กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อยV+" แชร์คลิปเรื่องราวของภรรยาหลวงปะทะหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ในระหว่างที่ตบตีมีปัญหากัน มีเด็กเล็กซึ่งเป็นลูกอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตจึงเห็นใจผู้หญิงทั้งสองฝ่ายที่รักผู้ชายคนเดียวกัน และรู้สึกสงสารเด็ก
ล่าสุดวันที่ 8 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับน.ส.เอื้อย (นามสมมติ) อายุ 38 ปี หญิงที่ใช้มือถือถ่ายคลิป เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนอยู่กินกับนายเอ (นามสมมติ) สามี มาแล้ว 15 ปี ซึ่งมีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกชายคนโตอายุ 14 ปี ลูกชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ และเลี้ยงลูกชายติดเมียเก่าอีกคน อายุ 16 ปี
ก่อนหน้านี้ตนยอมรับว่า ตนก็ไม่ใช่คนดีอะไร ก็เริ่มจากการที่เพิ่งเลิกกับสามี แล้วชอบพอใจกันกับสามีคนปัจจุบัน แล้วมารู้ว่าเขาก็มีภรรยาอยู่แล้ว จึงมีการตกลงกัน อยู่กินกันแบบ 2 เมีย 1 ผัว ซึ่งก็อยู่กันมาด้วยดี กระทั่งภรรยาคนเก่าป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก ตนก็ช่วยดูแลอาการป่วย จนกระทั่งเสียชีวิต เมื่อต้นปี 63 แล้วก็ย้ายมาทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร โดยตนทำอาชีพเย็บผ้า ส่วนสามีทำงานรับเหมาก่อสร้าง อยู่กินกันมา รู้สึกว่านายเอ หมดรักตน และชอบไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิงอื่น ซึ่งตนก็จับได้บ้าง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้าง เพื่อให้สถาบันครอบครัวไม่แตกแยก ตนก็ทำเช่นนี้มาโดยตลอด แต่สามีก็เลิกกับผู้หญิงอื่นแล้วกลับมาง้อตนทุกครั้ง
กระทั่งสิ้นปี 63 ตนได้ทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ เพื่อกะว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับคนในครอบครัว แต่สามีของตนก็ไม่กลับบ้าน ตนจึงโทรไปแต่ก็ไม่รับ จึงรู้เลยว่าสามีของตนต้องมีผู้หญิง จึงบอกสามีว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขก็ให้เก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับเขาเลย จากนั้นสามีก็เริ่มไล่ตนและลูกออกจากบ้านบ่อยขึ้น ตนก็รู้สึกน้อยใจว่าถ้าไม่รักตนก็น่าจะรักลูก แต่พอเป็นแบบนี้รู้สึกว่าไม่มีเยื้อใยกัน จึงตัดสินใจพาลูก 3 คนย้ายออกจากบ้านไปอยู่บ้านเพื่อน แต่ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ เพราะสามีไม่ตามมาง้อ หรือมาติดต่อใด ๆ
ในวันเกิดเหตุ วันที่ 5 ก.พ.64 ตนมีความจำเป็นต้องใช้เอกสารของลูกชายคนเล็ก เนื่องจากจะนำไปสมัครเรียน แต่พยายามติดต่อก็ไม่มีใครรับสาย ตนจึงตัดสินใจกลับมาบ้านหลังเดิม ปรากฎว่าเห็นหญิงสาวรายหนึ่งนอนกกอยู่กับนายเอ ตนจึงรู้สึกปรี๊ดแตกว่าที่ไม่รับสาย ไม่ตามมาง้อ ไม่สนใจ เพราะแบบนี้ใช่ไหม
จากนั้นก็มีการไลฟ์สด เพราะตนรู้สึกว่า สายตาทั้งนายเอ และน.ส.ผึ้ง ค่อนข้างไม่พอใจ การเจรจากันก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อต่างตนต่างไม่ยอม น.ส.ผึ้ง ก็บอกว่า นายเอ เลิกกับตนไปแล้ว ตนจึงด่ากลับไปในลักษณะที่ว่า "ภูมิใจใช่ไหมที่เป็นเมียของคนอื่น" จากนั้นตนก็ไล่ให้น.ส.ผึ้ง ออกจากบ้าน เนื่องจากจะเคลียร์กับนายเอ ซึ่งผึ้งก็ค่อนข้างมั่นใจว่า นายเอ ต้องเลือกเขา และยืนกรานว่าจะไม่ออกจากบ้าน ตนจึงโมโหแล้วหยิบกระทะเควี้ยงใส่น.ส.ผึ้ง แล้วก็มีการตะลุมบอนกัน โดยที่ต่างตนต่างไม่ยอมกัน หลังจากนี้ไม่ต้องมาขอคืนดีอะไรกันแล้ว ตนยันว่าจะไม่กลับไปคืนดี จะขอก้มหน้าตั้งใจทำงานเลี้ยงลูกต่อไปคนเดียว เนื่องจากให้อภัยมาหลายรอบแล้ว
ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า การจะคบหาดูใจกับใครต้องดูเสมอว่า บุคคลดังกล่าวมีใบสมรสหรือไม่ การที่มาก่อนมาหลัง แล้วจะอ้างว่าใครจะเป็นหลวงเป็นน้อย จะกระทำไม่ได้ ถ้าไม่มีการจดทะเบียนสมรสกัน สถานะของผู้หญิงทั้งคู่ คือ ภรรยานอกกฎหมาย มีสิทธิเท่ากัน
ส่วนเรื่องการลงไม้ลงมือตบกันต่อหน้าเด็ก ถือเป็นการทารุณกรรมจิตใจเด็ก ในส่วนนี้ก็มี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ไปกล่าวหาใครว่าเป็นเมียน้อย อาจถูกดำเนินคดี โดยมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 200,000 บาท และการเผยแพร่คลิปในสื่อโซเชียลฯ อาจจะโดนดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมฯ ด้วย