จบสวย! กู้ภัย 2 ค่ายปัดแย่งคนเจ็บเหตุวางมวยกลางถนน แฉปมขับรถสะบัดโดนด่า "กูรุ่นพ่อ" (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "สายไหม ต้องรอด" มีการลงคลิปและไลฟ์สด เหตุการณ์กรณีมีกลุ่มชายแต่งกายคล้ายอาสากู้ภัย ซึ่งจอดรถกีดขวางการจราจรอยู่บริเวณถนนพหลโยธินขาออก มุ่งหน้าเซียร์รังสิต เกิดเหตุบริเวณสี่แยกก่อนถึงด้านหน้าโรงพยาบาลภูมิพลฯ ซึ่งมีลักษณะประทะคารมและตะโกนด่าทอกันไปมา จนสุดท้ายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ใหญ่ของอาสากู้ภัยทั้งสองฝ่ายเข้ามาเคลียร์ใจกัน นั้น

วันที่ 8 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าฐานทัพอากาศ กองทัพอากาศดอนเมือง อยู่ใต้แนวรถไฟฟ้า BTS

นายธวัชชัย ชูรัตน์ หรือ โด่ง พนักงานขับรถกู้ชีพ มูลนิธิร่วมกตัญญู รับผิดชอบเขตบางเขน-สายไหม บุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปที่เกิดเหตุ เปิดใจว่า ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ประมาณ 20.50 น. ได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักสายไหมว่ามีอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม 2 คัน อยู่บริเวณแยกไฟแดง ก่อนถึงโรงพยาบาลภูมิพลโดยมีคนเจ็บหลายราย หลังจากได้รับแจ้งจึงได้เข้าไปที่เกิดเหตุโดยทันที ซึ่งกลุ่มของอาสาร่วมกตัญญูเดินทางไปพร้อมกับรถตู้กู้ชีพ 2 คัน แต่ในจังหวะนั้น พบว่ามีรถของอาสา อปพร.พื้นที่เขตสายไหม ซึ่งเป็นรถกระบะมีแครี่บอยอยู่ด้านหลังขับขี่มาด้วยความเร็ว จอดบริเวณจุดเกิดเหตุที่รับแจ้ง แต่ปรากฏว่าไม่เจอเคสผู้เสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่บริเวณดังกล่าว จึงเข้าใจว่าคนเจ็บอาจจะอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงได้พากันไปกลับรถยูเทิร์นไปอีกฝั่งหนึ่ง มีรถกะบะของ อปพร. ขับซ่ายลักษณะสะบัดจะมาชนท้าย ทำให้กลุ่มร่วมกตัญญูกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ จึงได้บอกให้จอดรถแล้วลงไปแนะนำเรื่องการขับรถ

ในจังหวะนั้นช่วงที่มีการเข้าไปตักเตือน ฝั่งของ อปพร. มีลักษณะไม่เชื่อฟัง และมองว่ากลุ่มของตนเองไปหาเรื่อง จึงได้มีปากเสียงและเริ่มชกต่อยกัน ตนตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่ม อปพร. โดยเฉพาะคนที่มีเรื่องขับรถสะบัด ยังเป็นเด็กอายุ 20 กว่าปี จึงมองว่าวุฒิภาวะในเรื่องของการขับรถช่วยเหลือผู้ป่วย การตัดสินใจบนท้องถนนอาจจะมีไม่มากพอจึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น จากนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายมีเรื่องกัน ฝั่งของกลุ่ม อปพร. โทรนัดพรรคพวกให้มาเจอก็เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ และในที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเดินทางมาเป็นตัวกลางให้ จึงทำให้เรื่องยุติลงได้ ไม่มีเหตุบานปลาย

พร้อมทั้งยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแย่งเคสผู้ป่วย เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ซึ่งหากใครได้รับแจ้งเหตุและมาถึงก่อนก็จะได้สิทธิ์ในการดูแลผู้ป่วยและนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ก่อน แต่ในคืนนั้นกลับพบว่าที่เกิดเหตุไม่มีให้เคสช่วยเหลือ คาดว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บอาจจะเดินทางไปโรงพยาบาลเองแล้ว หรือไม่ก็อาจจะได้รับบาดเจ็บไม่มาก แต่ในฐานะที่ตนเองทำงานด้านหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งผ่านการอบรมในหลักสูตรการช่วยเหลือและปฐมพยาบาลผู้ป่วย ก็อยากทำหน้าที่ในการช่วยเหลือคนเจ็บอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากเคลีย์กันแล้วก็ไม่ติดใจกัน

ขณะเดียวกัน อาสากู้ภัย อปพร.สายไหม คู่กรณี เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุตนเองได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม จึงได้เข้ามาที่เกิดเหตุ แต่ในช่วงนั้นพบเจอกับรถของอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูขับปาดหน้าและบังคับให้จอด อ้างว่ารถของตนเองขับสะบัดตูดจะไปชนท้าย ตนเองจึงได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ไฟล์ของอาสากู้ภัยร่วมกตัญญูได้ลงมาต่อว่า พร้อมทั้งหาเรื่องว่า "กูรุ่นพ่อมึงนะ" จากนั้นได้ใช้กำปั้นสวนหมัดเข้ามาที่ฝั่งของตนเอง แต่โชคดีหลบได้ทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ตนเองเดินทางมาเพื่อจะมาช่วยเหลือคนเจ็บ แต่ไม่คิดว่าจะถูกหาเรื่อง

ล่าสุด ตำรวจโรงพัก สน.สายไหม ได้เชิญตัวทั้งสองฝ่ายเข้าไปไกล่เกลี่ยกัน มีผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเข้ามาเป็นตัวกลางพูดคุยกัน ซึ่งได้มีการขอโทษซึ่งกันและกัน และป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการเปรียบเทียบปรับหรือแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะเนื่องจากไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ