จากกรณีช่วงบ่ายของวันที่ 5 มี.ค. 64 ตำรวจเชียงใหม่ ทำการปิดล้อมจับกุมนายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี ชาว จ.พะเยา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ หลอกขายป้ายทะเบียนรถหรู มีมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท กบดานในห้อง 310 ของคอนโดมิเนียม ซอยข้างธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาภาคเหนือ ถนนโชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 64 พร้อมด้วยนางสาวอาณดา อายุ 18 ปี พี่เลี้ยง ผู้ต้องหาตามหมายจับเช่นเดียวกัน และน.ส.วิชุดา เสียมศักดิ์ อายุ 23 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ
ซึ่งภายหลังมีการยิงปืน 4 นัด ตอบโต้ระหว่างเจ้าหน้าที่นำแม่ พี่ชาย และลูกสาววัย 3 ขวบเข้าเจรจ ไม่เป็นผล ตำรวจตรึงกำลังตลอดทั้งคืนรวม 20 ชม. กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 6 มี.ค. เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่าทั้ง 3 คน เสียชีวิตแล้ว
ล่าสุด เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ เข้าทำการพิสูจน์หลักฐานและชันสูตรพลิกศพ ใช้เวลานานกว่า 3 ชม. พบปลอกกระสุนปืน 5 ปลอก ปืนในที่เกิดเหตุขนาด 9 มม. รุ่น CZ กระสุนขัดลำ 1 ลูก และแม็กกาซีน 2 แมก ส่วนศพมีร่องรอยถูกยิงทะลุขมับ 2 คน ตายไม่ต่ำกว่า 10 ชม. เนื่องจากศพและเลือดได้แข็งตัวแล้ว
ภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ พบร่องรอยแตกกระจก ร่องรอยถูกยิงที่ขมับทั้ง 3 คน มีปลอกกระสุน ลูกกระสุน ใต้ศพนายสุเมธนอนทับอยู่ และเครื่องกระสุน หมอนข้างเหนือศีรษะพบซิมการ์ดจำนวนมาก บัตรเคดิตหลายใบ สมุดบัญชีหลายเล่ม และคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง
อีกทั้งพบจดหมายทิ้งไว้หลายฉบับ เป็นลายมือของนางสาวอาณดา เขียนถึงป้าและพี่ชายพร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ไว้ ซึ่งเจ้าตัวตั้งครรภ์ได้ 8 สัปดาห์แล้ว รวมถึงจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของ น.ส.วิชุดา ฝากข้อความถึงลูกไว้ด้วย
จากนั้นมูลนิธิรวมใจ จ.เชียงใหม่ นำร่างส่งสถาบันนิเวช รพ.มหาราช เพื่อชันสูตร ก่อนให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีการทางศาสนา ซึ่งคาดว่าทั้ง 3 คน ญาติจะกลับไปทำพิธีที่บ้านเกิด นายสุเมธ ญาตินำกลับไปที่ จ.พะเยา, ศพภรรยา ญาตินำกลับไปที่ จ.ชุมพรส่วนพี่เลี้ยงญาตินำกลับ อ.พาน จ.เชียงราย
แม่นางสาววิชุดา เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังช็อกและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิด ยืนยันไม่ทราบว่าฝ่ายชายทำอาชีพอะไร แต่เคยพบฝ่ายชายขับรถหรู พาลูกสาวไปบ้านที่จังหวัดชุมพรเพียงครั้ง 2 ครั้งเท่านั้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจยึดรถหรู 2 คัน ยี่ห้อ Mercedes-Benz ทะเบียน 3 กญ 35 กรุงเทพฯ และ ยี่ห้อ BMW ทะเบียน วฬ 606 กรุงเทพฯ
มีรายงานว่านายสุเมธเริ่มทำธุรกิจนี้ทำมาตั้งแต่ปี 2557 ครั้งนี้ถูกออกมายจับพร้อมด้วย น.ส.อาณดา พี่เลี้ยง 2 หมายจับ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกผู้เสียหายแจ้งความคดีหลอกลวงกว่า 20 คดี ได้เงินไปหลาย 10 ล้านบาท
หลังจากเปิดเว็บไซต์หลอกขายป้ายทะเบียนเลขสวยทั่วประเทศ เมื่อมีคนโอนเงินซื้อก็จะบล็อกแล้วไปหลอกเหยื่อคนอื่น ๆ ก่อนที่จะถูกออกหมายจับแล้ว ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยข้อมูลอันเป็นเท็จ, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่น และร่วมกันฟอกเงิน
ด้านนางหน่อย แม่ของนายสุเมธ ยืนยันว่า ไม่ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะนายสุเมธมีการบอกลาแม่ บอกว่าขอบคุณที่เลี้ยงมา และชื่นชมแม่ว่าเป็นแม่ที่ดี ชีวิตนี้ห่วงเพียงลูกสาว 2 คน
ซึ่งแม่พยายามเกลี้ยกล่อมแล้ว สำหรับนิสัยของนายสุเมธนั้นเป็นคนไม่ค่อยพูด เด็ดเดี่ยว ไม่ยุ่งกับใคร ส่วนเรื่องการทำงานนั้นตนไม่เคยรู้เรื่อง และนายสุเมธไม่เคยเล่าให้ฟัง ส่วนการส่งเงินนั้นนายสุเมธจะส่งเสียแค่ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกเท่านั้น
นายวิวัฒน์ มณีวรรณ อายุ 67 ปี ลุงเขยของนายสุเมธ เปิดเผยว่า หลานชายเรียนจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา จากนั้นก็ทราบเพียงว่าหลานชายใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มีภรรยา และบุตร 2 คน ส่วนอาชีพของหลานนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะก็ตนเองทำมาหากินอยู่ จ.พะเยา ไม่ค่อยสนใจ ในเวลาที่หลานกลับบ้านเกิด ก็แค่ทักทายสวัสดีกัน และหลานเองก็ไม่เคยนอนที่บ้าน เมื่อมาเยี่ยมญาติเสร็จแล้วก็ออกไปพักที่อื่น ส่วนญาติมักพูดถึงบ่อย ๆ ว่าหลานขับรถหรู แต่ตนเองก็ไม่เคยเห็น
ทั้งนี้ เมื่อวานหลังจากทราบข่าวจากแม่หลานก็รีบเดินทางถึงตั้งแต่เมื่อคืน แต่ก็ได้กลับไปพัก กระทั่งช่วงเช้าก็เดินทางมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง ก็พบว่าหลานเสียชีวิตแล้ว ญาติทุกคนต่างเสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้ปรึกษากันว่าจะมีกำหนดการอย่างไรต่อไป เบื้องต้นญาติแต่ละฝ่ายจะนำร่างผู้เสียชีวิตกลับบ้านเกิด
ล่าสุด พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยพี่ชายและแม่ของนายสุเมธ แถลงข่าวเหตุการณ์ร่วมกัน พล.ต.ท.ประจวบ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 5 มี.ค. 64 เจ้าหน้าตำรวจเดินทางเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่มีการขัดขืนไม่ยอมมอบตัว มีการขู่ว่ามีอาวุธปืน มีผู้หญิงอยู่ในห้อง 2 คน ทำให้เจ้าที่ตำรวจต้องถอนกำลังและเฝ้าระวัง มีการเรียกกำลังเสริม จากนั้นนายสุเมธติดต่อน้องชายใจความสำคัญว่า "ขอลาขอพบแค่กันแค่นี้" น้องชายตกใจมาก รีบปรึกษาแม่ก่อนเดินทางมาที่เกิดเหตุ
โดยเวลาประมาณ 15.30 นายสุเมธมีการติดต่อผ่านไลน์มาที่น้องชาย บอกว่าให้มารับหลานออกไป น้องชายเดินขึ้นไปที่ห้อง ก่อนที่นายสุเมธจะเปิดประตูออกมาแค่ช่องตัวเด็กและสิ่งของออกได้ น้องชายมีการถามภรรยาพี่ชายและพี่เลี้ยงว่า "ไปด้วยไหม" แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าไม่ไป พร้อมตะโกนบอกน้องชายนายสุเมธว่า "รีบลงไป ฝากดูแลลูกด้วย" จึงยืนยันว่าหญิงทั้ง 2 คน สมัครใจอยู่ด้วยกับนายสุเมธ
ทั้งนี้ จากการที่น้องชายนายสุเมธแชตไลน์พูดคุยกันนั้น นายสุเมธยืนยันว่าไม่ยอมมอบตัว จะขอจบตรงนี้ และหญิงทั้งคู่ก็ยอมจบด้วย เพราะว่ามีส่วนร่วมกระทำผิด จะยอมตายพร้อมกัน และขออยู่ตรงนี้ให้นาน จนกว่าเจ้าหน้าที่จะบุกเข้าไป ก็จะปลิดชีพทันที
ต่อมาเวลา 15.45 น. แม่และน้องชายได้พยายามขึ้นไปเพื่อคุยกับนายสุเมธ เมื่อถึงหน้าห้องพักน้องชายมีการเคาะประตูเรียก พร้อมกล่าวยืนยันว่ามากับแม่และหลาน ขอเข้าไปคุยว่าจะเอาอย่างไร ยืนยันไม่มีตำรวจมาด้วย แต่ไม่ได้ยินเสียงใครตอบรับกลับมา น้องชายจึงตัดสินใจใส่กุญแจในกลอนก่อนไขได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดแรกก่อนทิ้งช่วงไป และอีก 2 นัดตามมา จากนั้นเสียงปืนสงบลง มีเสียงคล้ายผู้หญิงกรีดร้องครู่เดียวและเงียบไป ทั้งนี้ น้องชายยืนยันว่ารู้อยู่ในใจแล้วว่าพี่ชายต้องจบชีวิต เพราะจากการอยู่ด้วยกันรู้ว่าพี่ชายเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น
ขณะเดียวกันตำรวจจึงประเมินสถานการณ์ จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อทั้ง 3 คนได้ แต่เมื่อทราบว่าแม่ น.ส.วิชุดา กำลังเดินทางจากจ.ระนอง มาคอนโดที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงเฝ้ารอจนค่ำมืดก่อนตัดสินใจตรึงกำลังตลอดทั้งคืน แต่ไร้การเคลื่อนไหว จนเช้าวันที่ 6 มี.ค. 64 มีการตรวจสอบด้วยยุทธวิธีหลายอย่างจนแน่ใจว่าไม่มีความเคลื่อนไหว สุดทำการเปิดประตูก็พบว่าทั้ง 3 คนเสียชีวิตแล้ว
พล.ต.ท.ประจวบ ย้ำถึงเหตุทำไมตำรวจไม่เข้าไปทันหลังได้ยินเสียงปืนว่า ตำรวจตามยุธวิถี เพราะเสียงปืนที่เกิดขึ้น เป็นเสียงเพราะมองไม่เห็น ไม่รู้วิถีการยิง ตำรวจจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ครบถ้วน และต้องประเมินสถานการณ์ให้รอบด้านก่อน เพราะอย่างไรแล้วผู้ต้องหาก็ยังคงอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปก่อเหตุรบกวนใคร
ซึ่งการเข้าชาร์จต้องศึกษาข้อมูลให้รอบครอบก่อน ดังนั้นเมื่อถึงเช้าอีกวันมีการตรวจอุณหภูมิและส่องกล้องงูแล้วไม่มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น จึงเปิดประตู ขณะเดียวกันทราบอยู่ว่าผู้ต้องหาจะตัดสินใจแบบนี้ ตำรวจจึงต้องระวังเป็นพิเศษ