กรณีนายพิพัฒน์ หรือ ปื๊ด อายุ 44 ปี โพสต์ตามหาลูกสาวหาย เมื่อวันที่ 19 ก.พ.64 ที่ผ่านมา กระทั่งกลายเป็นกระแสร้อนแรงว่า พ่อตกเป็นผู้กระทำอนาจารลูกสาวตัวเองนานกว่า 7 ปี ตั้งแต่อายุ 9 ขวบจนปัจจุบันอายุ 16 ปี ทำให้ลูกสาวทนไม่ไหวต้องหนีออกจากบ้านไปอยู่กับแม่
ล่าสุดวันที่ 9 มี.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังหมู่บ้านของแม่เด็ก พบ น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี แม่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนและนายพิพัฒน์ หรือ ปื๊ด อายุ 44 ปี อยู่กินกันเป็นสามีภรรยา ภายในอะพาร์ตเมนต์ ย่านลำลูกกา คลอง 4 จ.ปทุมธานี พฤติกรรมของนายปื๊ดปกติจะเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย ทำลายข้าวของและชอบทะเลาะกับตนเป็นประจำ
อีกทั้งยังมีนิสัยพฤติกรรมเจ้าชู้ ติดต่อกับหญิงอื่นผ่านเฟซบุ๊กหลายคน และชอบขอรูปภาพดูรูปร่างผู้หญิง และถ่ายวิดีโอช่วยตัวเองส่งให้คนอื่น และบ่อยครั้งที่นายปื๊ดอาบน้ำเสร็จมักจะเดินออกจากห้องน้ำไม่แต่งตัว โป๊เปลือยออกมาและนอนบนเตียงทั้งที่ น.ส.เอ ลูกสาว นอนเล่นอยู่บนเตียง โดยในทุกครั้งตนได้เตือนว่าอย่าทำลักษณะอย่างนี้ นายปื๊ดบอกว่า "จะสอนลูกเอง ไม่ต้องมายุ่ง เป็นการสอนลูกให้ชินกับวัฒนธรรมตะวันตกแบบฝรั่ง" จนตนทนไม่ไหวและได้เลิกรากันไปเมื่อปี 2558 และได้แยกย้ายออกไป ส่วนนายปื๊ดบอกว่าจะเลี้ยงดูลูกเอง ห้ามมายุ่ง
จนกระทั่งวันที่ 15 ก.พ. 64 ลูกสาวได้ทักข้อความผ่านไลน์มาบอกว่า "พ่อเขาเคยทำอะไรแปลก ๆ ให้หนู" และ "แม่เชื่อหนูนะ หนูกลัวอะ พ่อเขาเคยพยายามแอบถ่ายหนูในห้องน้ำ" และตนได้โทรศัพท์พูดคุยกัน ลูกเล่าเหตุการณ์เบื้องต้นให้ฟัง ตนรู้สึกตกใจมากและยังไม่สามารถนำลูกมาอยู่กับตนได้ ในวันที่ 18 ก.พ. 64 ตนจึงได้โทรพูดคุยกับลูกสาวว่าในวันที่ 19 ก.พ.64 ให้นั่งรถแท็กซี่หนีออกมาจากบ้านหลังนั้น โดยห้ามบอกพ่อ จากนั้น วันที่ 19 ก.พ.64 ลูกสาวนั่งแท็กซี่ออกจากบ้านของนายปื๊ด เวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อมาหาตน
ทั้งนี้ ลูกสาวได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่าปีพ.ศ.2556 พ่อเริ่มต้นลวนลามตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ช่วงปิดเทอม ปกติตนมักจะเลิกงานกลับบ้านดึก บางครั้งก็ไม่กลับมานอนที่ห้อง พ่อก็เปิดหนังโป๊ให้ดูบ่อยครั้ง พยายามสอนว่าเป็นเรื่องปกติ และเริ่มมีการลวนลามลูกคลำแตะเนื้อต้องตัว และช่วยตัวเองให้ลูกสาวดู โดยปกติภายในห้อง นายปื๊ดจะนอนบนเตียงกับลูกสาว และตนนอนที่พื้นห้อง ต่อมาเมื่อหลังจากที่เลิกรากันเด็ดขาดเมื่อปี 2558 ลูกสาวอายุเพียง 11 ขวบ จะต้องอยู่กับพ่อตามลำพัง
ในช่วงปิดเทอม นายปื๊ดมักจะเปิดหนังโป๊ให้ลูกสาวดูบ่อยครั้ง และเอามือของลูกสาวช่วยทำให้สำเร็จความใคร่ และสอนว่าเป็นเรื่องปกติ โดยคิดว่าสิ่งที่ทำแบบนี้คือการสอนจากพ่อ และในทุกคืนก็มีการคลำแตะเนื้อต้องตัวเช่นเดิม จนกระทั่งปี 2559 ม.1 ปิดเทอม 1 ก็จะเปิดคลิปวิดีโอโป๊ให้ดูเหมือนเดิม โดยจะสอนพูดย้ำว่าไม่ให้ใส่เสื้อผ้านอน เวลาอยู่ในห้อง หรือถ้าใส่เสื้อผ้า ห้ามใส่เสื้อในและกางเกงใน จนเปิดเทอมก็ย้ายไปอยู่กับป้า และลูกสาวเริ่มรู้สึกว่าพฤติกรรมนายปื๊ดผิดปกติ หลังจากได้เรียนวิชาสุขศึกษาและก็ได้พยายามปฏิเสธมาโดยตลอด
จนกระทั่ง ม.1 ปิดเทอม 2 นายปื๊ดรับตัวลูกสาวไปอยู่ด้วย และก็ทำเรื่องเดิมที่เคยทำ นายปื๊ดนำถุงยางอนามัยสวมใส่ไว้ที่นิ้วกลางของนายปื๊ด และพยายามเอานิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของลูกสาว จับหน้าอก และจับอวัยวะเพศ อีกทั้งขอให้อาบน้ำด้วยกัน และลูกสาวได้พยายามปฏิเสธ นายปื๊ดก็จะเปลี่ยนมาทำพฤติกรรมเช่นนี้ในช่วงกลางคืนเวลาลูกสาวหลับในทุกครั้ง อีกทั้งเมื่อครั้งที่ไปบ้านปู่ ลูกสาวพยายามที่เลี่ยงจะนอนกับนายปื๊ด แต่นายปื๊ดก็ได้พูดจาเสียงแข็งว่าต้องนอนกับพ่อเท่านั้น และในช่วงดึกก็ได้มีการจับหน้าอกลูกสาวและจูบปากลูกสาว พยายามจะนำลิ้นสอดเข้าไปในปาก พร้อมจับอวัยวะเพศของลูกสาว และที่ลูกสาวไม่ขัดขืน เพราะนายปื๊ดขู่ว่าถ้าหากนำเรื่องราวนี้ไปบอกกับคนอื่นหรือหนีไปอยู่กับแม่ ขู่จะฆ่าให้ตาย
นอกจากนี้ เมื่อช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาปี 2563 ย้ายบ้านจากอะพาร์ตเมนต์ไปอยู่บ้านหลังใหม่กับแม่เลี้ยง โดยจะมีการแยกห้อง นายปื๊ดก็พยายามบอกอยู่บ่อยครั้งว่าอยู่บ้านให้สวมเสื้อกล้าม ไม่ต้องสวมเสื้อชั้นใน และพยายามนำโทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวิดีโอผ่านใต้ซอกแขน และพยายามถ่ายวิดีโอลูกสาวขณะกำลังอาบน้ำ เมื่อลูกสาวจับได้ บอกว่า "หนูเป็นลูกพ่อนะ" นายปื๊ดขอโทษและบอกว่าจะไม่ทำอีก ทั้งนี้ยังบอกลูกสาวห้ามล็อกประตูห้องในทุกคืน เพื่อที่จะเข้ามานอนกับลูกสาว และลวนลามจับหน้าอก จับอวัยวะเพศ และจับก้น โดยจะพยายามเข้ามานอนสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เมื่อลูกสาวปฏิเสธก็จะทะเลาะกันเสียงดัง
ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี บ้านของนายปี๊ด ผู้ถูกกล่าวหา โดยพบว่าบ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านสร้างใหม่ เป็นลักษณะบ้านทาวน์โฮม มีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลเข้ม พบว่ามีเพียงรถมอเตอร์ไซค์สีแดงจอดอยู่ภายในรั้วบ้าน ด้านนอกมีการล็อกกุญแจเอาไว้
เพื่อนข้างบ้าน ให้ข้อมูลว่าเป็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นใหม่จึงยังรู้จักกันไม่ทั่วถึง และไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อีกทั้งไม่ได้รู้จักพ่อของเด็กเป็นการส่วนตัว แต่ก็ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเคยมีเด็กผู้หญิงมาอาศัยอยู่ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นลูกสาวของเขา จึงไม่ได้มีใครสงสัย ในช่วงประมาณเกือบ 1 สัปดาห์ ยังไม่พบเห็นคนเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไม่รู้ว่าไปอาศัยอยู่ที่ไหน บ้านปิดเงียบ มีรถจอดทิ้งไว้เท่านั้น
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ร้านตัดผมในตลาดใจกลางเทศบาลตำบลลาดสวาย จ.ปทุมธานี นายปี๊ดเป็นเจ้าของร้าน โดยทีมข่าวสังเกตว่าภายในร้านมีเพียงพนักงานตัดผมซึ่งเป็นผู้ชาย 2 คน สอบถามพนักงานภายในร้านปฏิเสธให้ข้อมูล อ้างว่าเป็นเพียงแค่ลูกจ้าง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัวนายจ้าง แต่ช่วง 4-5 วัน ที่ผ่านมายังไม่เห็นนายจ้างเข้ามาดูแลที่ร้าน คงพักผ่อนอยู่ต่างจังหวัด
พ่อและแม่ของนายพิพัฒน์ เล่าว่า ตนพอทราบเรื่องอยู่ราวอยู่บ้าง แต่เชื่อได้ว่าลูกชายของตนไม่ได้กระทำตัวแบบนั้นแน่ ๆ เพราะปัจจุบันก็มีภรรยาใหม่ แต่อดีตภรรยาของนายพิพัฒน์ น่าจะอยากได้ตัวลูกสาวเอาไปเลี้ยงมากกว่า เพราะลูกชายของตนได้เลี้ยงลูกสาวจนเติบโต ส่วนแม่ก็หนีไปมีแฟนใหม่ อย่างไรก็ตาม พวกตนไม่เชื่อแน่นอนว่านายพิพัฒน์ จะกระทำแบบนี้กับลูกสาวของตัวเองได้
ด้านพ.ต.อ.วิษณุรักกษ์ พรหมเมศร์ ผกก.สภ.คูคต ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากเกิดเหตุทางด้านพนักงานสอบสวน ได้มีการสอบวิชาชีพเด็กและแม่เด็ก และได้ขอศาลจังหวัดธัญบุรี ออกหมายจับนายปี๊ด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็ก โดยแจ้งข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ที่เป็นผู้สืบสันดานอยู่สภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ มีโทษจำคุก 15 ปี ซึ่งทางผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธ ซึ่งนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรีแล้ว และทราบว่าทางศาลได้ให้ประกันตัว