หากย้อนเวลากลับไปคงไม่มีใครไม่รู้จักเพลง ไว้ใจได้กา ของนักร้องสาว ลานนา คัมมินส์ ที่วันนี้เจ้าตัวจะมาเปิดใจครั้งแรกหลังตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี พร้อมฟาดกลับคนบูลลี่ปล่อยตัวให้อ้วน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow อีกทั้งเจ้าตัวยังเผยการรักษาอาการป่วยซึมเศร้านานนับ 10 ปี เคยคิดฆ่าตัวตายมานับครั้งไม่ถ้วน
ตอนนั้น 2547-2550 น้องลานนาดังมากเลย แล้วจู่ๆ ก็หายไป?
ลานนา : เป็นเด็กต่างจังหวัด พอมาอยู่กรุงเทพฯ หลายๆ อย่างมันแตกต่างจากที่เราโตมา ก็อยากกลับบ้าน
น้องลานนาเกิดที่เชียงใหม่?
ลานนา : เกิดที่กรุงเทพฯ แต่ว่าโตที่เชียงใหม่
ตอนนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้ ทำไมถึงออกจากวงการ?
ลานนา : ถามว่าตั้งใจจะออกจากวงการไหม มันก็ไม่ใช่ แต่มันถึงจุดที่ว่าพองานมันน้อยลง เราก็คิด ตัดสินใจเรากลับไปอยู่บ้านดีกว่า เพราะในใจเราคิดว่าต้องการกลับไปเติมอะไรบางอย่าง
แต่คนเขาไปลือกันว่าน้องลานนาออกจากวงการเพราะว่าอ้วน ตอนที่ทำอัลบั้มน้ำหนักเท่าไหร่?
ลานนา : ตอนนั้นประมาณ 75 น้ำหนักนาน้อยที่สุดตอนอายุ 16 ตอนนั้นประมาณ 62 แต่ว่าออกจากวงการเพราะว่าอ้วนไหม คือจริงๆ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตื่นมาแล้วจะอ้วน มันก็ไม่ใช่ ด้วยระยะเวลามันก็เพิ่มไปเรื่อยๆ ถามว่าออกจากวงการเพราะอ้วนไหม มันก็ไม่ใช่
เรารู้สึกเปรียบเทียบไหมว่าทำไมเรารูปร่างไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นในวงการ?
ลานนา : มีอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นลูกครึ่ง ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าเนื้อ ตอนนั้นที่ออกอัลบั้มก็ยังมีไปดูดไขมันเลย เพราะรู้สึกว่าใหญ่ ก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิง
มันเป็นแผลในใจเราไหม เราเทียบกับคนอื่น เรารูปร่างไม่เล็กเหมือนคนอื่นเขา?
ลานนา : มันเป็นปมมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว เรียนหนังสือมาจะถูกล้อมาตลอดว่าอ้วน มันก็เลยคิดอยู่เสมอว่าอ้วน
มันรู้สึกขนาดไหน เราร้องไห้เลยไห้เลยไหม?
ลานนา : ช่วงแรกๆ ไม่เข้าใจ ด้วยวัฒนธรรมที่มันแตกต่างกันด้วยก็จะร้องไห้ คุยกับแม่ ก็จะคิดว่าทำไมคนใจร้ายจังเลย แม่ก็จะคอยบอกตลอดมันเป็นเรื่องธรรมดาลูก คนไทยเขาไม่ถือกัน
คำไหนที่เราฟังแล้วรู้สึกว่ามันบูลลี่ แล้วมันบีบใจเรามากที่สุด?
ลานนา : มันหลายอย่าง แล้วก็หลายครั้งที่มันก็เจ็บ แต่ว่าจำไม่ได้ เพราะเลือกที่จะไม่จำมากกว่า
เราคิดว่าเป็นนักร้องทำไมต้องผอม เป็นนักร้องไม่ได้เป็นนางแบบ?
ลานนา : ค่ะ
อะไรที่ทำให้เราคิดว่าเราต้องออกมาพูดแบบนี้?
ลานนา : คือ 1.นาไม่ได้คิดว่าจะเข้าวงการบันเทิง จู่ๆ มาเข้าวงการตอนนั้นเพราะร้องเพลง นาไม่ได้เป็นนางแบบ นาคิดว่านาทีความสุขที่จะร้องเพลง
แล้วเหตุผลจริงๆ ที่เราออกจากวงการคืออะไร?
ลานนา : เพราะตอนนั้นนามาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว แล้วต้องมาทำงานอย่างเดียว แล้วมันค่อยๆ เก็บสะสมความเครียด สะสมหลายๆ อย่าง พอมันเครียดก็เลยกลับบ้านดีกว่า
สิ่งอะไรที่ทำให้เราเครียดมากที่สุดกับการอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ?
ลานนา : เหงาค่ะ ตอนนั้นอยู่เป็นคอนโด คือมันไม่ได้คุยกับใคร
พอเราย้อนไปคิดถึงวันนั้นความรู้สึกมันกลับมาเลยใช่ไหม?
ลานนา : ใช่ค่ะ
เราอยู่ด้วยตัวเองนานกี่ปี?
ลานนา : ก็ 3-5 ปี
พอเราอยู่คนเดียวมาหลายปี อะไรที่ทำให้เราเหงาไม่ไหวแล้ว?
ลานนา : มันไม่รู้จะทำไม กลับไปอยู่กับแม่ดีกว่า มีปฏิเสธงานบ้าง เพราะมันต้องไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เดิมทีที่มีมันหมดไปแล้ว
รู้สึกเหงา รู้สึกเศร้า จนเป็นโรคซึมเศร้าเลย?
ลานนา : ค่ะ ในตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันคือโรคซึมเศร้า ยังไม่ได้หาหมอ แล้วเราคิดว่าคงไม่ใช่หรอก ปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงไปสักพักนึง พอมันเกิดเหตุการณ์แรก เหตุการณ์สอง ลองไปอยู่วัดมาแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้น
ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน?
ลานนา : อยู่บ้าน อยู่ในห้อง พอกลับจากกรุงเทพฯ อยู่แบบระแวงคน คือคนเข้ามาเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเรื่องเราไปพูดไหม เขาจริงใจไหม อะไรต่างๆ มันเกิดความระแวงก็เลยเก็บตัวอยู่คนเดียว
ความซึมเศร้าที่เกิดขึ้นมันหนักถึงขั้นทำร้ายตัวเองเลย?
ลานนา : ค่ะ เคยคิดฆ่าตัวตาย คืออยากตายจริงๆ คือจะปล่อยทุกอย่างหมดแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกอาจจะเกิดจากความน้อยใจ อารมณ์ชั่ววูบ แต่ครั้งที่สองเกิดจากคำพูดของคนที่ใกล้ชิดกับเรามากระทบเรา
มีทั้งหมดกี่ครั้ง?
ลานนา : 3 ค่ะ แต่ครั้งที่3 ไม่ได้อยากตายนะ แค่อยากให้เสียงต่างๆ ที่อยู่ในหัวให้มันเงียบเฉยๆ
มาถึงตรงนี้คุณนาสามารถพูดมันได้ด้วยรอยยิ้ม?
ลานนา : เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เลือกที่จะเป็น คืออาการป่วยนี้ไม่ใช่กินยาเม็ดเดียวแล้วจะหายได้ สิ่งที่เคมีมันไม่สมดุล มันคืออาการป่วยที่ต้องการการรักษาอย่างจริงจัง ต้องทานยา ต้องพบแพทย์ และที่สำคัญเลยคนรอบข้างสำคัญมาก ถ้าเกิดนาไม่มีครอบครัว ไม่มีพี่ชาย ไม่มีเพื่อนที่น่ารักที่คอยอยู่เคียงข้าง นาก็คงผ่านมาไม่ได้
ความรู้สึกครั้งแรกที่อยากฆ่าตัวตาย มันเป็นเรื่องอะไร?
ลานนา : ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา นาคิดฆ่าตัวตายคือเรื่องครอบครัว คุยกับแม่ไม่ค่อยรู้เรื่อง บวกคำพูด สื่อเล่นประเด็นต่างๆ มันสะเทือนใจ
แล้วอะไรมันคือฟางเส้นสุดท้ายที่บอกว่าฉันอยู่ไปไม่ไหวแล้ว?
ลานนา : นาคิดว่าอารมณ์แบบอยู่คนเดียว อารมณ์ที่เรารู้สึกว่าเราเดียวดาย ครั้งแรกเป็นความรู้สึกที่มันเดียวดายมาก ก็กินยาทั้งพารา ทั้งยานอนหลับกินหมด
เราวางแผนไว้ด้วย?
ลานนา : ก็ประมาณนึง ตอนนั้นอายุ 20 ต้นๆ ได้มั้ง ครั้งที่สองน่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ เหมือนเราจัดการอารมณ์ไม่ได้ แล้วบวกกับคนใหล้ตัวพูดจากระแทกความรู้สึกเรา ก็เลยคิดว่าไม่รู้จะอยู่มำไมแล้ว
ห่างกันนานไหม ครั้งแรกกับครั้งที่สอง?
ลานนา : ไม่ถึง 2 ปี
บางคนสงสัยว่ามันเป็นเรื่องอกหักไหม หรือเป็นเรื่องครอบครัว?
ลานนา : มันเป็นเรื่องในครอบครัว พี่ชายกำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ แล้วแม่ก็พูดบางอย่างที่ คือเราก็รู้นิสัยแม่เราว่าเขาเป็นยังไง แต่ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แล้วก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นแม่ก็พูดว่าทำไมต้องทำอะไรโง่ๆ
ถ้ามองย้อนกลับไปนาวิเคราะห์ได้ไหมว่าเป็นสิ่งที่มากระทบเรา หรือเกิดจากตัวเรา?
ลานนา : ในชีวิตนาเวลามีอะไรเกิดขึ้น นาจะโทษตัวเองตลอด เป็นเพราะเราทำ เป็นเพราะเราไม่มีค่า แต่ว่ามันเป็นมุมมองที่มันไม่ใช่ ทุกอย่างโลกมันไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ล่าสุดที่นาพยายามฆ่าตัวตายก็คือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ซึ่งตอนนั้นทะเลาะกับแฟน อย่างที่บอกมันมีเสียงในหัวเยอะมาก บอกให้เราทำนู่น ทำนี่ แล้วเราก็เลยอยากให้มันเงียบ และวิธีเดียวที่ทำให้มันเงียบได้ ก็คือทำร้ายตัวเอง
ครั้งที่3 เราใช้เป็นวิธีอะไร?
ลานนา : พี่ชายพาไปหาหมอ พี่ชายบอกว่าอาการแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะว่าแฟนเก่าพี่ก็ป่วยอยู่ พี่ก็เลยมีประสบการณ์อยู่ระดับนึง พี่ก็เลยบอกว่าต้องไปหาหมอนะ ก็เลยไปพบหมอ คือมันไม่ใช่รักษาแพ๊บๆ แล้วหาย ก็คืออาจจะต้องกินยาไปจนตายก็ไม่เป็นไร จริงๆ เราไม่ได้ผิดปกติ เพียงแค่ว่าเราป่วย พอได้ยามาทานมันทำให้เคมีมันบาลานซ์ อารมณ์มันไม่สวิง
ครั้งแรกที่กินไปมันเจ็บไหม ความรู้สึกสุดท้าย และความรู้สึกที่ได้กลับมามันเป็นยังไง?
ลานนา : ครั้งแรกเหมือนหลับๆ ไป แล้วรู้ตัวอีกทีคือเขาสวนท่อ ล้างท้อง ถามว่าเจ็บไหม ก็นิดหน่อย แต่เซ็งมากกว่าที่ยังอยู่ เพราะเราทำไม่สำเร็จ
พอเราตื่นมาไม่มีใครอยู่ข้างๆ เราเลย?
ลานนา : ไม่มีค่ะ
พอมาครั้งที่สองใช้มีดกรีดข้อมือ?
ลานนา : ค่ะ ก็เย็บประมาณ 8 เข็ม แล้วเพื่อนมาเจอในห้อง
ตอนนั้นหมดสติไปเลยไหม?
ลานนา : ค่ะ กรีดลึกเกือบตัดเส้นเลือด
เจ็บไหม?
ลานนา : ตอนนั้นไม่เจ็บ ความเจ็บที่มันเกิดขึ้นมันอยู่ข้างในมากกว่า
อยากรู้ความรู้สึกก่อนที่จะลงมือกรีด?
ลานนา : มันพีค อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เราจะหายไปคนนึงมันก็ไม่แตกต่างอะไร
ตอนนี้ยังมีความคิดอย่างนี้อยู่ไหม?
ลานนา : ตอนนี้ไม่ได้อยากตาย ไม่ได้อยากตายมานานแล้ว เพียงแต่ว่สมันเป็นอาการจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่เป็น ตอนนี้ต้องดูแลในเรื่องของอารมณ์เฉยๆ ว่าพออารมณ์มันพีคทำยังไงเพื่อให้มันลดลงมา ก็ต้องให้คนรอบข้างช่วย
มีไหมที่เราจะได้เดินไปเคลียร์กับคนในครอบครัว?
ลานนา : สำคัญมากเลย ทีแรกที่นาทำร้ายตัวเอง หรือพยายามฆ่าตัวตาย แม่ไม่เข้าใจ คนยุคนั้นอาจจไม่รู้จักกับโรคนี้ เขาก็รับมือกับมันไม่ได้ อย่างรอบล่าสุดพี่ที่สนิทกันเขาก็อธิบายให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ถามว่าควรทำยังไงดี แม่ก็อยากจะช่วย นาก็จะบอกแม่วันนี้ลูกดาวน์มากเลย ลูกแย่มากเลยวันนี้แม่ก็จะเดินเข้ามาหาแล้วก็เข้ามากอด แล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวมันก็ดี และทุกอย่างเปลี่ยน ไม่ใช่แค่แม่อย่างเดียว ตอนนี้เรามีพี่ชาย แล้วก็มีเพื่อนที่เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่รักเราจริงๆ คอยอยู่เคียงข้างเรา
เวลาเราดาวน์ เรากอดแม่ ความรู้สึกนั้นเป็นยังไง?
ลานนา : ปลอดภัย เขาเข้าใจเรา เราไม่ต้องมาเก็บกด ไม่ต้องมาเฟกเหมือนว่าไม่เป็นอะไร แต่จริงๆ เราเป็น
อยากจะบอกอะไรกับคนที่มีเสียงอยู่ในหัง เหมือนที่เราเคยเป็นไหม?
ลานนา : ใครที่อาจจะมีอะไรที่คล้ายๆ กัน ว่าคุณไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีอีกหลายๆ คนที่เป็นเหมือนกัน แล้วทุกอย่างต้องดีขึ้น ขอให้รักตัวเอง
มีอะไรอยากจะพูดกับคุณแม่ พี่ชาย คนในครอบครัวไหม?
ลานนา : ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว ขอบคุณที่อยู่เคียงข้าง แล้วก็ให้ความรัก
มีอะไรอยากจะบอกกับทุกคนไหมที่บอกว่ามาแชร์แบบนี้จะโอเคไหม?
ลานนา : คือจริงๆ การมาออกรายการแล้วมานั่งร้องไห้เนี่ยจริงๆ ก็ไม่ได้สนุกนะคะ แค่อยากให้คนที่กำลังเผชิญสิ่งที่คล้ายๆ กันได้รู้ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว แล้วอยากให้คนที่ไม่รู้จักตัวเองได้รู้จักมากยิ่งขึ้น เผื่อจะได้ช่วยเหลือคนอื่นที่ใกล้ชิดตัวคุณบ้าง ก็อยากจะแชร์เผื่อมันเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย แค่นั้นเอง
ความรักเป็นยังไงบ้าง?
ลานนา : ตอนนี้หัวใจเหมือนไม่ว่าง มีแต่แมวอย่างเดียว
ก่อนหน้านี้เคยมีแฟน?
ลานนา : ก็มีแล้วก็เลิก ที่เลิกส่วนใหญ่มันเข้ากันไม่ได้ คนล่าสุดคิดว่าการที่เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอาจจะมีส่วนที่ทำให้เขาคิดว่าเขารับมือกับมันไม่ได้
มันทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปไหม?
ลานนา : ถามว่าเข็ดไหมก็ไม่เข็ดนะคะ เพราะว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม
สเปคเราเป็นแบบไหน?
ลานนา : เขาต้องเป็นคนที่คุยกับเรารู้เรื่อง ที่สำคัญสุดมันคือความเข้ากันได้มากกว่า แล้วเราสามารถอยู่ในโลกของกันและกันได้อย่างลงตัวไหม
เคยมีแฟนเป็นศอลปินด้วยกันไหม?
ลานนา : มีค่ะ เข้ากันได้ดี แต่ว่าท้ายสุดไปด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าครอบครัว คือการเลี้ยงดูเราต่างกัน ก็เลยมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น มันก็เลยไปกันไม่ได้
ตอนนี้ยืนยันว่าเราเปิดใจ?
ลานนา : ใช่ค่ะ คือเราเป็นคนเรื่อยๆ เราจะไม่เอาประสบการณ์ที่ผ่านมา มามองความรักแย่ๆ เด็ดขาด