ฆ่าโหดสาวรุ่นน้องก่อนยิงตัวคว่ำกอดศพ พยานคาดหึงหวง ผัวคนตายโต้ปมชู้สาว (คลิป)

8 ก.พ. 64

กรณีพนักงานสอบสวน สภ.ตาคลี รับแจ้งเหตุมีการยิงกันตายเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ นายวินัย คำภาศรี อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน และน.ส.จันทร์จิรา ภูเลื่อมใส อายุ 31 ปี เพื่อนร่วมงาน

429902453013

สอบถามพยานทราบว่านายวินัย ก่อเหตุยิง น.ส.จันทร์จิรา ก่อนยิงตัวเองตาม คาดว่าปมปัญหามาจากเรื่องความสัมพันธ์ เนื่องจากทั้ง 2 คนสนิทกัน ทั้งที่ฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว

898152

ทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านของนายวินัย ซึ่งมีแคร่วางอยู่ใต้ต้นไม้ มีขวดเบียร์ รวมถึงจานกับแกล้มวางอยู่ โดยมีกองเลือดกระจายทั่วพื้นที่ จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปยังวัดหนองโพ ซึ่งมีการตั้งศพของนายวินัย และ น.ส.จันทร์จิรา อยู่ในวัดเดียวกัน แต่คนละศาลา

483819

นางบุผา ขจรกล่ำ อายุ 55 ปี ภรรยานายวินัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุสามีโทรศัพท์มาบอกให้เตรียมกับข้าวเอาไว้ให้ เพราะจะมีเพื่อนร่วมงานมากินข้าวที่บ้าน ตนจึงเตรียมของเอาไว้ สามีมาถึงบ้านในเวลา 17.00 น. พร้อมกับเพื่อน ๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงรวมประมาณ 5-6 คน จากนั้น น.ส.จันทร์จิรา ตามมาในเวลาประมาณ 20.00 น. โดยเข้ามาเตรียมกับข้าวช่วยตนและสามีในครัว ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปนั่งดื่มกับเพื่อน ๆ ด้านนอกบ้าน ส่วนตนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน 

915015

จากนั้น เวลาประมาณ 21.00 น. ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงวิ่งออกไปดู พบว่า น.ส.จันทร์จิรา นอนฟุบลงไป โดยมีสามีนั่งข้าง ๆ ตนจึงถามว่าทำไมทำแบบนี้ สามีไม่ตอบคำถามแต่ไล่ตนบอกว่า "ไปเลย เอ็งไปเลย" ตนจึงรีบวิ่งหนีเข้าบ้านด้วยความกลัว ซึ่งขณะนั้นตนไม่ได้สังเกตปืนในมือสามี โดยขณะที่ตนอยู่ในบ้าน ไม่ได้ยินเสียงปืนนัดที่ 2 แต่ได้ยินเสียงเพื่อน ๆ ของสามีที่อยู่นอกบ้าน พูดว่าสามีตนยิงตัวตายแล้ว ตนไม่กล้าออกไปดู กลัวทำใจไม่ได้ จึงเก็บตัวอยู่ในบ้านรอเจ้าหน้าที่

564137

โดยตนไม่รู้ปมเหตุที่เกิดขึ้น เพราะสามีตนกับ น.ส.จันทร์จิรา เป็นเพื่อนทำงานก่อสร้างด้วยกัน ที่ผ่านมาทั้งคู่ดูสนิทสนมกัน แต่การพูดคุยดูเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรกัน ส่วนฝ่ายผู้หญิงก็มีสามีและลูกอยู่แล้ว สามีฝ่ายหญิงก็เป็นเครือญาติตน ปกติฝ่ายผู้หญิงเรียกตนว่าน้า และให้ความเคารพมาตลอด ทำให้ตนไม่ได้สงสันใด ๆ หลังเกิดเหตุสามี น.ส.จันทร์จิรา ก็ไม่ได้พูดอะไร

277613

นางบุผา กล่าวต่อว่า ตนแทบไม่ได้คุยกับสามีก่อนเสียชีวิต มีเพียงให้ช่วยทำกับข้าวเท่านั้น ซึ่งเพื่อร่วมงานกลุ่มนี้มาทำงานร่วมกันได้ประมาณครึ่งเดือน ส่วนผู้หญิงรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเคยทำงานร่วมกันอยู่ตลอด แต่เพิ่งกลับมาทำงานด้วยกันได้ประมาณ 10 วัน

542525

นายลมโชย บุญบาล อายุ 42 ปี เพื่อนร่วมงานผู้ตาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและเพื่อนรวมถึงผู้ตายทั้งหมด 8 คน ผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 5 คน นั่งกินเหล้าหน้าบ้านนายวินัย มีการพูดคุยกันตามปกติ จากนั้น น.ส.จันทร์จิรา รับโทรศัพท์คาดว่าปลายสายน่าจะเป็นสามี โทรตามให้กลับบ้าน เมื่อวางสาย นายวินัยก็หยิบโทรศัพท์ น.ส.จันทร์จิรา ขว้างทิ้ง โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่นายวินัยจะเดินเข้าบ้านไป แล้วเดินกลับออกมาใหม่ พร้อมหยิบโทรศัพท์ให้ น.ส.จันทร์จิรา และยังนั่งพูดคุยกันต่อเกือบชั่วโมง

cg

ก่อนที่นายวินัยจะกล่าวขอโทษทุกคนในวงเหล้า แล้วใช้มือด้านซ้ายกอดคอ น.ส.จันทร์จิรา แล้วชักอาวุธปืนที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาจ่อศีรษะฝ่ายหญิง แล้วลั่นไก 1 นัด จากนั้นทั้งวงเหล้าแตกกระเจิง ตนรีบเดินกลับบ้านด้วยความกลัว ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด คาดว่าฝ่ายนายวินัยน่าจะยิงตัวเองเสียชีวิต โดยตนไม่ทราบเรื่องปมปัญหาที่เกิดขึ้น แต่รู้ว่าที่ผ่านมาทั้ง 2 คนน่าจะแอบคบหากัน เพราะก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน นายวินัยและน.ส.จันทร์จิรา มีปากเสียงกัน ฝ่ายชายพูดในทำนองว่า "อยากให้ดังไหม จะทำให้ติดคุกไปเลย" เหมือนข่มขู่ฝ่ายหญิง แต่ตนก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าว

613684

ด้านนายกิตติ ยิ้มฉาย อายุ 43 ปี สามีของ น.ส.จันทร์จิรา ผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.00 น. ภรรยาบอกว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อนที่บ้านนายวินัย โดยได้ชักชวนตน แต่ตนไม่ไปเพราะต้องดูแลลูก จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. ตนโทรศัพท์ไปหาภรรยาบอกว่าอย่ากลับบ้านดึกมาก เพราะต้องกลับมาดูแลลูก กระทั่งช่วงดึก ทราบข่าวว่าภรรยาถูกยิง แต่ไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ตนรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุพบว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว ก็ตกใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

397309

ส่วนที่มีข่าวว่า ป็นปัญหาชู้สาวที่นายวินัยผู้ก่อเหตุแอบคบหากับภรรยาตนนั้น ตนไม่ทราบ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมาภรรยาทำตัวปกติ และหากมีผู้ชายเข้ามาติดพันเจ้าตัวจะเล่าให้ตนฟังตลอด ไม่เคยปิดบัง ภรรยาของตนเป็นคนอัธยาศัยดี ทำให้มีคนรู้จักเยอะ นายวินัยก็เป็นเพื่อนร่วมงาน เวลาคุยกันส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงาน ทั้งนี้ ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากรู้ปมเหตุ แต่ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนฝ่ายญาตินายวินัยตนไม่ได้ไปพูดคุยด้วย เพราะคิดว่าไม่มีเหตุผลต้องไปคุยหรือรื้อฟื้นสิ่งที่เกิดขึ้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส