รวบสาวโหดตีลูกเลี้ยงตายจัดฉากตู้ทับ แม่แท้ ๆ สุดแค้นขึ้นโรงพักตบผัว ชาวบ้านแฉทรมานเด็ก (คลิป)

จากกรณีเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 3 มี.ค.64 ที่วัดมุจลินทร์ หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร น.ส.วัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร เดินทางไปสอบถามรายละเอียดกรณีมีข่าวลือทั้งอำเภอว่ามีเด็กอายุเพียง 1 ขวบครึ่ง ถูกคนใกล้ชิดทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 64 เวลา 01.00 น. ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากแพทย์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ว่า ด.ช.ภานุวัฒน์ หรือ น้องต้นกล้า มีอาการโคม่าจากเลือดคั่งในสมอง ขอให้รีบไปดู เมื่อเดินทางไปตอนเช้าพบว่าน้องต้นกล้าเสียชีวิตแล้ว แพทย์บอกว่าเกิดจากอาการเลือดคั่งในสมอง มาถึง รพ.ชุมพร ในช่วงดึกของคืนวันที่ 27 ก.พ. แพทย์พยายามช่วยชีวิตแต่ไม่ทัน เนื่องจากอาการหนักมาก ผู้เป็นพ่ออ้างว่าน้องต้นกล้าตกจากที่สูงภายในบ้าน

โดยน้องต้นกล้า อาศัยกับพ่อ คือนายนายณรงค์ พลวิชิต อายุ 37 ปี และนางอุ้ม อายุประมาณ 30 ปี แม่เลี้ยง เมื่อออกมาหน้าห้องฉุกเฉิน พบนายณรงค์ กับนางอุ้ม ที่อยู่ในอาการหน้าซีด สอบถามนายณรงค์บอกว่า ตู้ในห้องล้มทับน้องต้นกล้า ที่ร่างกายบริเวณท้ายทอยพบรอยเขียวซ้ำ และหน้าอกก็พบรอยเขียวซ้ำ จึงนำศพมาตั้งทำบุญที่วัดท่ามกลางเสียงเล่าลือของเพื่อนบ้านที่อยู่ห้องพักติดกันกับนายณรงค์ว่าน้องต้นกล้าถูกทำร้าย

ต่อมาวันที่ 2 มี.ค. 64 พ.ต.ท.นรินทร์ พุ่มสวัสดิ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ทุ่งตะโก รับแจ้งเหตุจึงได้เรียกนายณรงค์ และนางอุ้ม มาสอบปากคำ ทั้งสองให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายน้องต้นกล้า แต่ตำรวจไม่เชื่อ เนื่องจากบาดแผลตามร่างกายและเพื่อนบ้านยืนยันว่า ได้ยินเสียงน้องต้นกล้าร้องไห้หนักและนานมาก จึงได้ให้หน่วยกู้ภัยทุ่งตะโกนำศพส่ง รพ.ระนอง เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเช่าหลังของนายวิชิต และภรรยาใหม่ พบว่าสภาพบ้านปิดประตูเงียบ มีการล็อกกุญแจไว้ นายโอ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ทุกวัน บางครั้ง ตี 1-2 เด็กก็ยังร้อง พร้อมกับเสียงดังตุบ ๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะ หรือสั่งให้เด็กหยุดร้อง บางครั้งเด็กก็นิ่งเงียบไปเอง ก่อนหน้าได้เจอเด็กเฉพาะช่วงเช้าเวลาพ่อของเด็กจะไปทำงาน แต่พอพ่อเด็กขับรถออกไปแล้ว แม่เลี้ยงจะรีบพาเข้าบ้าน พร้อมกับปิดประตูเงียบทันที

ซึ่งจากที่ตนสังเกตเห็นเด็กอยู่น่าเอ็นดูมาก ลักษณะเหมือนอดอยาก เนื้อตัวมอมแมม อดสงสารไม่ได้ ต้องซื้อขนมให้กินอยู่บ่อยครั้งเวลาถ้าเด็กออกมานอกบ้าน ตอนนี้เมื่อมารู้ข่าวว่าเด็กเสียชีวิต รู้สึกสงสารมาก เพราะเด็กอายุแค่ 1 ขวบ 6 เดือน ยังอยู่ในช่วงวัยน่ารัก เด็กวัยแค่นั้นยังไม่รู้เรื่องกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เมื่อวานนี้ช่วงเช้าสังเกตเห็นแม่เลี้ยงเก็บเสื้อผ้าและของส่วนตัวเดินออกไปขึ้นรถหน้าถนนใหญ่ ไม่นานนายณรงค์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเวียนหาหน้าบ้านเช่า 3-4 รอบ ไม่นานก็ขี่ออกไป และไม่กลับมาอีกเลย

น.ส.อาพาพอน นาครอด อายุ 27 ปี แม่น้องต้นกล้า เล่าว่า ตนมีลูกกับนายณรงค์ 3 คน ชาย 2 คน หญิง 1 คน เมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วได้เลิกกับนายณรงค์ ตนพยายามจะเอาลูกกลับไปอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากตอนตนก็ได้สามีคนใหม่ เพราะทางนายณรงค์ก็มีภรรยาใหม่เช่นเดียวกัน ขณะนั้นนายณรงค์ไม่ยอมให้ตนพาลูกกลับไปเลี้ยงดู ต่อมาทางญาติของตนได้แอบไปรับตัวลูกมาได้ 1 คน คือลูกคนโต ลูกสาววัย 7 ขวบ ส่วนคนกลางอายุ 4 ขวบ และน้องต้นกล้า อายุ 1 ขวบ 6 เดือน ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านเช่า ซึ่งนายณรงค์ได้ภรรยาใหม่คือน.ส.อุ้ม อยู่ด้วยกันในบ้านเช่าแห่งนั้นทั้ง 4 คน แต่ระหว่างนั้นตนก็ได้กลับมาเยี่ยมลูกทั้ง 2 คนบ่อยครั้ง และจะได้ยินเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องเล่าให้ฟังบ่อยว่า ลูกชายทั้งสองถูกทำร้ายร่างกายอยู่ตลอดเวลา แต่ลูกคนเล็กจะโดนทำร้ายหนักกว่า เนื่องจากได้ยินเสียงร้องไห้แทบทุกทุกวัน ทั้งกลางวันกลางคืน

จนกระทั่งวันที่ 28 ก.พ.64 ตนได้รับแจ้งมาจากโรงพยาบาลชุมพรว่าลูกของตนอยู่ในอาการโคม่า ไปถึงโรงพยาบาลปรากฏว่าลูกชายของตนเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากเลือดคั่งในสมอง ตอนนั้นช็อกมาก ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าสามีที่เคยมีลูกด้วยกันจะปล่อยให้ลูกชายของตนเสียชีวิตแบบนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยอมรับว่าเคยพบเห็น.ส.อุ้มมาแล้ว ลักษณะท่าทางคือเป็นคนที่เงียบ ขอบตาดำคล้ำทั้ง 2 ข้าง คล้ายกับเป็นคนเล่นยา เล่นของ บางครั้งตนก็รู้สึกกลัว ที่สำคัญลูกทั้ง 2 คน ก็ยังอยู่กับเขาด้วยในระหว่างนั้น

"ตนไม่เชื่อด้วยซ้ำ ในสิ่งที่ทางแม่เลี้ยงและสามีเก่าอ้างว่าลูกชายปีนขึ้นตู้เสื้อผ้าจะหยิบนมกับขนม แล้วตู้ล้มลงมาทับตัวน้อง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ลูกของตนเนื้อตัวคงจะฉีกขาด ที่สำคัญตนเชื่อว่าทั้งแม่เลี้ยงและสามีเก่ารู้เห็น และทำร้ายลูกชายกันทั้งคู่ ตอนนี้ถ้าหากว่าทั้ง 2 คนยังหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก็ควรออกมารับผิดชอบ มารับกรรมที่ได้ก่อไว้ด้วย" แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าว

ล่าสุด พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร พร้อมชุดสืบสวนนำหมายศาลจังหวัดหลังสวน ไปจับกุม นางสาวนันทิยา หรืออุ้ม แต่งประวัติ์ อายุ 30 ปี แม่เลี้ยง ในข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ขณะหลบหนีไปอยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในตำบลไร่ส้ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นภูมิเลาเนาบ้านเกิด พร้อมจับกุมได้พร้อมกับ นายณรงค์ พลวิชิต อายุ 37 ปี พ่อของน้องต้นกล้า ที่หลบหนีไปอยู่ด้วยกัน

ต่อมาเวลา 14.30 น. ระหว่างที่ตำรวจนำทั้ง 2 คนขึ้นไปบนโรงพัก นางสาวอาพาพอน นาคลอด อายุ 26 ปี แม่ของน้องต้นกล้า และญาติเกือบ 10 คน มายืนรอดูหน้าอยู่ใกล้บันใดทางขึ้น ตบที่ใบหน้าของนายณรงค์ พ่อของน้องต้นกล้า พูดว่า "เป็นพ่อแท้ ๆ ทำไมปล่อยให้แม่เลี้ยงทำร้ายลูกจนตาย" ขณะที่ญาติก็กรูเข้าไปรุ่มด่าสาปแช่งลั่นโรงพัก ด้านนายณรงค์ก็ตอบโต้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะตอนแม่เลี้ยงทำร้ายตนเองออกไปทำงานทุกวัน

นางสาวอาพาพอน นาคลอด แม่ของน้องต้นกล้า กล่าวว่า ตนคิดว่าอดีตสามีจะต้องรู้เห็นเป็นใจด้วย จึงปล่อยให้แม่เลี้ยงทุบตีลูกในไส้จนตาย แล้วได้หลบหนีไปอยู่ด้วยกันที่ จ.เพชรบุรี ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ส่วนที่อ้างว่าญาติฝ่ายตนข่มขู่จะฆ่าให้ตายจึงทำให้เกิดกลัวแล้วหนีไปอยู่กับภรรยาใหม่ด้วยนั้น พูดโกหก ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงอยากให้ตำรวจสอบสวนเอาผิดและดำเนินคดีด้วย

พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร เดินทางมาสอบปากคำ นางสาวนันทิยา กับนายณรงค์ โดยนางสาวนันทิยารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าได้ทุบตีน้องต้นกล้าทุกวันจริง เนื่องจากเป็นเด็กที่ดื้อและซุกซน วันเกิดเหตุใช้ไม้แขวนเสื้อตี และใช้ฝ่ามือทุบตีตามตัวและตบไปที่ศีรษะจนน้องต้นกล้าหัวฟาดพื้นปูน จึงน้องต้นกล้าอุ้มออกมาหน้าบ้านเช่าช่วยปั๊มหัวใจ แต่ไม่ดีขึ้น จึงโทรแจ้งให้กู้ภัยมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลทุ่งตะโก แต่อาการโคม่า เสียชีวิตในเวลาต่อมา  ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะตู้เสื้อผ้าล้มทับตามที่ให้การในครั้งแรก เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปทำแผนที่บ้านเกิดเหตุ

ขณะที่นายณรงค์ พ่อของน้องต้นกล้ากล่าวว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องต้นกล้าลูกชายตนแต่อย่างใด