จากกรณี วันที่ 1 มี.ค. 64 เวลา 08.00 น. พบศพผู้เสียชีวิตเพศชายไม่ทราบสัญชาติถูกตัดศีษะ แขน ขา และนำไปเผาอำพราง ที่บริเวณริมถนนทางเข้าโรงงานวีระอิฐบล็อก ม.4 ต.ชะแมบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
ต่อมาเวลา 12.00 น.วันเดียวกันได้พบชิ้นส่วนแขน ขา มือ เท้า ถูกเผาอำพรางอยู่ที่บริเวณริมถนนสาย 347 บางปะอินมุ่งหน้าบางปะหัน ม.9 ต.บางประแดง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในพื้นที่ สภ.บางปะอิน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สยอง! ศพมนุษย์โผล่ข้ามอำเภอ หั่นแยกชิ้นแขนขาเผาอำพราง ชาวบ้านนึกว่าขยะผงะหัวหาย
ขณะที่ญาติของนายวรวุฒิ หรือ เบิร์ด ภาคิเคียน อายุ 33 ปี ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอ่างทอง และ สภ.วังน้อย ว่าหายตัวไปจากบ้านในตำบลม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยมีคนพบเห็นครั้งสุดท้ายที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งในตำบลป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง
นางสาวพจน์จนี รักษ์วงค์วาน อายุ 25 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้สูญหาย เปิดเผยว่า นายเบิร์ด ผู้สูญหาย ได้หายตัวไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 2563 จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตนพยายามติดต่อทุกช่องทาง แต่ไม่มีการตอบรับ ช่วงสิ้นเดือน พ.ย. 63 นายเบิร์ดได้โทรมาขอยืมเงินประมาณ 150-200 บาท เพื่อขอเงินไปเติมเกม ตั้งแต่เดือน ก.ค. 63 นายเบิร์ดมักจะโทรมาขอยืมเงินที่ตนอยู่บ่อยครั้ง โดยให้เหตุผลว่าหาเงินไม่พอ ทำให้ทะเลาะกับแฟน เพราะต้องส่งเงินค่ารถกับแฟน
แต่ตนทราบจากแฟนของนายเบิร์ดว่า นายเบิร์ดติดการพนันออนไลน์ และติดยาเสพติดด้วย ช่วงหลังมานี้อาการมักจะออก คือ หงุดหงิดง่าย ไม่สบตาคน อีกทั้งแฟนของนายเบิร์ดได้ยืนยันว่าเลิกกันมาประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว เพราะมีปัญหากันเรื่องเงิน แม่ยายเลยไล่ให้ไปอยู่ที่โรงงาน แต่ก็แวะเวียนมาที่บ้านของแฟนบ้าง โดยช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2563 เวลาประมาณ 01.00 น. นายเบิร์ดออกจากบ้านไปเข้ากะทำงาน แต่จากนั้นนายเบิร์ดก็หายตัวไป และก่อนหายตัวนายเบิร์ดได้โทรมาบอกแฟนว่าจะขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้านที่ อ.วังน้อย แต่ก็ไม่ได้กลับมา
ทั้งนี้ จากกรณีที่มีข่าวพบศพชายถูกฆ่าหั่นศพ แล้วทิ้งตามข้างทางตนเชื่อว่า อาจจะเป็นพี่ชายของตนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะส่วนสูง เพศชาย และอายุไร่เรี่ยกับนายเบิร์ด
ทั้งจุดสังเกตของนายเบิร์ดคือรอยสัก นายเบิร์ดมีรอยสักหลายจุดทั้งบริเวณหน้าอกสักเหมือนเป็นรูปหัวใจมีชื่อ ของนายเบิร์ด กับแฟน และข้อมือข้างซ้ายมีรอยสักรูปพระสมเด็จ ส่วนแผ่นหลังมีรอยสักอยู่เต็มหลัง และที่ข้อพับแขนข้างซ้ายมีรอยสัก ที่ไหล่ทั้ง 2 ข้างนั้นก็มีรอยสักเช่นกัน
ขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปยังโรงน้ำแข็งที่นายเบิร์ดเคยทำงานอยู่ก่อนหายตัวไป ยังคงมีการเปิดทำงานตามปกติ นางสาวดวงกมล อายุ 26 ปี เสมียนโรงงาน เปิดเผยว่า นายเบิร์ดเคยทำงานที่โรงน้ำแข็งดังกล่าว ปกติก็เป็นคนที่ขยันขันแข็ง แต่เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยทราบ ทราบแต่เพียงว่าระยะหลังนายเบิร์ดมาอาศัยนอนที่โรงงาน ไม่ได้กลับบ้าน เพราะมีปัญหากับภรรยา จนกระทั่งเมื่อประมาณวันที่ 15 ธ.ค. 63 นายเบิร์ดมาขอเบิกเงินเดือนและบอกว่าจะกลับบ้านที่อยุธยาไปหาพ่อ แต่หลังจากกลับไปวันนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายเบิร์ดได้อีกเลย
โดยเบาะแสคนร้ายก่อเหตุ เชื่อว่ารู้เส้นทางเป็นอย่างดี แต่การหั่นศพนั้นไม่ใช่มือฆ่าอาชีพ ไม่ได้ใช้เลื่อยหั่นศพ ส่วนการใช้รถยนต์ก่อเหตุและหลบหนีคาดว่ามีมากกว่า 3 คน
หลังจากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปบ้านของภรรยานายเบิร์ดใน ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พบนางน้ำฝน วงษ์สนอง อายุ 50 ปี แม่ของภรรยานายเบิร์ด เล่าว่า นายเบิร์ดไม่กลับจากบ้านตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. 2563 หลังมีปัญหาในเรื่องของการทำงานที่เงินไม่เคยเหลือกลับที่บ้าน เนื่องจากนายเบิร์ดเล่นพนันฟุตบอลออนไลน์ จนกระทั่งนายเบิร์ดไม่กลับมาที่บ้าน
ซึ่งก็มีคนเล่าให้ฟังว่านายเบิร์ดไปพัวพันยาเสพติดด้วย หลังจากไม่กลับบ้านก็ไม่เคยเห็นนายเบิร์ดอีก มีเพียงลูกสาวเล่าให้ฟังว่าโทรมาเมื่อช่วงก่อนปีใหม่ บอกว่าขอโอกาสกลับตัว ซึ่งทางเราก็ให้โอกาส แต่ก็บอกว่าจะต้องช่วยกันทำงานหาเงินให้เหลือกลับบ้านบ้าง เพราะผ่านพ้นช่วงโควิด-19 ก็ต้องใช้เงินในการส่งรถ ซึ่งก็ไม่เห็นนายเบิร์ดจะกลับมาที่บ้านนี้อีกเลย
ทีมข่าวเดินทางมาที่โครงการบ้านจัดสรรร้าง หมู่ 4 ต.ชะแมบ อ.วังน้อย กม. 75 ตัดผ่านทะลุไปหมู่บ้านคลองที่ 27 ชุมชนหมู่ 6 ต.สนับทึบ อ.วังน้อย พื้นที่ใกล้เคียงมีโรงงานอิฐบล็อกตั้งอยู่ห่างไปประมาณ 100 เมตร จุดที่แรกที่มีการพบชิ้นส่วนมนุษย์ แต่เป็นจุดที่สองที่คนร้ายนำชิ้นส่วนมนุษย์มาทิ้งไว้
นายวีระ รักษาดี อายุ 60 ปี เจ้าของโรงงาน เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เรียกใครเข้าไปสอบเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่เข้ามาขอเอกสารชื่อของร้านที่เคยมารับส่งอิฐบล็อกที่โรงงานของตนติดต่อธุรกิจที่โรงงาน ก่อนที่จะเจอศพ ไม่มีใครพบเห็นรถของผู้ต้องสงสัย คาดว่าน่าจะเอามาทิ้งช่วงเวลาประมาณ 4.00-5.00 น. โดยโรงงานของตน แบ่งออกเป็น 2 โรงงาน คือ โรงงานคอนกรีต ตั้งอยู่ด้านนอก มีคนงานประมาณ 100 กว่าคน และโรงงานที่อยู่ซอยเดียวกับจุดที่พบศพ มีคนงานประมาณ 30 กว่าคน
หลังเกิดเรื่อง ตนได้สอบถามพนักงานว่า มีใครเคยทะเลาะกันไหม แต่ทุกคนยืนยันว่าปกติดี เพราะพนักงานส่วนใหญ่ อายุประมาณ 30-50 ปี ส่วนคนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี มีค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่น่าจะเป็นคนในพื้นที่ แต่คนที่ไม่เคยมาอาจจะสุ่มเข้ามา เพราะเส้นทางนี้สามารถทะลุไปได้หลายที่ เส้นทางเชื่อมกันหมด ช่วงกลางคืนปกติไม่ค่อยจะออกไปไหนกันอยู่แล้ว ยิ่งเกิดขึ้นเหตุ ทำให้พนักงานยิ่งไม่กล้าออกกัน