จากกรณีหนุ่มเจ้าของร้านเบาะรถแต่ง ขับรถฟอร์จูนเนอร์จาก จ.ระยอง ถึง จ.บุรีรัมย์ เจรจากับ น.ส.จันทร์จิรา พินิจรัมย์ หรือ กี้ ภรรยา ไม่ถึง 5 นาที จากนั้นนายสุริชัย อังกูรเจริญพร หรือนิว อายุ 33 ปี ใช้ปืน 9 มม. จ่อยิงเมียแบบเผาขนต่อหน้าแม่ และลูกวัย 4 ขวบ รวม 4 นัด เสียชีวิตคาบ้าน ก่อนหลบหนีไป
หลังรับแจ้ง ตำรวจ สภ.กระสัง ได้ตั้งด่านสกัดตามจุดเส้นทางการหนีหลายจุด จนกระทั่งพบรถต้องสงสัย นำตัวคนขับรถคือ นายสุริชัยมา สอบสวนจนยอมรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง พร้อมมอบหลักฐานเป็นอาวุธปืนขนาด 9 มม.
โดยนายนิวสารภาพด้วยว่า สาเหตุมาจากหึงหวง เนื่องจากมาเฝ้าดูแล้วเห็นแฟนสาว ซึ่งเพิ่งแต่งงานกันมาได้ 1 ปีเศษ ไปคุยกับชายอื่น และพบรูปภาพในแชตด้วย เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืน พร้อมคัดค้านการประกันตัว
วันที่ 16 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ อยู่ในพื้น หมู่ 7 ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางมาเคารพศพ และมาแสดงความเสียใจ
จนายประยูร พินิจรัมย์ อายุ 66 ปี พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่า ลูกสาวของตนคบหากับนายสุริชัยได้ประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นก็แต่งงานกันเดือน ตุลาคม 2563 ที่ จ.บุรีรัมย์
จากนั้นลูกสาวของตนก็ย้ายไปอยู่กับนายสุริชัยที่ จ.ระยอง แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้าน จ.บุรีรัมย์ ช่วงปีใหม่ หลังจากปีใหม่นายสุริชัยกลับมารับน.ส.จันทร์จิรา เนื่องจากกลัวโควิด-19 ที่ จ.ระยอง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าสองคนนี้มีปัญหาอะไรกัน
วันเกิดเหตุ 15 ก.พ. 64 เวลาประมาณ 18.00 น. นายสุริชัยเดินทางมายังบ้านที่เกิดเหตุ แล้วเคาะประตูขอเข้าไปคุยกับ น.ส.จันทร์จิรา ตนไม่ได้เข้าไปดู เพราะเห็นว่ามีแม่และหลานอยู่ด้วย ตนได้ยินแค่ว่า "มึงไม่ยอม กูก็ไม่ยอม" พอจะเดินไปดูก็ได้ยินเสียงปืนแล้ว จากนั้นนายสุริชัยก็วิ่งออกจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับหนีไป
ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกตนเลี้ยงมายังไม่เคยตี แต่ผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาลงมือทำร้ายร่างกายลูกของตน การลงมือแบบนี้ทำเกินกว่าเหตุ วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าให้ประกันตัว และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ประหารได้ก็ประหารเลย หลังเกิดเหตุฝ่ายนายสุริชัยก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมา ส่วนทางครอบครัว ก็ไม่อยากเจอ และตนไม่ขออโหสิกรรมให้
จากการตรวจสอบบนเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 64 มีการโพสต์คลิปซ้อมยิงปืน พร้อมแคปชั่นข้อความว่า "อย่าให้ร้าย วุ่นวายนะบอกก่อน"
ส่วนบนเฟซบุ๊กของผู้ตาย มีการโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 64 ว่า "โฟกัสแค่ความสุก อันไหนดิบเราไม่แดก" ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. 64 โพสต์อีกข้อความว่า "สักดอกก็ไม่มี สักทีก็ไม่โดน"
นางสาวพิมพ์ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนเป็นเพื่อนของ น.ส.จันทร์จิรา ตั้งแต่สมัยเรียน ปกติมีอะไรก็จะพูดคุยกันตลอด ก่อนหน้านี้วันที่ 20 พ.ย. 63 น.ส.จันทร์จิราส่งข้อความทางแชตบอกว่ารู้สึกเหนื่อย อยู่ไม่ได้ เนื่องจากโดนทำร้ายร่างกายบ่อย อยากกลับมาบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ จากนั้นก็มีการโทรหากัน หลังจากนั้น น.ส.จันทร์จิรา ก็อ้างว่าไม่อยากกลับไปตอนนี้เพราะที่ จ.ระยอง มีโควิด-19 แต่จริง ๆ ไม่อยากโดนนายสุริชัยทำร้ายร่างกาย
กระทั่งหลังปีใหม่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ นายสุริชัยเดินทางมาหา น.ส.จันทร์จิรา เพื่อตามกลับไปอยู่ จ.ระยอง แต่น.ส.จันทร์จิราไม่กลับไป นายสุริชัยน่าจะรู้สึกน้อยใจ จึงเดินทางกลับไป จ.ระยอง คนเดียว จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ตนมาทราบข่าวทีหลังก็รู้สึกตกใจ และเสียใจ เพราะตนรักเพื่อนมาก
ส่วนสาเหตุตนคาดว่าน่าจะเกิดจากการหึงหวง เนื่องจากนายสุริชัยส่งภาพผู้ชายที่เคยคุยกับ น.ส.จันทร์จิรา ก่อนที่จะมาแต่งงาน แล้วพิมพ์มาว่า ฝากให้ผู้ตายดูหน่อยนะ โลกมันกลม จะทำอะไรคิดดี ๆ ฝากถึงผู้ตายหน่อย สุดท้ายแล้วจริง ๆ ซึ่งส่งมาให้กับเพื่อนอีกคน เวลาประมาณ 02.44 ของวันที่ 15 ก.พ. 64 แล้วเวลา 18.00 น. ของวันเดียวกันก็เกิดเหตุขึ้น ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าผู้ชายคนในภาพ กับนายสุริชัยคุยอะไรกัน ตนรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้มันเกินกว่าเหตุไปมาก ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าให้ประกันตัว และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นายบุ๊ค (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ญาติผู้ต้องหา บอกว่า ตนไม่ทราบปัญหาระหว่าง น.ส.จันทร์จิรา เนื่องจากอยู่คนบ้านกัน ที่ผ่านมาเชื่อว่านายสุริชัยดูแลเป็นอย่างดี และพี่ตนก็ไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยหัวร้อน มีบ่นบ้างเล็กน้อย แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกาย วันเกิดเหตุไม่มีใครรู้ว่านายสุริชัยออกไปไหน มาทราบข่าวอีกทีก็ตอนที่หลังเกิดเหตุแล้ว พี่ชายโทรมาหาที่บ้านบอกว่าได้ลงมือยิง น.ส.จันทร์จิรา จากเหตุถูกหลอก ซึ่งตนก็ถามแล้วว่าโดนหลอกเรื่องอะไร แต่นายสุริชัยก็ไม่ตอบ และยืนยันว่ารู้สึกผิด จะขอเข้ามอบตัว ตนก็รู้สึกตกใจ รีบขับรถจาก จ.ชลบุรี เดินทางมาที่ สภ.กระสัง เบื้องต้นยังรู้สึกงงและตกใจ ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นทำอะไรก่อน เรื่องประกันตัวก็ยังไม่ได้คุยกับที่บ้านว่าจะเอายังไงกันต่อ
ส่วนตัวคาดสาเหตุน่าจะมาจากการที่น้อยใจและถูกหลอก เนื่องจากช่วงปีใหม่ นายสุริชัยป่วยเป็นงูสวัด บริเวณขาลามไปถึงก้น แล้วบอกให้ น.ส.จันทร์จิรา ช่วยทายาให้ แต่ก็ไม่ทา ก็คิดว่าน่าจะมาน้อยใจเรื่องนี้เป็นทุนเดิม แล้วก็อาจจะมีปัญหาเรื่องหึงหวง ซึ่งตนยังรู้เรื่องราวทั้งหมดตอนที่โทรมา พี่ชายของตนจะปลิดชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย แต่กระสุนหมดก่อน