ทาง "ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” พร้อมด้วย “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” และทนายความ “สนิท ปัจจายา” ทนายผู้รับมอบอำนาจ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์ต่อ โดยทาง "ไมค์" เผยว่า ส่วนตัวก็รู้สึกโล่งหลังจากที่การเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นไปในทิศทางที่ดี ทั้งนี้ส่วนตัวความตั้งใจในวันนี้จะเป็นในส่วนของการดูแลเรื่องค่าเล่าเรียนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์แต่ต้องเป็นโรงเรียนที่ตนเลือก พร้อมทั้งจะขอรับผิดชอบดูแลค่าประกันชีวิต หรือเงินออมให้กับทาง "แม็กซ์เวลล์" ด้วย
แต่พอเข้าไปพูดคุยในศาล ทางอีกฝั่งกลับมองว่าไม่โอเค ซึ่งตนก็เสนอไปใหม่ว่าหากเป็นโรงเรียนเดิมแต่ตนขอจ่ายคนละครึ่งกับทางอีกฝ่าย จำนวนละคน 300,000 บาท ทั้งนี้ตนเองก็แจ้งความจำนงว่าต้องการจะจ่ายตรงกับทางโรงเรียน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเพราะเขาต้องการให้จ่ายผ่านบัญชีคุณพ่อของ "ซาร่า" โดยอ้างว่าหากเขาไปจ่ายพร้อมลูกหลานคนอื่นๆที่เรียนโรงเรียนดังกล่าว สามารถใช้สิทธิ์ลดได้ แต่พอตนเองเช็กไปทางโรงเรียน ข้อมูลกลับไม่ตรงกัน ตนเลยมองว่าไม่โอเค เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้การเจรจาไกล่เกลี่ยครั้งนี้ยืดเยื้อไปนาน
"ไมค์" เผยอีกว่า ท้ายสุดแล้วข้อตกลงก็ได้ข้อสรุปว่า ตนเองก็จะจ่ายคนละครึ่งกับอีกฝ่ายในส่วนของค่าเทอมช่วงประถมศึกษา ป.1- ป.6 โดยจะจ่ายตรงผ่านทางสถานศึกษา ต่อจากนั้นในช่วงมัธยมศึกษา ม.1 ถึง ปริญญาตรี จะเป็นหน้าที่ของตนเเต่เพียงผู้เดียวในการรับผิดชอบค่าเล่าเรียน โดยที่ตนเองก็จะต้องพูดคุยกับทาง "แม็กซ์เวลล์" ว่าเขาจะเข้าเรียนที่ไหนอย่างไร พร้อมทั้งส่วนตัวจะเก็บเงินออมไว้ให้กับทาง "แม็กซ์เวลล์" ไว้ก้อนหนึ่งด้วย ตลอดระยะเวลาหลังจากนี้ โดยส่วนตัวไม่ได้กำหนดว่ากรอบเงินที่จะเก็บต้องเดือนเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาส่วนตัวนั้นเก็บเดือนละ 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาวะรายได้ในช่วงนั้นด้วย
ขณะที่สิทธิ์ในการปกครองลูกนั้นที่ตกเป็นฝ่าย "ซาร่า" แต่เพียงผู้เดียว ในส่วนนี้ตนเองอยากจะลอกว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยเรียกร้องขอสิทธิ์อะไรมากมาย เพียงแค่อยากเจอหน้าลูก เป็นบางครั้งเท่านั้นเอง ขณะที่การเซ็นต์รับรองบุตรนั้นอาจจะต้องคุยกันอีกทีว่างันไหนอย่างไร เผยไม่ติดปมขอพบหน้าลูกจากตอนแรกส่วนตัวขอไป 3 ครั้งต่อเดือน แต่อีกฝ่ายขอเป็น 2 ครั้ง ซึ่งเราก็โอเค ส่วนระยะเวลาในแต่ละครั้งนั้นไม่ได้กำหนดว่าครั้งละกี่วัน เชื่อปัญหาระยะทางไม่ใช่อุปสรรคที่ตนจะบินไปหาเเม็กซ์เวลล์ที่ใต้ ส่วนระยะเวลาก่อนไปพบลูกนั้นเป็นระยะเวลา 5 วันก่อนที่จะเดินทางไปเจอ ส่วนการประสานเจอลูกนั้นจะเป็นการพูดคุยผ่านคนกลาง ไม่ได้ต้องติดต่อทางอีกฝ่ายโดยตรง
"ส่วนตัวขอชี้แจงปมดราม่าก่อนหน้านี้ ที่ทางอีกฝ่ายเคยให้สัมภาษณ์ว่าปัญหาการไกล่เกลี่ยทุกอย่างทางเขาเองไม่มีปัญหา แต่บอกง่าทางตนมีปัญหา ในส่วนนี่ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะปัญหาทั้งหมดที่ยืดเยื้อเป็นเพราะเรื่องค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันประเด็นที่เบาระบุว่าจะยก "แม็กซ์เวลล์" ให้ตน ซึ่งส่วนตัวก็ระบุว่าได้แต่ขอไปคิดดูก่อน ตนอยากจะบอกว่า คำว่าไปคิดดูก่อน นั้น ตนมองว่าในฐานะพ่อ หากลูกมาอยู่กับตนแล้วผลดีมันเกิดขึ้นกับลูกหรือไม่
เพราะ 1.หน้าที่การงานของตนจะเป็นแนวย้ายกองทีหนึ่งจะต้องไปอยู่ 3-4 เดือน ซึ่งอาจจะไม่สอดรับกับโรงเรียนที่จะย้ายไปตามกองละครได้ แล้วใครจะอยู่กับลูก 2. แม็กซ์เวลล์ พูดภาษาจีนไม่ได้แล้วหากเบาย้ายไปอยู่จีนจริง ความกดดันในส่วนนี้จะเกิดขึ้นกับลูกหรือไม่ สิ่งนี้ตนเองอยากจะให้อีกฝ่ายคิดให้ดีๆก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะหากวันหนึ่งลูกกลับมาย้อนดูบทสัมภาษณ์เขาจะคิดอย่างไร เขาจะคิดว่าแม่โยนให้พ่อดูแล แล้วพ่อบอกว่าคิดดูก่อน ค่อเขาจะมองเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร ส่วนตัวเลยอยากจะบอกแม็กซ์เวลล์วันนี้เลยว่า " ส่วนตัวไม่ได้คิดดูก่อนว่าจะรับไม่รับ แต่เป็นการคิดดูก่อนในเชิงปฎิบัติแค่นั้นเอง"
ฟาดอีกฝ่ายมีเจตนารมณ์ให้คนโดนด่าจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่ได้สำคัญเพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมาตนโดนด่ามาเยอะแล้ว แต่อยากให้อีกฝ่ายคิดถึงลูกเป็นหลัก คนที่จะเป็นพ่อแม่ควรจะเป็นโล่ห์ให้กับลูก ไม่ใช่ใช้ลูกเป็นโล่ห์ให้ตนเอง แล้วไปแอบหลังลูก
"พร้อมฝากถึง ทนายประมาณ ว่าไม่ต้องมาสงสัยในความเป็นพ่อของตน ขณะหมาแมวยังไม่ทิ้งลูก ผมเองก็ไม่ทิ้งลูก ที่ผ่านมาผมพร้อมดูแลลูกมาตลอด ตนอาจจะไม่ดีเท่ากับคุณ แต่ผมก็ทำดีที่สุดในมุมของตนที่พึงทำได้ ลั่นที่ผ่านมาตนพยายามไม่พูดผ่านสื่อ แต่อีกฝ่ายกลับบิดเบือนข้อมูลจนทำให้ทัวส์มาลงตน ขอถามแล้วทำไมถึงไม่หยุดไปให้ข่าวกับตนทำไม เพราะคุณเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของตนเหมือนที่คุณเลี่ยงจะตอบคำถามอดีตแฟนเก่า "วาดิม" ก็แค่นั้น
วอนหลังจากนี้ไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับตน เพราะไม่อยากติดค้างอะไรกัน มองต่างฝ่ายต่างอยู่และไม่มีเหตุผลที่จะคุยกัน เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ตนรู้จักระวังตัวกับคนบางคน ย้ำส่วนตัวหลังจากตนอาจจะเป็นห่วงความรู้สึกลูกจากข่าว แต่ในส่วนของความเป็นพ่อตนรู้สึกสบายใจ หลังได้พบกับทางลูกชายเมื่อครั้งก่อน โดบเขามาบอกว่าหลังจากนี้หากมีใครมาบอกว่าพ่อไม่รักเขา เขาจะเป็นคนเดินมาถามกับทางตนเอง ซึ่งส่วนนี้ตนรู้สึกสบายใจ"
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องข้อตกลงก่อนหน้านี้ ที่ทาง "ทนายประมาณ" ออกมาเปยเเพร่ว่าตนจะจ่ายคนละครึ่งจำนวน 5,000 บาทต่อเดือนให้ลูก เท่ากับคนละครึ่ง 2,500 บาทกับทาง "ซาน่า" นั้น ในส่วนนี้ตนอยากจะบอกว่าเป็นข้อมูลลับในชั้นศาล ไม่สมควรที่จะเผยแพร่ 2,500 บาทนั้นคือการคาดเดา เสนอ แต่มันยังไม่ใช่ข้อสรุป เพราะมันจบที่ คนละ 10,000 บาท ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายได้รับข้อมูลคาดเคลื่อนหรือเปล่า เช่นเดียวกับค่าเทอม 30,000 บาท ก็ยังไม่ใช่ข้อสรุป ถ้าสรุปจะมายืนที่นี่อีกครั้งเหรอ ยันตนใช้เงินเดือนละ 15,000 บาทจริง ทุกวันนี้กินข้าวกล่องสำเร็จรูป