะเอาชีวิตน้องสาวตน ซึ่งตนไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง

โดยช่วงบ่ายของวันนี้ ระหว่างทีมข่าวสัมภาษณ์แม่ของตนที่หน้าบ้าน ตนได้นั่งอยู่ด้านในบ้านกับเพื่อนอีก 2 คนนั้น ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาว่า "แม่ แม่" จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงร้องไห้ โดยเป็นเสียงสั่น ๆ จากนั้นหันไปถามเพื่อนว่าได้ยินเหมือนไหม ซึ่งเพื่อนอีก 2 คน ก็ตอบว่าได้ยิน ส่วนตัวแล้วตนคิดว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของน้องแอ๋ม ผู้เสียชีวิต คาดว่าแอ๋มคงเป็นห่วงแม่ จึงมาร้องไห้ที่บ้าน ให้ตนและเพื่อนได้ยิน ที่ผ่านมาตนและแอ๋มจะทะเลาะกันตลอด แต่พอแอ๋มมาเสียชีวิต ตนคิดถึงแอ๋มมาก

นอกจากนี้ มีแชตเฟชบุ๊กอีก 1 ประโยค ที่น้องแอ๋ม ผู้เสียชีวิต เคยสนทนากับผู้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 63 ว่ามีการพูดคุยกับและหึงหวง ฝ่ายหญิงระบุว่า "ไม่ใช่ ไม่ได้ยุ่งกันตั้งแต่วันนั้นละ" จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ตอบกลับว่า "มีอะไรกันใช่ไหม" ผู้เสียชีวิตตอบกลับว่า "ยังไม่ได้มี" ผู้ก่อเหตุส่งข้อความต่อว่า "รู้ไหมว่าโกรธมากที่แอบไปกะคนอื่น" แอ๋มตอบกลับต่อว่า "รู้ว่าโกรธ" ผู้ก่อเหตุพิมพ์ตอบต่อว่า "เคยโดนแล้วยังโดนอีก ทั้งที่ไว้ใจ ฆ่าได้เลยรู้ไหม"

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุบริเวณจุดเกิดเหตุ วันนี้ร้านปิดทำการ และมีการปิดประตูรั้วหน้าร้านเอาไว้ ซึ่งจากการสังเกตไม่มีคนอยู่ในร้าน

ข่าวได้พูดคุยกับนางสาวแจ๋ม (นามสมมติ) พนักงานในร้านคาราโอเกะ ให้ข้อมูลว่า สำหรับร้านดังกล่าว มีพนักงานประมาณ 10 คน ประกอบด้วย นายนิธิวัช เจ้าของร้านคนก่อเหตุ, นายเติ้ล (นามสมมติ) คนยกของในร้าน อายุ 25 ปี, น.ส.แอ๋ม คนตาย, น.ส.แจ๋ม (นามสมมติ) อายุ 18 ปี, น.ส.หมิว อายุ 19 ปี, น.ส.บี อายุ 21 ปี, น.ส.เจน อายุ 25 ปี, น.ส.จี้ อายุ 25 ปี, น.ส.เฟริน อายุ 19 ปี, น.ส.นา อายุ 23 ปี

ซึ่งผู้หญิงจะทำหน้าที่ชงเหล้าให้ลูกค้า ดื่มกินกับลูกค้า ดูแลลูกค้า ในร้านจะมีโต๊ะให้บริการประมาณ 17 โต๊ะ เปิดให้บริการตั้งแต่ 20.00-02.00 น. ของทุกวัน และสำหรับ สภ.ลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์นั้น อยู่ห่างจากร้านที่เกิดเหตุ 1.8 กิโลเมตร

นางสาวแจ๋ม เล่าว่า สำหรับร้านตนเองมีประมาณ 10 คน ส่วนใหญ่พนักงานผู้หญิงจะมีหน้าที่ชงเหล้า และนั่งดื่มกินกับลูกค้า และดูแลลูกค้า สำหรับนายนิธิวัช คนก่อเหตุเป็นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย พนักงานผู้หญิงในร้านผู้ก่อเหตุเขาจะจีบแทบทุกคน ส่วนตัวแล้วตนก็เคยโดนเขาจีบ แต่ตนไม่เล่นด้วย

นอกจากน.ส.แอ๋ม ผู้เสียชีวิตแล้ว ก็มีพนักงานชื่อหมิวที่คบหากับนายนิธิวัช ในสถานะเดียวกันกับ น.ส.แอ๋ม ซึ่งหมิวก็ถูกนายนิธิวัช ทำร้ายร่างกายโดยการเอาไม่ตีศีรษะอีกด้วย จนหมิวศีรษะแตก ซึ่งปมที่นายนิธิวัชทำร้ายหมิวนั้น ก็เป็นเรื่องหึงหวงเหมือนกัน

โดยคืนเกิดเหตุ 1 วัน ตน แอ๋ม และหมิว ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงอีกร้านหนึ่ง จึงเป็นเหตุทำให้ผู้ก่อเหตุโกรธมาก พอกลับมาถึงร้าน มาทำงานที่ร้านของผู้ก่อเหตุต่อ ผู้ก่อเหตุได้หักค่าแรงพวกตนคนละ 500 บาท จากที่พวกตนต้องทำงานได้เงินแค่วันละ 150 บาท ไม่รวมทิป แต่ตนก็ยอมรับในส่วนที่ตนทำผิด สำหรับนางสาวแอ๋ม และน.ส.หมิว เขาคบหากับนายนิธิวัชจริง แต่เขาก็ไม่เคยมีปัญหากัน สามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้

หลังเกิดเหตุ ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ โดยผู้ก่อเหตุได้มีอาการคลั่ง เสียสติ พร้อมกับพูดว่า เอาตำรวจมาจับกู แล้วก็วิ่งเข้าไปกอดร่างแอ๋ม พูดว่า "เฮียขอโทษ เฮียขอโทษ" แล้วสติหลุด พยายามจะวิ่งออกมาที่หน้าร้าน ซึ่งเป็นถนนเพื่อจะให้รถชนตายไปตามน้องแอ๋ม แต่ระหว่างนั้นมีพนักงานในร้านผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาห้ามเอาไว้

นายบอล (นามสมมติ) อายุ 29 ปี หลานชายของนายนิธิวัช ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เท่าที่ตนเองรู้จักนายนิธิวัช น้าของตนมา ตนคาดว่าปมก่อเหตุน่าจะมาจากเรื่องชู้สาว เขาเป็นคนมีนิสัยใจร้อน ส่วนในวันเกิดเหตุตนไม่รู้รายละเอียด เชื่อว่าน้าของตนทำปืนลั่นใส่ผู้เสียชีวิต เพราะน้าของตนไม่กล้ายิงใคร สำหรับภรรยาของนายนิธิวัช น้าของตนนั้น เขาแยกกันอยู่กับภรรยา มีบ้านคนละหลัง หลังเกิดเหตุตนสงสารภรรยาและลูกของผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นหลังเกิดเหตุทางครอบครัวตนได้รับเป็นเจ้าภาพงานศพ เยียวยาครอบครัวผู้ก่อเหตุเป็นเงิน 30,000 บาท

ในฐานะที่ตนเป็นหลานของผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต แทนน้าของตน เพราะผู้เสียชีวิตเองก็กำลังโต และตนก็พอทราบข้อมูลมาว่า ผู้เสียชีวิตมาทำงานที่ร้านของน้าตนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว หลังเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับพนักงานในร้าน คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเล่าให้ตนฟังว่า ตอนเกิดเหตุนายนิธิวัช น้าของตน มีปากเสียงทะเลาะกับน้องแอ๋ม เรื่องน้องแอ๋มไปเที่ยวข้างนอก แล้วกลับมาร้านดึก ซึ่งทำให้น้าของตนเกิดอาการหึงหวง และต่อว่าน้องแอ๋มก่อนเกิดเหตุขึ้น