จอห์นสัน & จอห์นสัน รายงานผลทดสอบวัคซีนแบบฉีดเข็มเดียว กับโควิด-19 แบบหลายสายพันธุ์ทั่วโลก ได้ผลถึง 66%
วานนี้(29 ม.ค.64) จอห์นสัน & จอห์นสัน (Johnson & Johnson) เผยว่า วัคซีนแบบฉีดเข็มเดียว มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 มากถึง 66% หลังการทดสอบวัคซีนทั่วโลกในการต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์หลายชนิด ซึ่งถือเป็นข่าวดีที่จะมาช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เยอรมนีแนะไม่ควรฉีด "วัคซีนแอสตราเซเนกา" ให้ผู้สูงวัย อายุ 65 ปีขึ้นไป
- นายกฯ สิงคโปร์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่น ยัน ปชช.ทุกคนได้ฉีดฟรี
- สธ.เผย ดีเดย์ฉีดวัคซีนเข็มแรก 14 ก.พ. เปิดลงทะเบียนผ่าน "หมอพร้อม"
รายงานข่าวระบุว่า หลังการทดสอบกับอาสาสมัครเกือบ 44,000 คน พบว่า วัคซีนแบบฉีดเข็มเดียวนี้ที่ใช้ในผู้ติดเชื้อที่มีอาการปานกลางจนถึงรุนแรง มีประสิทธิภาพระหว่าง 72% ในสหรัฐ จนถึง 66% ในภูมิภาคละตินอเมริกา และ 57% ในแอฟริกาใต้ ซึ่งพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์
ข้อมูลจากการศึกษานี้ เผยว่า ผลของวัคซีนที่เกิดขึ้นกับเชื้อโควิดกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้จะลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับไวรัสที่ไม่กลายพันธุ์ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและสาธารณสุข ระบุว่า วัคซีนของ Johnson & Johnson จะยังสามารถสกัดการแพร่ระบาดและป้องกันการเสียชีวิตได้
เป้าหมายหลักของ Johnson & Johnson คือการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง และวัคซีนของบริษัท มีประสิทธิภาพในการหยุดการติดเชื้อรุนแรงได้มากถึง 85% และป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ ในกลุ่มอาสาสมัครจากทุกพื้นที่ ซึ่งหัวหน้าคณะนักวิจัย ของ Johnson & Johnson เชื่อมั่นว่า จะช่วยปกป้องคนหลายร้อยล้านคน จากการติดเชื้อรุนแรง และการเสียชีวิต
ขณะนี้ Johnson & Johnson วางแผนขออนุมัติการใช้วัคซีนฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาสหรัฐในสัปดาห์หน้า และจะยื่นเรื่องขออนุมัติจากสหภาพยุโรป และในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยล่าสุด บริษัทวางแผนผลิตวัคซีนให้ได้ 1 พันล้านโดส ซึ่งจะผลิตในสหรัฐ ยุโรป แอฟริกาใต้ และอินเดีย ภายในปี 2021