วันที่ 4 มี.ค. 64 เวลา 03.00 น. สภ.กันตัง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุกันตังว่ามีเหตุคล้ายกับระเบิด ที่บริเวณหน้าร้านโทรศัพท์ บานานา สี่แยกไปรษณีย์ ถ.สถลสถานพิทักษ์ ต.กันตัง จ.ตรัง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านโทรศัพท์ บานานา สี่แยกไปรษณีย์ ถ.สถลสถานพิทักษ์ ต.กันตัง จ.ตรัง เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ในขณะที่ทีมข่าวมาถึงจุดเกิดเหตุพบว่ากระจกและท่อประปา มีการซ่อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่บริเวณเสาปูน ยังคงทิ้งร่องรอยของสะเก็ดระเบิด รวมถึงบริเวรกำแพงข้าง ๆ ก็พบร่องรอยของสะเก็ดระเบิดเช่นกัน ร่วมถึงรถกระบะที่จอดอยู่หน้าร้าน ได้รับความเสียหายคือยางแบน
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้านโทรศัพท์บานานาไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร แต่เป็นการขัดแย้งระหว่างวัยรุ่นกับร้านขายของชำ ซึ่งเป็นห้องแถวติดกันกับร้านโทรศัพท์ สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว
ล่าสุด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรังลงพื้นที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้นำเชือกกั้นที่เกิดเหตุเพื่อบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่และได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นพบมีสลัก กระเดื่อง สะเก็ดระเบิด เป็นชนิดขว้างสังหาร ซึ่งทำให้กระจกร้านโทรศัพท์และท่อประปาแตกเสียหาย ส่วนอีกร้าน “เล่ามาดิ@กันตัง” ที่ติดกันกระจกแตกร้าว และมีรถที่จอดหน้าร้านจำนวน 2 คันได้รับความเสียหาย
นายณัฎฐชัย แป้นแก้ว ผู้ดูแลตึก กล่าวว่า เมื่อคืนประมาณ 02.50-03.00 น. มีเสียงดังคล้ายกับเสียงระเบิด ซึ่งตอนนั้นตนเองนอนอยู่ชั้น 2 เมื่อได้ยินเสียงก็เปิดหน้าต่างมาดูคิดว่ารถชน ก็เลยลงมาข้างล่าง และเปิดประตูดูข้างล่างริมถนนแต่ไม่เห็นรถชน หลังจากนั้นเจ้าของโรงแรมก็เรียกตนเองมาดู ก็ได้เจอว่ามีท่อประปาแตก และมีหลุมระเบิด สะเก็ดระเบิดที่ผนังโรงแรม ก็ได้รู้ว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้น
จากนั้นประมาณ 2 นาที ตำรวจก็มาและทางร้านบานาน่าเขาติดระบบวงจรปิดก็ได้แจ้งเจ้าของร้าน และทางตำรวจทราบข่าว ก็เลยมา ขณะเกิดเหตุที่ร้านไม่มีคนอยู่ เนื่องจากติดระบบป้องกันภัยแล้ว โดยปกติตอนเช้าตรู่ตนเองจะมาเดินดูไม่มีเหตุอะไร รถวิ่งน้อยมาก และตอนตี 3 ไม่มีรถวิ่งเลย เงียบมาก และไม่เคยได้ข่าวขัดแย้ง ไม่มีเหตุอะไรมาก่อน เสียงที่ดังเมื่อคืนเสียงดังมากกว่าหม้อแปลงระเบิด เข้าใจว่ารถชนตึกด้วยซ้ำ เพราะมีความสั่น ตอนลงมาก็ไม่เห็นอะไร ไม่มีคนบาดเจ็บ รถได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน มีรถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะโดนสะเก็ดระเบิด
นายชาติ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนมีปัญหากับชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมามากกว่า 10 ปี วันที่มีปัญหาคือวันที่ 2 มี.ค.64 หลังจากปิดร้าน 22.00 น. ตนขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อข้าวกินแถวตลาด แต่พอขากลับมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งสวนทางมา แล้วเบิ้ลรถใส่ตน ตนจึงขับรถตามไปดู เพราะสงสัยว่าเบิ้ลรถใส่ตนทำไม
กระทั่งขับตามมาตนเห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หน้าบ้านของชายคนดังกล่าว ด้วยความที่รู้จักกัน ก็เข้าไปสอบถาม ปรากฎว่าชายคนดังกล่าวก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟชี้หน้าด่าแม่ตน ตนจึงพาพี่ชายของตนมาเคลียร์ เนื่องจากว่าชายคนนี้เป็นเพื่อนของพึ่ชายตน แต่แล้วก็ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก เนื่องจากมีอารมณ์กันทั้งคู่ และเดินทางกลับบ้าน ต่อมาวันเกิดเหตุ วันที่ 4 มี.ค.64 เพื่อนของตนมาหาที่ร้านจากนั้นเวลาประมาณ 02.00 น. ตนจึงขับรถไปส่งเพื่อนที่บ้าน พอกลับมาที่ร้านก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเต็มพื้นที่แล้ว ร้านของตนได้รับความเสียหายคือกระจกร้าว 1 บาน ยางรถยนต์แบน 2 ล้อหลัง
ส่วนตัวมองว่าปัญหาเรื่องแค่นี้ ทำไมถึงต้องทำกันถึงขนาดนี้ การนำระเบิดมาปาที่หน้าร้านของตน และเป็นจุดที่ตนชอบนั่งสูบบุหรี่ ตนมองว่าคนร้ายหมายเอาชีวิตตน เกินกว่าเหตุมาก แต่โชคดีที่ตนไม่อยู่ร้าน ลูกผู้ชายเหมือนกันควรเปิดอกคุยกันตั้งแต่แรก ทำแบบนี้คนอื่นเขาไม่รู้เรื่องก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย ส่วนตัวเสียดายความสัมพันธ์ที่รู้จักกันมามากกว่า 10 ปี ความรู้สึกในตอนนี้เกินคำว่าน้อยใจ แต่หลังจากนี้ขอให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนจัดการ หากมีการขอโทษตนไม่แน่ใจว่าจะให้อภัยได้หรือไม่เพราะมันรุนแรงไป ขอต่างคนต่างอยู่แบบสงบดีกว่า เพราะตนไม่ชอบมีปัญหากับใคร
เพื่อนของนายเดียร์ ผู้ต้องสงสัย กล่าวว่า ตนเองมาเป็นเพื่อนกับนายเดียร์ ซึ่งนายเดียร์ถูกตำรวจโทรศัพท์ไปหา เพื่อเชิญตัวมาให้ปากคำฐานตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าน่าจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ระเบิด และนายเดียร์ได้ชวนตนมาเป็นเพื่อน ตนเองเชื่อและยืนยันได้ว่า นายเดียร์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้แน่นอน เพราะนายเดียร์กับเจ้าของร้านเหล้ารวมทั้งตนเอง ก็เป็นอยู่ในกลุ่มเป็นเพื่อนกัน แต่ก่อนหน้านี้นายเดียร์กับเจ้าของร้านเหล้ามีปัญหาขัดแย้งกันมาประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากคนที่เป็นเป้าหมายนั้นได้ไปตามภรรยาของเขาที่บ้านเพื่อนตน โดยเป้าหมายเจ้าของร้านเหล้าไปโวยวายหน้าบ้านเดียร์ โดยนายเดียร์ก็ได้ใช้ให้เจ้าของร้านเหล้ากลับไปก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไร ส่วนตัวก็เป็นเพื่อนกันในกลุ่มกันทั้งหมด