วันที่ 28 ม.ค.64 น.ส.ภานุชนาฏ ทิพย์กระโทก อายุ 26 ปี สาวแคดดี้สนามกอล์ฟ หอบเอกสารและรูปถ่ายรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีบรอนด์ทอง ทะเบียน ศน 8490 กรุงเทพฯ มีร่องรอยถูกชนบริเวณประตูหลังขวา ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าหลังจากตนนำรถคันดังกล่าวไปทำสีที่อู่แห่งหนึ่งย่านแพรกษา จ.สมุทรปราการ นานกว่า 3 เดือน แต่ไม่เสร็จ
และยังทราบข่าวร้ายว่าเจ้าของอู่นำรถของตนออกไปใช้ จนเกิดอุบัติเหตุ ถูกรถจักรยายนต์พุ่งชนกลางประตู จนคนขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิต ซ้ำร้ายเจ้าของอู่ยังปัดความรับผิดชอบ จนทราบภายหลังว่า นายณัฐการ กระตุดเงิน อายุ 25 ปี คนขี่รถจักรยายนต์ชนรถตนนั้นเสียชีวิตแล้ว
น.ส.ภานุชนาฏ ทิพย์กระโทก อายุ 26 ปี เจ้าของรถคันที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า แฟนของตนกับคู่กรณีรู้จักกันอยู่แล้ว ส่วนตัวเคยพูดคุยกับคู่กรณี แต่ไม่ได้สนิทกัน โดยเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 63 คู่กรณีได้เสนอว่าอยากจะทำสีรถให้ตนจึงยินดี และตกลงราคากันที่ค่าทำสี ทั้งหมด 9,000 บาท ส่วนตนซื้ออุปกรณ์เพิ่มอีก 20,000 บาท โดยคู่กรณีขอให้ตนโอนเงินให้ 5,000 บาท เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ วันที่ 28 ต.ค. ตนจึงโอนเงินให้ทันที แต่คู่กรณีกลับเริ่มทำสีรถช่วงสิ้นเดือน พ.ย. 63 ก่อนจะอ้างว่าต้องขัดเงารถเพิ่มอีก ตนจึงทิ้งรถไว้ ประกอบกับไม่ว่างไปเอารถด้วย
กระทั่ง วันที่ 18 ม.ค. 64 คู่กรณีได้โทรมาบอกว่าจะเอาเอกสารของรถเก๋งจากตน เพราะขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะมาทราบในเวลาต่อมาว่าเสียชีวิต โดยตัวรถพังเสียหายเกือบทั้งหมด แม้แต่เหล็กข้างในยังเบี้ยว แต่คู่กรณียืนยันบอกให้ตนใจเย็น ๆ และรับปากว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง ตอนแรกตนจะให้ซื้อรถต่อ แต่คู่กรณีไม่มีเงิน ตนจึงบอกให้จ่ายแค่ค่าซ่อมรถ โดยช่างประเมินราคาอยู่ที่ 50,000 บาท ซึ่งตอนแรกตอบตกลงทุกอย่าง แต่ในเวลาต่อมาคู่กรณีกลับมาบอกว่าขอเวลาหา 7 วัน แต่ตนอยากจะให้นำเงินมาจ่ายส่วนหนึ่ง เพราะช่างขอให้วางมัดจำไว้ก่อน เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ ขณะนี้คู่กรณียังไม่โอนเงินมาให้ และไม่ได้ติดต่อมาทางตนอีกเลย
หลังจากเกิดเหตุรถชนคนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 02.00 น. สุนัขพันธุ์อเมริกันบลูรี่จำนวน 4 ตัว และชิวาว่า 1 ตัว ได้ลุกขึ้นยืนและหอนโหยหวนทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตนจึงพูดในใจว่าถ้าเป็นน้องที่เสียชีวิต ตนเป็นเพียงเจ้าของรถ ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ จากนั้นเสียงได้เงียบลงทันที ส่วนคู่กรณีเท่าที่ตนทราบได้เจอวิญญูาณเช่นกัน โดยวิญญาณตามมาที่รถจักรยานยนต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อู่รถของคู่กรณี
อย่างไรก็ตาม ตนคงจะทำบุญไปให้ เพราะรถเป็นของตน และตนรู้สึกไม่สบายใจ อยากจะให้อีกฝั่งออกมารับผิดชอบ เพราะอีกฝ่ายผิดที่กลับรถในที่ห้ามกลับ ทั้งนี้ ตนได้นำเลขทะเบียนรถไปซื้อลอตเตอรี่ หากถูกจะนำมาสมทบทุน เพื่อไปทำบุญอีก
นอกจากนี้ ที่กระจกรถฝั่งขวา เจ้าของอู่รถได้เขียนตัวเลขไว้ เจ้าของอู่รถจะนำไปซื้อลอตเตอรี่ ได้แก่ เลข 490 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนรถเก๋งของเจ้าของรถ เลข 645 เป็นเลขโลงศพ เลข 24 เป็นอายุของผู้ตาย ผู้ตายอายุย่าง 25 ปี และเลข 816 เป็นเลขรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย
ทีมข่าวเดินทางมาที่อู่ซ่อมรถแห่งที่ 2 ที่เจ้าของรถนำมาซ่อม เทศบาลบางปู อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ นายจักรินทร์ ศรีพัชรานุกุล อายุ 40 ปี เจ้าของอู่ เปิดเผยว่า วันที่ 20 ม.ค. ตนรับงานมาทำ โดยสภาพรถประตูหลังและหลังคารถพังเสียหาย ชายน้ำยุบตัวเข้าไป แก้มประตูหน้า กันชนหน้ากับหลังพังยับ และกระจกแตกหมด ขณะที่ยกรถมารถไม่มีแบตเตอรี่อยู่
โดยเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 64 ช่างกำลังทำงานอยู่ และสังเกตเห็นว่าไฟหลังรถติด ลักษณะเป็นไฟขณะเหยียบเบรก จึงตะโกนบอกตนว่า ติดได้อย่างไร ตนจึงเดินสำรวจดู และคิดว่าอาจจะเปิดไฟหรี่ไว้ ซึ่งปกติไฟหรี่จะต้องติดทั้ง 4 ดวง เมื่อตนเดินวนมาดูหน้ารถพบว่า ไฟหน้ารถไม่ติด จึงเดินกลับไปดูหลังรถอีกครั้ง ปรากฏว่าไฟดับหมด ตนกับช่างจึงยกมือไหว้ทันที และกล่าวว่าถ้าตนถูกลอตเตอรี่ตนจะนำเงินมาทำบุญให้ หลังจากนั้นก็ไม่เจออะไรอีก แต่ช่างซ่อมรถไม่กล้านอนเฝ้าอู่รถแล้ว
ในตอนแรก ตนไม่ได้เล่าให้เจ้าของรถฟัง แต่พอเจ้าของรถกล่าวว่า ศพของผู้ตายไม่ยอมไหม้ ทำให้ต้องเผาถึง 2 ครั้ง อีกทั้งผู้ตายยังเวียนไปหาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
ด้าน นายตั้ม อายุ 30 ปี คู่กรณี เจ้าของอู่รถที่รถขับรถชนคนเสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเปิดอู่ทำสีรถมาประมาณ 1 ปีกว่า โดยตนรู้จักกับแฟนเจ้าของรถ และเห็นรถจอดอยู่ เลยสอบถามว่าทำสีไหมรถจะได้สวยขึ้น ซึ่งตนคิดราคากันเอง 8,000 บาท และค่าทำสีจากสีเดิม กับเก็บรอยสีรวมค่าอุปกรณ์ ตนเริ่มทำสีรถหลังจากที่โอนเงินมาให้ประมาณ 1 สัปดาห์ ใช้เวลาทำแค่ 3 วัน และบอกให้มาเอารถทันที แต่เจ้าของรถขอฝากรถไว้ที่อู่ ให้เหตุผลว่าแถวบ้านไม่มีที่จอด และแฟนเจ้าของรถได้ทิ้งกุญแจไว้ที่ตน พร้อมกับบอกว่าเผื่อตนจะขับรถออกไปไหน
กระทั่ง วันที่ 18 ม.ค. เวลาประมาณ 1.26 น. ตนจะขับรถไปซื้อของ ผ่านจุดที่เกิดเหตุมีป้ายยูเทิร์นอยู่ อีกฝั่งกำลังทำถนนมีแบริเออร์วางกั้นไว้ ตนจึงเปิดไฟเลี้ยวขวา แต่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายพุ่งเข้ามาชนเข้าที่ประตูหลัง ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ตนไม่ได้มีอาการมึนเมาและได้ตกลงจ่ายค่าเยียวยา ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอก ค่าเยียวยา 50,000 บาท ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ 6,000 บาท และใส่ซองทำบุญงานศพ 3,000 บาท นอกจากนี้ ตนยังกล่าวกับเจ้าของรถว่า ขอจัดการฝั่งของผู้เสียชีวิตให้เสร็จสิ้นก่อน และยืนยันว่าไม่ได้หนีไปไหน
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ค่าซ่อมรถยนต์ 50,000 บาท สำหรับร้านซ่อมรถทั่วไป ถือว่าแพงเกินไป หากให้ตนจ่ายเงินจำนวนนั้น ตนขอให้ดำเนินคดีความ และให้ตนขึ้นศาลดีกว่า เนื่องจากอีกฝ่ายทำใหัตนได้รับความเสียหายเช่นกัน เพราะมีลูกค้าโทรมาขอยกเลิกงาน ตนรู้สึกแย่มาก เพราะเป็นคนรู้จักกัน "อีกฝ่ายไม่คิดว่าผู้สูญเสียจะสำคัญกว่า กลับคิดว่ารถของตัวเองนั้นสำคัญ"