จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 64 เวลา 19.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงสา ได้รับแจ้งเหตุว่านายวิเชียร เป็งยศ ถูกยิงด้วยปืนลูกซองจำนวน 2 นัด ต้นขาขวาได้รับบาดเจ็บ บริเวณโรงเลี้ยงสุกรในสวนหนองหม่าข้าว พื้นที่บ้านท่าลี่ ม.4 ต.ขึ่ง อ.เวียงสา ถูกนำส่งตัวส่ง รพ.เวียงสา และรพ.น่าน แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 64 ด้วยอาการเสียเลือดมาก
พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับนายหยวน สุพรม อายุ 52 แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จับกลุ่มได้พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 นัด
นายหยวน ให้การว่า นางละมัย เป็งยศ ภรรยาของผู้ตาย เป็นผู้ว่าจ้างฆ่านายวิเชียร ตนตกลงรับจ้างฆ่า 50,000 บาท จากนั้นจึงได้วางแผนฆ่าผู้ตาย ตกลงกับนายทุน ปันแก้ว อายุ 55 ปี แบ่งค่าจ้างกันคนละครึ่ง มีการจ่ายเงินมาแล้วเป็นเงิน 25,000 บาท และนางละมัยได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาท่าวังผา ของนายเชาว์ สุพรม พ่อของนายหยวน เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 64
จากนั้น ในวันที่ 13 ก.พ. 64 เวลาประมาณ 12.00 น. วันเกิดเหตุ นายทุนได้ขับรถยนต์กระบะสีขาวของนายทุนออกจากบ้านห้วยธนู เดินทางไปโรงเลี้ยงสุกรของผู้ตายที่ อ.เวียงสา โดยนายหยวนพกปืนพกสั้น ขนาด .38 ไทยประดิษฐ์ ส่วนนายทุน ได้ใช้ปืนลูกซองยาวไปดักซุ่มรออยู่บริเวณโรงเลี้ยงสุกร เวลา 19.00 น. เห็นนายวิเชียรเดินสะพายอาวุธปืนลูกซองยาวมา นายทุนจึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายวิเชียร 2 นัด กระสุนกระจายเข้าที่บริเวณต้นขาขวา จากนั้นทั้ง 2 คนก็รับวิ่งกลับขึ้นรถกระบะ แล้วแยกย้ายกันหลบหนีไป
ต่อมา ในวันที่ 23 ก.พ. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. ตำรวจได้ทำการจับกุมนายทุน พร้อมของกลาง อาวุธปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ ชนิดหักลำกล้อง ไม่มีหมายเลขทะเบียนปืน 1 กระบอก ซึ่งนายทุนได้ให้การรับสารภาพโดยให้การสอดคล้องกับนายหยวน ในสาระสำคัญ รับว่ารับงานฆ่าผู้ตายจากผู้ว่าจ้าง และได้ร่วมวางแผนกับนายหยวนเพื่อลงมือฆ่าผู้ตาย ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายวิเชียร 2 นัด แล้วแยกย้ายกันหลบหนี
ล่าสุด วันที่ 25 ก.พ. 64 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่โรงเลี้ยงสุกรในสวนหนองหม่าข้าว ม.4 ต.ขึ่ง อ.เวียงสา จ.น่าน พบว่าเป็นพื้นที่การเกษตรบนเขา มีต้นไม้ขึ้นรก จุดที่ผู้ตายถูกยิงทีมข่าวพบตุงแดง ตามความเชื่อของชาวบ้านภาคเหนือ เป็นการนำมาติดไวในที่เกิดเหตุ เพื่ออุทิศส่วนกุศาลให้กับผู้ตาย
นายประดิษฐ์ อินต๊ะเขื่อน ผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่า ในเวลา 19.00 น. ของวันที่ 13 ก.พ. 64 ผู้ตายซึ่งมีอาชีพเลี้ยงสัตว์ได้เดินมาโรงเลี้ยงสุกรตามปกติ โดยได้พกปืนลูกซองมาด้วยเพื่อป้องกันตัว เนื่องจากโรงเลี้ยงสุกรเป็นพื้นที่เปลี่ยว ซึ่งเมื่อผู้ตายเดินทางมาถึงก็ได้ถูกคนร้ายที่ซุ่มอยู่หลังต้นไม้ ห่างจากจุดที่ผู้ตายยืนอยู่ 10 เมตร ยิงปืนลูกซองใส่จำนวน 2 นัด จนเป็นแผลเหวอะบริเวณต้นขาขวา จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนก็ได้วิ่งหนีขึ้นรถกระบะสีขาวหลบหนีไป
ส่วนผู้ตายขณะนั้นยังมีชีวิต ได้กระเสือกกระสนคลานไปขอความช่วยเหลือกับชาวบ้านที่เลี้ยงสัตว์ ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ชาวบ้านนำตัวส่งโรงพยาบาล จนวันที่ 15 ก.พ. ผู้ตายก็เสียชีวิตด้วยภาวะเสียเลือดมาก ชาวบ้านและครอบครัวจึงได้ช่วยกันจัดงานศพในที่บ้านของผู้ตายเป็นเวลา 3 คืน และทำพิธีฌาปนกิจ ขณะนั้นภรรยาของผู้ตายร้องไห้เสียใจ บอกว่าสามีทำปืนลูกซองที่พกไปลั่นใส่ขาตัวเองจนเสียเลือดมาก แล้วเสียชีวิต
กระทั่งในวันที่ 23 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาจับกุมตัวนางละมัย เป็งยศ ภรรยาผู้ตาย ในฐานะผู้ว่าจ้างฆ่านายวิเชียร ผู้ตาย ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยนางละมัยรับสารภาพว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่าสามี เนื่องจากสามีเป็นคนไม่ทำการทำงาน ติดสุราและเสพยาเสพติด โดนทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้งและทนมานานกว่า 20 ปี สุดท้ายทนไม่ไหวจึงได้ติดต่อว่าจ้างมือปืนมาสังหารสามี ผู้ตายเป็นคนติดสุรา แต่ก็เป็นคนมีน้ำใจช่วยเหลือชาวบ้าน หากมีคนมาขอให้ช่วยเหลือด้านการเกษตร ส่วนภรรยาของผู้ตายเป็นคนขยันทำงาน ดูแลครอบครัว ทั้งสามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันเป็นประจำ ชาวบ้านต่างรู้กันดี แต่ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขณะนี้ครอบครัวของทั้งคู่ก็เหลือเพียงแต่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงที่แก่ชรามาก อายุประมาณ 70-80 ปีแล้ว
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านของนายวิเชียร ผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 2.2 กิโลเมตร พบว่าภายในรั้วบ้าน มีบ้าน 2 หลังเป็นบ้านของผู้ตายและภรรยา 1 หลัง และบ้านของพ่อแม่ภรรยาผู้ตาย 1 หลัง
นายสุข สอนเสนา อายุ 73 ปี พ่อของภรรยาผู้ตาย บอกว่า ตนรู้สึกตกใจ แต่ตนไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนยอมรับว่าลูกสาวถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง ตนเคยเตือนบอกให้ลูกสาวพูดคุยกับผู้ตายดี จะได้ไม่ต้องทำร้ายร่างกายกันอีก แต่ลูกสาวก็ไม่ยอมเลิกกับอีกฝ่าย ตนไม่เคยคาดคิดว่าลูกสาวจะแค้นถึงขั้นจ้างมือปืนมายิงผู้ตายได้ อีกทั้งลูกสาวของตนก็ยังไม่แสดงพิรุธให้เห็นมาก่อนว่าจะจ้างมือปืน ทั้งนี้ ตนคงไม่ได้ไปเยี่ยมและประกันตัวลูกสาว เนื่องจากตนแก่แล้ว ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับโทษ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงสา ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบหลักฐานการโอนเงินก้อนใหญ่ 25,000 บาท ไปยังพ่อของนายหยวน มือปืน ในโทรศัพท์ของภรรยาผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปที่บ้านของนายหยวน และแสดงตัวเข้าทำการสืบสวนสอบสวน จนนายหยวนรับสารภาพ ซัดทอดมายังนายทุน มือปืนอีกคน และภรรยาของผู้ตาย นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังมีก้นบุหรี่ของมือปืนทั้ง 2 คนตกอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ถือว่าเป็นหลักฐานที่มัดตัวว่ามือปืนนั้นได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุอีกด้วย โดยขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ถูกนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดน่านแล้ว