ถือเป็นข่าวใหญ่และเป็นที่สนใจของคนในสังคมเลยก็ว่าได้ เมื่อนักแสดงสาวรุ่นใหญ่
“หมิว ลลิตา” และสามี
พี่ก้อง- พันตำรวจโทนรบดี ศศิประภา ได้ตัดสินใจจบชีวิตรัก 16 ปีลง
โดยนักแสดงสวยไม่สร่างเคยออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ
และพร้อมที่จะดูแลลูกๆ ต่อไป
จนขณะนี้ ชีวิตผ่านมาเกือบจะครึ่งปี หลายๆ คนก็ยังคงคิดถึง เป็นห่วง
และยังอยากรู้ว่าชีวิตของเธอและลูกๆ ในตอนนี้จะเป็นอย่างไร
ล่าสุด
นิตยสารแพรว ฉบับวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 ได้สาวหมิว ลลิตา พร้อมด้วยลูกๆ
“น้องแพลงต้อน และน้องอีตั้น” มาเป็นนางแบบนายแบบขึ้นปกให้ ทีมงาน
Apop บันเทิง 34
จึงได้ทำการเปิดใจนักแสดงสาวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงสถานะความรักที่ผ่านมา
โดยหมิว ลลิตา เปิดเผยว่า
"ที่ผ่านมาที่ไม่ค่อยได้พูดถึงนั้น เพราะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมิวเป็นเรื่องธรรมดา
ถึงแม้หมิวจะเป็นนักแสดง
แต่ก็เป็นผู้หญิงธรรมดา หลายคนเจอปัญหาหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ หมิวได้รับรู้เรื่องของหลายคนที่แย่กว่าอีก
เรื่องของเราดูเล็กน้อยไปเลย
แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ สิ่งทางอินเตอร์เน็ตที่มีการวมรูปและเขียนเรื่องราวต่างๆ
ซึ่งหมิวไม่ได้เล่นโซเชียล จึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่คนที่นำมาให้ดูคือลูก ตอนเห็นก็สงสารเขาเหมือนกัน
พอผ่านมาถึงวันนี้ก็โอเคแล้ว
สำหรับชีวิตหมิวยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนวันธรรมดาต่างคนต่างทำงาน
วันเสาร์/อาทิตย์ อาจมีกิจกรรมครอบครัวบ้าง
แต่หมิวชินกับชีวิตแบบนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว น่าจะเป็นลูกมากกว่าที่ต้องโยกย้ายสถานที่บ้าง
แต่เขาก็ได้อยู่กับทั้งพ่อและแม่
เรายังช่วยดูแลลูกด้วยกัน จึงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นซิงเกิ้ลมัม เพราะไม่เพียงที่ลูกจะได้อยู่กับพ่อ
บางวันคุณอาก็พาไปทำกิจกรรม หรือไม่นานนี้ที่อีตั้นไปเดินแบบ
หมิวก็ฝากลูกไว้กับพี่ๆ เพื่อนๆ ในวงการแฟชั่นได้เลย ตอนนี้กลับรู้สึกว่า มีคนช่วยเลี้ยงลูกเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ถ้าแม่เลี้ยงเดี่ยวจริงๆ ต้องเหมือนแม่แมว จารุวรรณ ปัญโญภาส ที่เลี้ยงหมิวด้วยตัวคนเดียว
นั่นสิแข็งแกร่งของจริง
แต่วันแรกที่แพลงต้อนกับอีตั้นไปอยู่กับพ่อ ยอมรับว่างงเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาหมิวอยู่กับลูกตลอด
แต่มาถึงวันนี้ก็ปรับตัวได้แล้ว เพราะการที่ลูกได้อยู่กับพ่อถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน
ก็ควรได้ทำกิจกรรมลุยๆ ด้วยกันบ้าง แล้วส่วนใหญ่ช่วงเวลานั้น หมิวจะถ่ายละครพอดี
ในมุมหนึ่งเราก็ได้ทุ่มเทให้งานได้เต็มที่ พอกลับบ้านก็นอนพักผ่อนสบาย ไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ ก็ได้รับกำลังใจมากๆ อบอุ่นเข้าไปใหญ่ จริงๆ เวลาหมิวออกไปทำงานหรือเจอเพื่อน
ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แม่หมิวรับรู้ได้จากการกระทำว่าทุกคนเป็นห่วง
ทำให้รู้ว่ามีกำลังใจอีกมากมายที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นได้ หมิวจึงมองโลกในแง่มุมที่บวกมากๆ
โดยสาวหมิว ได้ทิ้งท้ายด้วยว่า
"ที่ผ่านมาหมิวไม่เคยวางแผยชีวิตว่าต้องทำอะไรบ้าง
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ทำให้รู้สึกว่าตอนนี้ เรารู้จักตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ
อยากให้กำลังใจตัวเองในการดำเนินชีวิตต่อไป เพราะยังต้องดูแลแม่แมวที่อายุ 74 ปีแล้ว
กับลูกๆ เราก็ต้องเข้มแข็งประมาณหนึ่ง ลูกจะได้มีต้นแบบ หรือวันไหนที่หมิวอ่อนแอ
ก็เชื่อว่าลูกจะช่วยพยุงแม่ เราไม่ได้เป็นแค่แม่ลูก แต่เป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ที่คอยดูแลกัน
ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร เราจะพากันไปต่อได้ พูดถึงลูกน้ำตาก็จะไหล สิ่งที่ผ่านมา
เป็นเหมือนบททดสอบที่ดีสำหรับผู้หญิงวัยกลางคนอายุ 45 ปี คนนี้
หมิวไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเจออะไรอีก
แต่จะไม่ยอมแพ้ อยากเป็นนักสู้ที่ไม่ท้อง่ายๆ หมิวคิดว่าชีวิตมีทางไปต่อเสมอ
และการฝ่าฟันปัญหาจะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง"
ภาพจาก :
นิตยสารแพรว
นอกจากนี้ ในด้านของหนุ่มๆ อย่างน้องแพลงต้อน ที่ได้เปิดเผยเรื่องความรักด้วยว่า
“สำหรับแพลงต้อนแล้ว ครอบครัวมาเป็นอันดับแรก ต่อด้วยเรื่องเรียน ความรักมาทีหลัง
เนื่องจากครอบครัวอยู่กับเราเสมอ แต่ความรักมันไปๆ มาๆ ไม่แน่นอน”
อย่างไรก็ตาม ที่นำมาเล่าในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ทั้งหมด
หากใครอยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงชีวิตสองพี่น้อง “แพลงต้อน และอีตั้น”
แบบน่ารักๆ หาไม่ได้ที่ไหน
มีเพียงในนิตยสารแพรวฉบับนี้เท่านั้น สามารถหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือนายอินทร์
และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
ภาพจาก :
นิตยสารแพรว
ภาพจาก :
praew.com