จากกรณีพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร รับแจ้งเหตุพบศพชายไทย 3 คน นอนเสียชีวิตอยู่ภายในป่าหญ้าร้าง ซอยลิงเก่า ม.5 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
น.ส.เกด (นามสมมติ) อายุ 17 ปี น้องสาวนายป๋อง ผู้ตาย เปิดเผยว่า พี่ชายออกจากบ้านไปประมาณ 5-6 เดือน และไม่ติดต่อกลับมาเลย ซึ่งตนรู้ว่าพี่ไปอยู่กับเพื่อนชื่อว่านายใหญ่ แต่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน มีกลุ่มเพื่อนพี่ชายทักมาบอกตนทางเฟซบุ๊กว่าพี่ติดยาและไปก่อเหตุขโมยสายไฟคนอื่น ตนก็ได้แต่ฝากไปบอกว่าให้เลิกทำแบบนั้น แต่ไม่ได้พูดคุยกับพี่ชายโดยตรง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพบศพพี่ชาย ตนตกใจมาก ไม่คิดว่าพี่จะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
ส่วนตัวสงสัยกลุ่มเพื่อนที่หายไป โดยเฉพาะนายใหญ่ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย ที่หายไปหลังเกิดเหตุ คาดว่าอาจจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ เช่นเรื่องเงินที่แบ่งกันไม่ลงตัว แต่ไม่มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดด้วยหรือไม่ ส่วนกรณีเรื่องการขโมยสายไฟในโรงงานนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะทำให้ถึงขั้นฆ่ากันตาย เพราะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
ที่วัดศิริมงคล อ.เมือง สมุทรสาคร มีพิธีบำเพ็ญกุศลศพนายออมและนายคิว โดยแยกศาลาสวด น.ส.จุฑารัตน์ พันบุรี อายุ 35 ปี แม่นายอออม กล่าวว่า ลูกชายออกจากบ้านไปประมาณ 6 เดือนแล้ว โดยจะกลับมาหาตนที่บ้านนาน ๆ ครั้ง ตนเคยถามลูกว่าไปอยู่ที่ไหน ลูกก็ตอบแค่ว่าไปอยู่กับเพื่อน ซึ่งตนก็ไม่เคยรู้แหล่งที่อยู่ที่แน่ชัด รวมถึงไม่เคยรู้ว่าลูกไปอยู่ในป่าที่พบศพ กระทั่งทราบว่าลูกเสียชีวิตตนก็ไปดูที่เกิดเหตุ เห็นลูกนอนคว่ำหน้ามีเพื่อนทับร่าง ส่วนตัวก็ไม่รู้ปมเหตุว่าเกิดจากอะไร
โดยเรื่องยาเสพติดรู้ว่าลูกเสพยาจริง แต่ลูกไม่ได้ขาย ก็ไม่น่าจะถูกยิงขนาดนี้ ส่วนประเด็นเรื่องขโมยสายไฟ ตนก็ไม่มั่นใจ ที่ผ่านมารู้ว่าลูกขโมยสายไฟ แต่ไม่คิดว่าไปขโมยในโรงงาน ตนเคยตักเตือนลูกชายก็ยิ้มพร้อมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งตั้งแต่ออกจากบ้านไป ลูกชายไม่เคยมาขอเงิน ตนก็คิดว่าน่าจะพอมีเงินอยู่บ้าง ทั้งนี้ ยอมรับว่าลูกชายทำผิด ตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้อยากให้ตำรวจจับตัวคนร้ายมาให้ได้ และตนก็อยากถามว่าฆ่าลูกชายตนทำไม
นางสาวปิยธิดา ท่าทราย อายุ 39 ปี แม่ของนายคิว ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกชายเป็นคนโต ตนมีลูกสาวคนเล็กอายุ 10 ปี ลูกชายเป็นคนดื้อเงียบ แต่เป็นคนไม่เถียง ที่ผ่านมาตนเองทราบมาโดยตลอดว่าลูกชายมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อย เกี่ยวข้องกับยาเสพติดบ้าง แต่ก็พยายามที่จะตักเตือนเรื่องการคบหาเพื่อน และการใช้ชีวิตตลอด พยายามจะหาทางออกให้ลูกเป็นคนดี เพราะทางครอบครัวก็แยกกับสามีมานานแล้ว และเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว พยายามเป็นให้ได้ทั้งพ่อและแม่ วางแผนไว้ว่าช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม หากหมดวิกฤตโควิด-19 ตนเองจะให้ลูกชายได้เรียนต่อ แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก่อน
ตนเองเจอกับลูกชายครั้งสุดท้ายเมื่อ 4 มี.ค. 64 เพราะลูกชายออกไปนอกบ้าน ตนเองคิดว่าลูกชายไปอยู่บ้านของออม ตนเองเจอเพื่อนของลูกชายก็มักจะถามตลอดว่าลูกชายของตนไปอยู่ที่ไหน เพื่อนทุกคนก็บอกว่าอยู่กับออม ตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้จนกระทั่งวันที่ 7 มี.ค. 64 ช่วงเย็นเพื่อนตนเองโทรมาบอกว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ส่วนลางบอกเหตุ ตนเองไม่พบเจอเลย ส่วนย่าทวดของน้องอยู่ที่บ้าน ยังไม่ทราบว่าน้องเสียชีวิต จะมานอนรอที่บริเวณที่นอนของน้องทุกวัน สาเหตุที่ตนเองไม่บอกเพราะย่าทวดของน้องอายุมากแล้ว กลัวว่าจะเกิดอาการช็อก
ทั้งนี้ ตนเองอยากให้คนร้ายได้รับโทษอย่างถึงที่สุด ตนเองเข้าใจเต็มที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ อยากถามผู้ก่อเหตุว่าจิตใจทำด้วยอะไร ลูกของตัวเองยังอายุไม่ถึง 15 ปี และหากผิดเล็กน้อยก็ควรจะให้อภัย เด็กสามารถกลับตัวเป็นคนดีได้ อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา ส่วนปมการสังหารครั้งนี้ ตนเองไม่ทราบสาเหตุ อยากบอกว่า "แม่อาจจะบุญน้อย ที่ไม่ได้เลี้ยงให้คิวโตขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก่อน อยากบอกว่ารักคิวมาก และแม่จะพยายามใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ ต้องทำใจ"
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายคิว นายออม และนายป๋อง เคยขโมยสายไฟในโรงงานแห่งหนึ่ง จนเจ้าของโรงงานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานั้น ทีมข่าวเดินทางไปยังโรงงานที่เกิดเหตุพบเป็นโรงงานร้าง ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ภายใน
นางปลา (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตนเคยเห็นนายออม นายป๋อง และนายคิว มาขโมยสายไฟที่โรงงานร้างเป็นประจำ โดยส่วนใหญ่จะมาในช่วงกลางวัน บางครั้งก็ปั่นจักรยานมา หรือบางครั้งก็นั่งรถจักรยานยนต์มาที่โรงงาน ก่อนปีนเข้าไปงัดแงะสายไฟภายในโรงงาน มีอุปกรณ์คือมีดและกระสอบสำหรับใส่สายไฟ เมื่องัดสายไฟออกมาได้ก็จะนำมากองรวมกันไว้ บางครั้งก็มีรถยนต์มารับออกไป ซึ่งตนเคยเตือนว่าอย่าทำแบบนี้ มันไม่ดี อีกฝ่ายก็ตอบแค่ "ครับ ๆ" แต่ไม่ได้สนใจ
ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มี.ค. นายสมพงษ์ อดีตสมาชิก อบต. ซึ่งเคยเป็นเจ้าของโรงงาน ผ่านมาแล้วได้ยินเสียงงัดแงะในโรงงาน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุม ผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 5 คน สามารถจับได้ 2 คน เหลืออีก 3 คน คาดว่าน่าจะเป็นผู้ตายที่หนีไปได้ ส่วนกรณีที่มีกระแสว่าการเสียชีวิตของทั้ง 3 คนอาจจะเกี่ยวกับเรื่องขโมยสายไฟในโรงงาน ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนายสมพงษ์ เป็นคนดี โดยโรงงานที่เกิดเหตุก็เป็นทรัพย์สินที่ถูกธนาคารยึดไปเป็นปีแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับนายสมพงษ์แล้ว แต่เจ้าตัวแจ้งความเพราะห่วงชาวบ้านว่าจะเดือดร้อน ตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด หรือขัดผลประโยชน์เรื่องการขโมยสายไฟกับแก๊งอื่นหรือไม่ เพราะกลุ่มที่เข้ามาขโมยสายไฟมี 2-3 กลุ่มในพื้นท่