พรานเปิดใจลุงพลให้ช่วยพาซุ่มขึ้นเขา รับเป็นคนเดียวที่เชื่อเด็กเดินไปตาย (คลิป)

7 ก.พ. 64

กรณีพบรถมอเตอร์ไซค์ปริศนา ทะเบียน 1 กง 304 สกลนคร ซึ่งเป็นรถสีบรอนซ์ มีชายปริศนาใส่หมวกไอ้โม่ง ขี่ออกจากสวนไปยังตีนเขาภูเหล็กไฟ ในวันที่มีคนแอบลักรอบขึ้นเขา และทีมข่าวจึงได้ข้อมูลว่าในคืนวันเดียวกันที่มีคนแอบขึ้นเขา 4 ก.พ. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่ทำงานแกะรอยในพื้นที่ ได้เข้ามาตรวจสอบรถและยืนยันตัวบุคคลแล้ว เนื่องจากพบว่ามีรถกระบะของยูทูเบอร์สีดำที่ใช้ขับขึ้นเขาด้วยนั้น

531485

วันที่ 6 ก.พ. 64 พรานชะเวลอง นายพราน ยอมรับว่า รถที่ปรากฏอยู่ในข่าวเป็นรถของตนเอง ซึ่งได้รับการติดต่อจากทีมงานของชายคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ยูทูเบอร์ โดยนัดหมายว่า วันที่ 5 ก.พ. 64 จะให้พาเดินสำรวจเขา แต่ด้วยในวันที่ทนายตั้มเดินทางมาถึงก่อน คือวันที่ 4 ก.พ. มีชายปริศนาคนดังกล่าวโทรมาช่วงประมาณ 9.00 น. นัดเจอกัน 13.00 น. เพื่อจะพาขึ้นไปสำรวจเขา และจะส่งคนมารับที่บ้าน แต่ตนเองปฏิเสธ เพราะต้องการจะเดินทางไปเองเนื่องจากมีรถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว

จากนั้นได้มีสายปริศนาโทรเข้ามาอีกครั้ง นัดหมายให้ออกไปเจอที่ตีนเขา บอกว่าขอเปลี่ยนเวลา เป็น 12.00 น. ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องเปลี่ยนเวลา แต่ด้วยมีการว่าจ้างและนัดหมายเอาไว้แล้ว ตนเองก็ได้ขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดทิ้งเอาไว้บริเวณจุดดังกล่าวที่นักข่าวไปเจอ

323685

ส่วนเหตุผลหนึ่ง ที่วันนี้ทีมทนายตั้มเลือกที่จะให้ตนเองพาไปเดินเขาภูเหล็กไฟ เป็นเพราะว่าตนเองเป็นพรานป่าเพียงคนเดียวที่เห็นต่างจากพรานคนอื่น เพราะการให้สัมภาษณ์ของพรานคนอื่นมองว่าเด็กขึ้นไปเองไม่ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชัน ประกอบกับเด็กเล็กไม่สามารถเดินไปไกลได้ถึงขนาดนั้น แต่ตนเองในฐานะที่เคยเดินภูเหล็กไฟบ่อยครั้ง เชื่อว่าเขาลูกนี้สามารถเดินลัดเลาะได้ สามารถเลี่ยงไปซ้ายหรือขวา ไปตามทางที่ไม่มีความลาดชันได้ ซึ่งตนเองก็พาไปพิสูจน์ว่าบนเขาภูเหล็กไฟ มีเส้นทางเลี่ยงที่จะไม่ต้องขึ้นทางชันได้หลายเส้นทาง เพียงแต่อาจใช้เวลามากพอสมควรเท่านั้น

795172

พรานชะเวลอง ตั้งข้อสังเกตกรณีพยานบางคน เชื่อว่าคนที่พบเห็นรองเท้าบริเวณก้อนหิน ห่างจากจุดพบศพไม่ไกล แต่ด้วยสภาพของเขาภูเหล็กไฟช่วงนั้นโล่งเตียน เนื่องจากมีไฟป่าไหม้ ทำให้สามารถยืนอยู่บริเวณจุดพบรองเท้า มองไปเห็นศพของน้องชมพู่ที่นอนอยู่ได้ เชื่อว่าพยานคนดังกล่าวต้องเห็นศพ แต่เพียงแค่ไม่อยากให้ยุ่งยากหรือต้องเป็นพยานให้กับใคร จึงได้ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น

229119

พรานชะเวลอง วิเคราะห์เกี่ยวกับการเดินทางของน้องชมพู่ก่อนที่จะไปเสียชีวิตว่า หลังจากที่เดินออกจากบ้านขึ้นไปบนเขา จะใช้เวลาประมาณเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ก็จะไปถึงบริเวณจุดพบศพ แต่ด้วยอากาศที่ร้อน จึงทำให้เด็กต้องถอดเสื้อผ้าและทิ้งของเอาไว้ และเชื่อว่าช่วงกลางคืนของวันที่ 11 พ.ค. 63 เข้าสู่คืนวันที่ 12 พ.ค. 63 น้องชมพู่อาจขาดน้ำขาดอาหาร และเสียชีวิตในคืนดังกล่าว ด้วยสภาพที่ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ จึงเชื่อมั่นว่าน้องชมพู่เดินขึ้นเขาไปตายเองได้

538572

แต่กรณีที่ศพไม่เน่าหรือเปลี่ยนสภาพ ตนเองขอแย้งว่าศพของน้องชมพู่เริ่มมีหนอนอยู่หลายจุด เชื่อว่าเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน ก่อนที่จะมีคนไปพบศพ แต่เมื่อเทียบเคียงกับการตั้งกับดับล่าสัตว์ป่า ตนเองเคยทำกับดักเอาไว้แล้วลืมประมาณ 2-3 วัน ย้อนกลับไปสัตว์ที่ติดกับดักก็ยังไม่เน่าเปลื่อย ยังอยู่ในสภาพเดิม เพียงแค่มีหนอนบริเวณจุดที่มีเลือดออกจากการถูกบาดของกับดักเท่านั้น เปรียบเสมือนว่าศพของน้องชมพู่อยู่ในสภาพอากาศแห้งแล้ง นอนอยู่กลางแดด จึงทำให้สภาพศพเปลี่ยนไม่มากเนื่องจากอากาศแห้ง

828145

ทีมข่าวเดินทางมาที่ อ.เต่างอย จ.สกลนคร เพื่อพูดคุยกับ นางตุนมา พรหมงอย หรือ ยายตุ่น ชาวบ้านที่ขึ้นไปเห็นรองเท้าน้องชมพู่ในวันที่เจอศพ ยายตุ่นให้ข้อมูลว่า ในวันที่ 14 พ.ค. 63 ที่ตนขึ้นไปหาผักหวานบนภูเหล็กไฟนั้น ในช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายโมง ตนยืนยันว่าตนเห็นแค่รองเท้าเด็ก แต่ตอนนั้นตนไม่รู้ว่าเป็นรองเท้าของน้องชมพู่ ส่วนศพของน้องชมพู่นั้นตนไม่เห็น และไม่ได้มองไปยังจุดที่ศพ และไม่ได้กลิ่นศพ ตนก็พูดไปตามที่เห็นกับตำรวจไปหมดแล้ว แม้ว่าคนอื่นจะเชื่อว่าตนเห็นรองเท้าแล้วต้องเห็นศพด้วย แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่เห็นศพจริง ๆ เพราะตนก็ก้มหาผักหวาน และมีหญ้าขึ้นสูงเท่าหัวเข่า ก็บังการมองเห็นของตน

อย่างไรก็ตาม ถ้าทนายษิทราจะมาพูดคุย ตนก็ไม่อยากให้ข้อมูลใด ๆ แล้ว เพราะได้พูดกับตำรวจไปหมดแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม