“นุ๊ก สุทธิดา” ประจันหน้าครั้งแรก “นายอธิป” ผู้เช่าบ้าน ฟาก “ทนายอัจฉริยะ” ลั่นมาเฟียแบบนี้ จัดหนักทุกข้อหายันค้ามนุษย์

ประจันหน้าครั้งแรก! “นุ๊ก สุทธิดา” กับผู้เช่าบ้าน “นายอธิป” หลังทำบ้านหรูเป็นโรงงานจนพังยับ เผยรู้จักตำรวจแต่ไม่ใช่มาเฟีย ด้าน “ทนายอัจฉริยะ” ตัวแทนฝ่ายนุ๊กฉะเดือด ไม่กลัวมาเฟีย มีกี่ข้อหาจัดหนักหมด ใครทำอะไรไว้ก็รอรับกรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “นุ๊ก สุทธิดา” เตรียมฟ้อง! หลังคู่กรณีบ้านเช่าส่อแววตุกติก!
- "นุ๊ก สุทธิดา" ช็อก! ของที่ถูกอายัดโดนขโมย ถามตำรวจจับกุม 11 คนเสพยาเสพติดในบ้าน เหลือ 1 คนไว้ทำไม

จากกรณีกรณีบ้านเช่าสุดหรูของ “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ถูกผู้เช่าทำบ้านพังเละเป็นโรงงานถุงมือยางผิดกฎหมาย รวมถึงไม่จ่ายค่าเช่าบ้านตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 ผ่านที่มา และค้างค่าน้ำค่าไฟ รวม 80,000 บาท ซึ่งนุ๊กได้เผยว่าค่าเสียหายในการซ่อมบ้านราว ๆ 5 ล้านบาท ขณะที่ยื้อกันมานาน เมื่อแม่ของคู่กรณีขอผ่อนจ่ายค่าเสียหาย แต่ปัจจุบันสาวนุ๊กก็ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว

และก่อนหน้านี้ยังมีเคสเมื่อเข้ามาตรวจบ้านอีกครั้งหลังเกิดเหตุ ดันพบว่าของที่ถูกตำรวจอายัดแต่ฝากไว้ที่บ้านโดนขโมย นอกจากนี้เจอรถกะบะขับมาขนของในบ้าน ซึ่งตนได้ถ่ายคลิปไว้

ล่าสุด “นุ๊ก สุทธิดา” ประจันหน้าครั้งแรกกับผู้เช่าบ้าน “นายอธิป ชุมพล” โดยมี “ทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยนุ๊กด้วยตัวเอง ก็ได้เปิดบ้านหลังดังกล่าว พร้อมคู่กรณีเปิดใจกับสื่อแบบพร้อมหน้า 3 คน

ด้าน “นายอธิป ชุมพล” คู่กรณีเผยว่า "เรื่องที่พูดไม่ดีออกสื่อและเรื่องบ้านต้องขอโทษพี่นุ๊กด้วยครับ (ยกมือไหว้) ผมยินดีซ่อมบ้านให้ทั้งหมด ให้พี่นุ๊กเซ็นสัญญามาได้เลยครับ ถ้าเป็นจำนวนเงินมันเยอะเกินไป ผมขอเป็นซ่อมบ้านดีกว่าครับ ส่วนคุณแม่ถึงแม้จะเป็นผู้เช่า แต่ทั้งหมดอยากให้ลงที่ผมคนเดียวดีกว่าครับ เพราะผมเป็นคนทำเสียหายไม่ใช่คุณแม่ครับ"

"เรื่องคดีถุงมือ ยังอยู่ขั้นตอนการสอบสวน ว่าจำหน่ายจริงไหม หรือทำการทดลองอย่างเดียว ตอนนั้นที่ต่อเติมบ้าน ทำเป็นโมเดลโรงงานครับ ผมแจ้งพี่นุ๊กแต่ไม่ได้แจ้งว่าเยอะขนาดนี้ ผมแจ้งแค่ว่าจะต่อเติม ไลน์ไปหาพี่นุ๊กว่าจะต่อเติมครับ แต่ไม่ได้บอกว่าเยอะขนาดนี้ ผมผิดตรงที่ไม่ได้บอกพี่นุ๊กครับ"

ด้าน "นุ๊ก" ตอบกลับประเด็นนี้ทันทีว่า "ไม่มีนะคะที่ว่าไลน์มาขอต่อเติม แต่มีถ่ายรูปมาให้ดูบ้างบางส่วน แต่ไม่ได้เป็นสภาพบ้านนี้ เป็นสภาพบ้านเดิม ซึ่งในสัญญาเช่าบ้านระบุว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัย ทำเป็นโฮมออฟฟิศ ไม่ได้แจ้งว่าจะทำเป็นโรงงาน หรือทำกิจการแบบนี้"

สำหรับเรื่องดัดแปลงบ้านคู่กรณียอมรับว่า "ข้างบนผมทำให้มันมีคีย์การ์ดเป็นห้องนอนผมเอง และมีชั้นใต้ดินทำเป็นห้องละหมาดของศาสนาอิสลาม มุสลิม ส่วนเรื่องที่มีการใช้ยาเสพติดในบ้าน ยอมรับเป็นข้อผิดพลาดของผมเองครับ ก็มีการคุมประพฤติและใส่ข้อเท้าอีเอ็ม"

"เรื่องเป็นมาเฟีย ผมยันได้ว่าเป็นเด็กแค่อายุ 25 ปี ผมโดนโกงมาเยอะมาก จากคนที่โกงถุงมือ ถ้าผมมีอิทธิพลจริงผมคงไปตามหนี้เอาคืนแล้วครับ โกงเป็น 10 ล้าน มีการยัดถุงมือเหลือง มีการยัดถุงมือมือสอง แต่ผมเลือกที่จะไม่จำหน่ายต่อแต่เอามาทดลองเปลี่ยนสีไปครับ ต้องขอโทษพี่นุ๊กจริงๆ ครับ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีผู้ใหญ่แนะนำด้วย ด้วยอารมณ์ต่างๆ ผมแค่อยากเข้าบ้านมาเอาเสื้อผ้า ทั้งชีวิตผมก็มีแค่นี้ครับ"

ส่วนเรื่องแอบอ้างนายทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง “นายอธิป” ยืนยันว่า "พี่ ๆ ตำรวจท้องที่คือเหมือนคนข้างบ้านไปแจ้งว่าเสียงดัง ผมก็เข้ารับทราบ ผมก็มีบ้างที่รู้จักกับตำรวจท้องที่แต่ไม่ได้สนิทขนาดนั้นครับ"

"เรื่องเปิดบริษัทใหม่ไหม ไม่ครับ เป็นบริษัทเดิม แต่ผมก็ยืนยันในอาชีพผมจะยังทำเหมือนเดิม เพราะบริษัทเครื่องมือแพทย์ของผมเปิดตั้งแต่ปี 2561 แล้วครับ ได้รับอนุญาตถูกต้องครับ แค่ไม่ได้จดแจ้งย้ายมาที่นี้เท่านั้นเอง"

ด้าน “ทนายอัจฉริยะ” เผยว่า "เรายืนยันได้ว่าหลายข้อหา ไม่ใช่ข้อหาเดียว ใครทำอะไรไว้ก็รอรับกรรมก็แล้วกัน แล้วเราก็บอกนุ๊กแล้วว่า ไม่ต้องคุยแล้ว ปล่อยเป็นหน้าที่ผม ในเมื่อเขาเป็นมาเฟีย ที่นี่ต้องไม่มีมาเฟียมีแต่มาฟรี ยืนยันว่าทุกข้อหาที่เราทำได้เราเอาหมด ตอนนี้ที่เขาโดนยังน้อยไป ที่เขาบังคับใช้คนงาน ของนุ๊กก็ว่าหนักแล้ว แต่ของคนงานหนักว่า เช่น ค้ามนุษย์ แล้วก็อะไรหลาย ๆ อย่าง เราเอาหมด คำว่าขอโทษมันสายไปแล้ว"

ขณะที่ "นุ๊ก" เผยต่อว่า "เรื่องที่อยากจะประสานงานจะไกล่เกลี่ยอะไรก็ให้ประสานกับคุณอัจฉริยะไปเลยเพราะเป็นตัวแทนของนุ๊กไปแล้ว ติดต่อกันโดยตรงได้เลยไม่ต้องผ่านนุ๊กแล้ว เพราะเดี๋ยวนุ๊กต้องเข้ารับการรักษามะเร็งรอบที่ 2 แล้ว ก็คงไม่มีเวลาคุยกับน้องแล้ว"

"ถามว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เจอไหม เพราะตั้งแต่เช่าบ้านก็ไม่ได้เจอ มาเจอก็คือชวนให้น้องมาทานข้าวแถวบ้านหลังจากน้องมาอยู่ได้ 1 เดือน เพราะอยากจะเห็นหน้าตัวจริงๆ ของคนที่มาอยู่บ้านเรา ก็ได้เจอครั้งนั้นครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เป็นครั้งนี้ที่ได้เจอ"

ก่อนจะจบสัมภาษณ์ “นายอธิป” ขอแก้ต่าง “ทนายอัจฉริยะ” ว่า

"ผมยินดียอมรับทุกข้อกล่าวหา ผมทำผิดจริงต้องขอโทษพี่นุ๊กครับ ในเรื่องบ้านเสียหาย แต่คดีอื่นที่ทนายอัจฉริยะพูดมาผมขอสู้ทุกคดีครับ"

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ปมเรื่องที่มีทหารอากาศอยู่เบื้องหลัง จริงไหม ? 
“นายอธิป” บอกว่า "พี่ ๆ เขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นคุณลุงคุณป้าที่ทำงานในราชการไม่มีอิทธิพลใด ๆ"

คดีค้ามนุษย์เข้าข่ายไหม ?
“นายอธิป” เผย "ข้อเท็จจริงอยู่ที่พนักงานทุกคนครับ ผมเชื่อว่าผมทำความดีมากพอกับพนักงาน ให้พนักงานทุกคนออกมาพูดเองดีกว่าครับ"

ทนายอัจฉริยะ : ก็เดี่ยวรอหมายจับออกก็แล้วกัน ผมก็จับเท่านั้น
นายอธิป : ผมขอโอกาสแก้ตัว
ทนายอัจฉริยะ : ไม่มีครับ ผมไม่เคยปราณีใคร โดยเฉพาะมาเฟียแบบคุณมีทหารอากาศรายลอบ
นายอธิป : ผมอายุ 25 
ทนายอัจฉริยะ :  25 เป็นมาเฟีย เอาภาพไหมล่ะ ผมมีหมดหลักฐาน แล้วคุณแอบอ้างผมเนี้ย บอกกินข้าวกับผม รู้จักตอนไหน พูดมาดีกว่า
นายอธิป :  ขออนุญาติคุยหลังไมค์นะครับ
ทนายอัจฉริยะ : ไม่ต้องหลังไมค์ ไปกินตรงไหน พูดต่อหน้าสื่อสิ และคนอย่างผมไม่คบกับคุณหรอกนะ ผมคงไม่คุยหรอก ฟ้องอย่างเดียว มวยบู๊ ไม่มีมวยลีลา