จากกรณีแม่ร้องเพื่อนบ้านฉุนเข้าใจผิด ทำร้ายร่างกายโดนลูกสาววัย 1 ขวบได้รับบาดเจ็บ ซึ่งปมเหตุทะเลาะกันมาเจากเรื่องการกู้ยืมเงิน เกิดเหตุในชุมชนใน ซ.วัดเมฆ ต. ลาดบังหลวง อ.ลาดบัวหลวง จ.อยุธยา
วันที่ 6 มี.ค. 64 น.ส.พิมณภัทธ์ อายุ 25 ปี ผู้กู้เงิน แม่ของ ด.ญ.บีม (นามสมมุติ) อายุ 1 ปี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากเมื่อ ธ.ค. 63 ตนโหลดแอปพลิเคชันกู้เงิน กู้เงินมา 2,000 บาท มีเงื่อนไขคือต้องใช้คืน 2,020 บาท ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งตนได้เพียง 1,360 บาท ถูกหักค่าดำเนินการแต่ตนหาเงินมาใช้ไม่ทันเพราะตกงาน จากนั้นแอปพลิเคชันได้ดูดรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ในมือถือของตนไป แล้วส่ง SMS ไปตามเบอร์ต่าง ๆ ระบุว่าตนไม่ยอมจ่ายหนี้ที่ไปกู้ยืมมา หนึ่งในคนที่ได้รับ SMS คือ น.ส.วนิดา เพื่อนบ้าน
จากนั้นวันที่ 4 มี.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 ตนขี่จักรยานยนต์ออกมาจากบ้านแม่ ระหว่างออกจากซอย มี น.ส.วนิดา เพื่อนบ้าน, น.ส.เมย์ น้องของวนิดา กับเพื่อนมาด้วยกัน 5 คน เรียกให้ตนจอดรถ ทางด้านกลุ่มของวนิดาได้เข้ามาถามว่า "เอาเบอร์ไปใส่อ้างอิงกู้ออนไลน์อะไร ทำไมมีข้อความส่งเข้ามาทวงหนี้ที่เบอร์โทรศัพท์" ตนก็บอกว่าไม่ได้ลงรายชื่ออ้างอิงผู้ร่วมกู้ แอปพลิเคชันดึงรายชื่อจากเบอร์โทรศัพท์และส่งข้อความไปเอง ตนไม่ทราบเรื่อง
แต่กลุ่มของ น.ส.วนิดา ไม่พอใจ มีปากเสียงโวยวายด่าถึงบุพการีของนายสำราญ แฟนของตน และเข้ามาทำร้ายตนกับนายสำราญ จึงมีเหตุชุลมุน ชกต่อยกันเกิดขึ้น ตอนนั้นตนกำลังอุ้มลูกอายุ 1 ขวบ ชื่อน้องบีมโดนลูกหลงไปด้วย เป็นรอยแดง เป็นแผลที่ศีรษะบริเวณฝั่งเหนือคิ้วซ้าย และตนและลูกตกรถจักรยานยนต์ แล้วกลุ่มของวนิดาก็แยกย้ายกันไป
ต่อมาวันที่ เวลา 20.00 น. ตนกำลังออกจากบ้านไปธุระข้างนอก กลุ่มแฟนหนุ่มของ น.ส.เมย์ น้องสาวคู่กรณี กับพรรคพวกรวม 5 คน ขี่มอเตอร์ไซค์ 3 คัน เข้ามาเรียกให้หยุดจอดรถหาเรื่องอีก จากนั้นคนที่เหลือก็เข้ามาล้อมรถ และเข้าต่อยนายสำราญ แฟนหนุ่มของตน จนเลือดกำเดาไหล นายสำราญกับตนพยายามขี่รถหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แต่กลุ่มของแฟน น.ส.เมย์ ไล่ตาม และพยายามเบียดจนลูกของตนเกือบตกจากรถ ก่อนจะแยกย้ายหลบหนีไป
ตนรู้สึกโมโหมากเนื่องจากหากถ้าลูกตกจากรถแล้วพลาดเสียชีวิต จะดูแลรับผิดชอบลูกตนอย่างไร หลังเกิดเหตุตนเข้าแจ้งความเอาผิดกับในข้อหาทำร้ายร่างกายแล้ว ส่วนน.ส.เมย์ ได้มาแจ้งความว่า นายสำราญทำร้ายร่างกาย น.ส.เมย์ ด้วยเช่นกัน
ด้าน น.ส.วนิดา คุณุทัย อายุ 31 ปี พี่สาวของ น.ส.บุษญา หรือเมย์ คู่กรณี เล่าว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น วันที่ 4 มี.ค.64 เวลา 16.09 น. มีข้อความจากบริษัทเงินกู้ส่งข้อความเข้ามายังเบอร์โทรศัพท์ของตน จึงรู้สึกตกใจมาก เนื่องจากข้อความระบุว่า "คุณเป็นบุคคลอ้างอิงของ น.ส.พิมณภัทธ์ ทำรายการกู้เงินออนไลน์และเมื่อถึงกำหนดนัดชำระจงใจหนีหนี้เลี่ยงจ่าย" และ น.ส.เมย์ น้องสาตนวก็ได้รับข้อความเช่นกันกัน จึงเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ลาดบัวหลวง กระทั่งกลับมาบ้านจึงเดินเข้าไปพูดคุยกับ นางจิ๋ม แม่ของ น.ส.พิมณภัทธ์ว่าได้ก่อเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนอีกแล้ว แต่แม่ของ น.ส.พิมณภัทธ์ ไม่ได้ตอบโต้
ขณะที่ระหว่างทางมีญาติเห็น น.ส.พิมณภัทธ์ ขับรถมายังบ้าน ตนจึงได้รอจนกว่า น.ส.พิมณภัทธ์ ออกจากบ้าน เวลาประมาณ 18.00 น. ระหว่างนั้นเห็น น.ส.พิมณภัทธ์ ออกจากบ้านของแม่ ตนและน้องสาวจึงขับรถเข้าไปเพื่อที่จะพูดคุยเรื่องข้อความดังกล่าว โดยได้ขับรถไปกัน 5 คน มีญาติตนและ น.ส.เมย์ น้องสาว จึงเรียกให้จอดรถ และได้มีการพูดคุยมีปากเสียงกัน จนกระทั่งนายสำราญ แฟนหนุ่มของ น.ส.พิมณภัทธ์ ถีบเข้าที่ช่วงเอวของตน น.ส.เมย์เห็นว่าตนโดนทำร้ายจึงเข้าไปช่วย และมีปากเสียงกัน นายสำราญ จับหัวของ น.ส.เมย์ แล้วใช้มือตบเข้าที่หน้า และในเวลานั้นจึงเกิดการชุลมุนกันเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า น.ส.เมย์เดินเข้าไปกระชากหัว น.ส.พิมณภัทธ์ และตบจริงจนล้มลง แต่ยืนยันว่ากลุ่มของตนนั้นไม่ได้ตบตีโดนน้องบีม (นามสมมติ) ลูกสาว น.ส.พิมณภัทธ์ ครอบครัวตนไม่มีทางตบตีเด็กอย่างแน่นอน เนื่องจากน้องบีมเป็นเด็กที่ครอบครัวตนคอยช่วยเหลือเลี้ยงดูมาตลอด อีกทั้งแผลจากที่เกิดขึ้นจากตัวเด็กนั้นอาจจะเกิดจากสาเหตุที่ทางด้าน น.ส.พิมณภัทธ์ ขับรถหนีไปหลบ และปีนรั้วลวดหนาม อาจจะโดนลวดหนามเกี่ยว อย่างไรก็ตาม ตนไม่ติดใจอะไรแล้ว เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนี้แล้ว