จากกรณีมีกลุ่มบุคคลเดินทางไปที่กองปราบฯ เพื่อร้องเอาผิดต่อร่างทรง 4.0 ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย. 61 น.ส.แสงสุริยะเทพ พระมหาสุริยะ หรือร่าง 4.0 เดินทางพร้อม นายสุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อไปแสดงความบริสุทธิ์ และแจ้งความกลับ ก่อนที่จะมีการบุกจับ ดร.สุกิจ และเกิดภาพความรุนแรงในการจับกุมขึ้น
วันที่ 23 มิ.ย. 61 ทีมข่าวเดินทางมาพบ
น.ส.แสงสุริยเทพ พระมหาสุริยะ ร่างทรงจตุคามรามเทวา หรือ ร่างทรง 4.0 ซึ่งเดินทางมาพบ นายเกียรติคุณ ต้นยาง ทนายความ ทีมของ ดร.สุกิจ เพื่อปรึกษาเรื่องคดีความ โดยระบุว่า หลังจากนี้จะมีการเดินทางนำเอกสารเพิ่มเติมไปยื่นต่อศาลอาญา รัชดา เพื่อแสดงเจตนาว่าไม่มีพฤติกรรมหลบหนี หากเจ้าหน้าที่กองปราบฯ จะมีการออกหมายจับ
น.ส.แสงสุริยะเทพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจาก ดร.สุกิจ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ส่วนตัวไม่ได้หายไปไหน จังหวะนั้นตนเพียงเห็นว่าเรื่องที่เจ้าหน้าที่เข้ามาแสดงตัวจับ ดร.สุกิจ ไม่ใช่เรื่องของตน ตนจึงปล่อยให้ ดร.สุกิจ จัดการเรื่องของตัวเองก่อน และมั่นใจว่า ดร.สุกิจ จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว ตนจึงขอตัว และเดินออกมาที่ห้องพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ตนเพียงออกมาดำเนินการแจ้งความตามแผนกำหนดเดิม จากนั้นทีมทนาย ดร.สุกิจ พาตนเดินทางต่อไปยังศาลอาญา เนื่องจากต้องไปยื่นเอกสารให้ทันเวลาราชการ นักข่าวที่เดินทางไปทำข่าวก็เห็นว่าตนออกมา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตนใช้มนต์หายตัวนั้น ตนรู้สึกขำมากกว่า อีกทั้ง ตนยังมั่นใจว่าจะใช้ทีมทนายความของ ดร.สุกิจ และไม่คิดเปลี่ยนใจไปใช้ทนายอื่น และตนก็มั่นใจในความถูกต้อง
น.ส.แสงสุริยะเทพ กล่าวต่อว่า อาการป่วยของ ดร.สุกิจ หลังถูกควบคุมตัว ตนยอมรับว่าเป็นห่วง ดร.สุกิจ มีติดต่อถามอาการกันตลอด ส่วนตัวรู้สึกว่าการจับ ดร.สุกิจ รุนแรงเกินไป อีกทั้งวันนี้ ตนเตรียมนำกระเช้าดอกไม้ฝากทีมทนายไปเยี่ยม ดร.สุกิจ ด้วย จากนี้ตนจะสู้ต่อเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาตนยืนยันว่าพื้นที่ตั้งบูชาองค์เทพที่มีการจัดพิธีบวงสรวงไม่ใช่สำนักร่างทรง เป็นเพียงบ้านหลังหนึ่ง ที่ตั้งไหว้บูชา เพียงบูชามากกว่าชาวบ้านทั่วไป และหลังจากนี้ ตนยืนยันว่า จะไม่มีการไลฟ์สดผ่านสื่อฯอีกแล้ว เพราะตามที่เคยบอกไว้ว่า องค์เทพจะไลฟ์เพียง 9 ตอนเท่านั้น คือการประกาศให้คนรู้จักว่า 15 ปี ที่องค์เทพอยู่กับตนนั้นเป็นอย่างไร ยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่เปิดสำนัก ไม่รับเงิน เพียงตั้งองค์เทพเพื่อไหว้บูชาตามศรัทธาส่วนตัว ยกเว้นเพื่อนสนิทที่จะเปิดให้เข้าบ้าน พร้อมขอให้ทุกคนเข้าใจกันใหม่ด้วย
นอกจากนี้ หลังมีเป็นกระแสข่าวทั้งดีและไม่ดี อาจทำให้คนเสื่อมศรัทธาหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ได้สนใจว่าใครจะศรัทธา ตนเพียงต้องการทำเพื่อบวงสรวงองค์เทพ จากนี้เรื่องคดีความตนจะทำให้ดีที่สุด และไม่รู้สึกกังวล ตนจะเอาความบริสุทธิ์ใจ เอาความดีที่สร้างมาสู้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อชีวิต