วันที่ 18 ก.พ. 64 นายจิระพงศ์ แดงธรรมชาติ อายุ 34 ปี พนักงานท่าอากาศยาน เข้าแจ้งความต่อ สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 10.00 น. เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่อาสาฝ่ายปกครอง อ.เมืองปทุมธานี ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. อาสาฯ อ.เมืองปทุมตั้งด่านบนถนนเลียบคลองเปรมประชากร และเรียกเจ้าตัวตรวจฉี่ ก่อนใช้กำลังอุ้มขึ้นรถไปที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานี ทำร้ายร่างกายทุบตี มีการเรียกเงิน 20,000 บาท เพื่อปล่อยตัวกลับบ้าน แต่เจ้าตัวจ่ายไปเพียง 10,000 บาท และเจ้าหน้าที่ก็ให้เงินค่าแท็กซี่ 300 บาท ปล่อยตัวให้ขึ้นรถกลับบ้าน
ล่าสุด วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นบริเวณจุดกลับรถจักรยานยนต์ ใต้สะพานถนนรังสิต-ปทุมธานี ตัดถนนเลียบคลองเปรมประชากร พบกล้องวงจรปิด 2 มุมสามารถจับภาพเหตุการณ์ได้
นายจิระพงศ์ แดงธรรมชาติ ผู้ร้องเรียน เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์จากบ้านเพื่อน ย่านดอนเมือง กำลังจะกลับบ้านตัวเองที่ซอยอุ่นสุข ถนนเลียบคลองเปรมประชากร เพื่อนได้ให้เหล้ามา 1 ขวด เมื่อมาถึงสะพานข้ามทางรถไฟ ก็เห็นว่ามีกลุ่มคนใส่เสื้อสีดำ และมีกรวยวางอยู่ แต่ไม่มีไฟสัญญาณ ตนจึงถามว่าตั้งด่านทำอะไรกัน จากนั้นก็มีคนเข้ามาด้านหลัง ให้ไปตรวจปัสสาวะ ตนหันไปให้ของลับกับพวกเขา ระหว่างที่ตนตรวจฉี่อยู่นั้นก็บอกไปว่า ถ้าตนเองผิดก็ให้ส่งฟ้องศาล ซึ่งตนก็ยังไม่คิดว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ เพราะเขาไม่แสดงตัว
จากนั้นตรวจแล้วก็เจอสารกัญชา เพราะตนเองใช้กัญชาเพื่อรักษาตัวเอง ซึ่งตนมีใบจากกระทรวงสาธารณสุข เพราะตนเป็นโรคทานอาหารได้น้อย และปวดศีรษะ ก็อธิบายแล้วแต่เขาไม่ฟัง และจับตนก็ใส่กุญแจมือ จากนั้นก็นำตัวไปที่หลังรถกระบะ ขณะที่ใส่กุญแจมือ ตนก็ถูกซ้อม จากนั้นก็พาตนเองไปที่กรมการปกครอง ซึ่งที่อยู่บนรถกระบะตนก็หายใจไม่ออก เพราะว่าถูกเข่ามากดไว้ที่หลังของตน เมื่อถึงแล้วเขาก็ผลักตนเข้าไปในห้องเล็ก ๆ และซ้อมตน ซึ่งเขาพยายามไม่ให้ตนมองหน้า และมีการเอาผ้าคลุมหัว
จากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาแฟนตน ขณะนั้นตนเหมือนคนติดยา หลังจากดื่มน้ำที่ถูกนำให้เข้าไป โดยขณะที่ตั้งด่านนั้นมีอยู่ประมาณ 7-8 คน และมีคนเสื้อกั๊ก 1 คน มาทราบทีหลังว่าเป็นปลัดอำเภอ ซึ่งเขาเอาโทรศัพท์ตนไปด้วย พยายามแจ้งข้อกฎหมายที่ตนใช้กัญชา จากนั้นเขาก็พาตนไปที่หน้าอำเภอ และตนก็เอาเงินให้เขาไปซื้อเบียร์ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาบอกว่า "ถ้ามึงอยากกลับบ้าน ก็เอาเงินมา 20,000 บาท ตนจึงทักไปหาแฟน วึ่งมีเงิน 10,000 บาท ไปยืมเพื่อนมาให้ หลังจากนั้น แฟนตนก็โอนเงินเข้ามาบัญชีของตน เขาก็ให้โอนเข้าไปให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตนมารู้ว่าผู้หญิงคนที่ตนโอนเงินให้เป็นคนรู้จักกับเจ้าหน้าที่ชุดที่จับตนมา เมื่อได้เงินแล้วเขาก็ให้ค่ารถตน 300 บาท เพื่อนั่งรถกลับบ้าน
ด้านนายหมู่ใหญ่ ประวิทย์ อินทร์แก้ว อายุ 50 ปี เจ้าหน้ากองอาสารักษาแดน อ.เมืองปทุมธานี เปิดเผยว่า เหตุเวลาประมาณเกือบ 21.00 น. เจ้าหน้าตั้งด่านได้เพียงครู่เดียว พบชายคนดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์มาที่ด่านก่อนเจ้าหน้าที่จะแสดงตัวตน ยื่นบัตร ป.ป.ส. โดยมีนายวัลลภ สนแก้ว รักษาการแทนนายอำเภอปทุมธานีอยู่ในด่านด้วย แล้วขอตรวจค้น จนพบแอลกอฮอล์ 1 ขวด ขออนุญาตตรวจฉี่ ดูจากพฤติการชายดังกล่าวนั่นมีอาการเมาสุรา โวยวายตลอด ให้ของลับเจ้าหน้าที่ และถามว่า "มึงเด็กที่ไหนวะ กูเด็กวัดเปรม มีอะไรเจอกันได้"
โดยผลการตรวจปรากฎว่าชายดังกล่าวเสพกัญชา ระหว่างนั้นก็ยังขัดขืน ดูหมิ่นเจ้าหน้าพนักงาน ชายดังกล่าวตัวใหญ่ทำให้โทรศัพท์ของตนหล่นแตก และได้รับบาดแผลจากการถูกชายคนดังกล่าวหยิกเข้าที่ข้อมือขวาด้วย ทำให้ต้องควบคุมมาที่ว่าการอำเภอ โดยจำเป็นต้องสวมกุญแจมือ เพราะกังวลการขัดขืน และจะมีการกระโดดรถระหว่างทาง เมื่อมาถึงก็ให้เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขจังหวัดคัดกรองตรวจไข้ กระทั่งมีการพูดคุยกับชายดังกล่าวว่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายโทรศัพท์มือถือให้ตนเอง ชายคนดังกล่าวก็ตกลงยินยอมจ่ายค่าเสียหาย 10,000 บาท ซึ่งไม่มีการเรียกเงิน 20,000 บาท ดังนั้น หากชายดังกล่าวแจ้งความว่าเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายหรือเรียกเงินนั้น ตนเองไม่ขัดข้อง เจ้าหน้าที่พร้อมชี้แจงความจริง