จากกรณีนายอาทิตย์ บุญประเสริฐ ใช้อาวุธปืนยิง นางสุภนุช ภูมิสถาน เสียชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามหน้าบ้านพักของนางสุภนุช หลังจากไปง้อขอคืนดีไม่สำเร็จ ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเองดับ เหตุเกิดที่ หมู่ 11 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
วันที่ 11 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่สถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งครอบครัวของผู้ตายทั้ง 2 คน เดินทางมารอรับศพเพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ วัดหนองประชุม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
น.ส.แอนนา ประตำทอง ลูกสาวของนางสุภนุช ซึ่งยังอยู่ในอาการเสียใจ น้ำตาคลอตลอดเวลา เนื่องจากเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงกลางวันตนเองไปทำงาน กลับบ้านมาช่วงเย็น ตนเองกำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน ขณะนั้นมีเด็ก ๆ กับตายาย รวมราว 10 คน นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ช่วง 18.00 น. นายอาทิตย์ ผู้ก่อเหตุ เป็นสามีใหม่ของแม่ คบมาได้หลายปีแล้ว ขับรถเก๋งมาที่หน้าบ้าน เมือลงจากรถได้พูดกับคนที่หน้าบ้านว่ามาขอคุยกับแม่ตน ตอนนั้นแม่ตนนอนอยู่ที่เปลใต้ต้นมะขาม
นายอาทิตย์เข้ามาด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้ดูโมโห แม้แต่อาวุธปืนตนเองก็ไม่เห็น เมื่อนายอาทิตย์เดินไปคุยกับแม่ ตนเองก็นั่งมองอยู่ ทุกอย่างปกติ คุยกันเงียบ ๆ ไม่ได้มีการทะเลาะเสียงดัง จากนั้นไม่นาน ตนเองได้ยินเสียง 2 คนคุยกันดังขึ้น คาดว่าคงมีการง้อแม่ตน คล้ายมาขอโอกาส แต่ไม่ได้ตามที่ตั้งใจ ประกอบกับแม่ตนมีการท้าทายทำนองว่า "ทำเลย ๆ" ไม่นานเสียงปืนก็ดังขึ้น 2 นัด แม่ตนก็ล้มลงจากเปลลงที่พื้น
ที่ผ่านมาทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอด เพิ่งแยกทางกันได้ราว 1 เดือนเศษ เป็นการแยกกันอยู่ คล้ายห่างกันแต่ยังไม่เลิก เนื่องจากมีปัญหาครอบครัว ซึ่งตนไม่ทราบว่าเรื่องอะไร แต่เท่าที่รู้เป็นเรื่องทั่วไปตามประสาสามีภรรยา ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ แม่ก็ไม่เคยบอกว่าที่แยกทางกันเพราะอะไร และศพทั้งคู่ตนเองจะตั้งอยู่ด้วยกัน เนื่องจากทั้งคู่เกิดมาคู่กัน จากไปก็ไปด้วยกัน
นางกาญจนา บุญประเสริฐ น้องสาวของนายอาทิตย์ เปิดเผยทั้งน้ำตา ระบุว่า หลังจากพี่ชายแยกทางกับพี่สะใภ้ ก็มาอยู่ที่บ้านซึ่งห่างกันราว 1 กม. ตนเองได้เจอพี่ชายช่วง 21.00 น. ก่อนวันเกิดเหตุก็ยังปกติ พี่ชายไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง ไม่เคยบอกถึงปัญหา อยู่บ้านก็ร่าเริง ตนเองรู้ว่าพี่ขายรักพี่สะใภ้มาก ตนเจอพี่ชายล่าสุดคือ 16.00 น. ของวานนี้ ก่อนออกจากบ้านไป ตนเองมารู้เรื่องว่าพี่ชายไปยิงพี่สะใภ้หลังจากมีคนโทรมาแจ้ง ตอนนั้นก็ตกใจ เพราะรู้ว่าพี่ชายรักนางสุภนุชมาก ไม่เคยรู้ว่าพี่ชายมีปืนมาก่อน
สาเหตุที่พี่ชายไปยิง ตนเองไม่ทราบ เพราะตลอดที่คบหากันก็ไม่เคยทะเลาะถึงขั้นตบตี ทำร้ายร่างกาย แต่เชื่อว่าที่พี่ชายทำไปก็เพราะเครียด ส่วนเรื่องศพจะตั้งทั้งคู่ไว้ที่วัดเดียวกัน เนื่องจากครอบครัวคุยกันว่าทั้งคู่เกิดมาคู่กันก็จะให้ไปพร้อมกัน ครอบครัวยอมรับว่าเสียใจมาก ไม่รู้จะพูดอะไร อยากบอกว่าพี่ชายไม่น่ากระทำเช่นนี้ ก่อนจะลงมือก่อเหตุ นายอาทิตย์ได้โทรศัพท์หาพี่ชายอีกคนที่อยู่ต่างจังหวัด ไปพูดสั่งเสียเป็นลางทำนองว่า "ฝากลูกสาวด้วยนะ "ซึ่งเป็นลูกสาวกับภรรยาเก่า จากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อกับอาทิตย์อีก จนมาเกิดเหตุขึ้น
หลังรอศพผู้ตายชันสูตรแล้วเสร็จ ครอบครัวได้ออกมารอรับศพที่ด้านหลังนิติเวช เมื่อศพถูกเคลื่อนออกมาคู่กัน น.ส.แอนนา และนางกาญจนา ได้ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เจ้าหน้าที่มีการนำธูป 1 ดอกจุดไหว้บอกดวงวิญญาณ ระบุว่า ไม่ต้องห่วงใครนะ ขอให้หลับให้สบาย กลับบ้านเรานะ ที่บ้านรออยู่
นางแอนนา ได้จับมือผู้เป็นแม่แน่นลักษณะร้องไห้แบบจุกอก ช่วงหนึ่งเจ้าหน้าที่นำธูป 1 ดอก ให้บอกกล่าวผู้ตาย ระบุว่า แม่ไม่ต้องห่วงหนู ไม่ต้องห่วงใครนะ หลับให้สบาย หนูอยู่ด้วย หลังจากนั้นญาติได้นำศพของทั้งคู่ขึ้นรถกู้ภัยคันเดียวกัน เดินทางไปที่วัดหนองประชุม จ.กาญจนบุรี เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
ทีมข่าวมาที่วัดหนองประชุม มีการตั้งศพของผู้ตายทั้ง 2 คนไว้ข้างกัน นางสุนีย์ นาคกายสิทธิ์ แม่ของนางสุภนุช เปิดเผยว่า ตนเองอยู่ที่บ้านขณะที่มีเหตุเกิด นายอาทิตย์เข้ามาที่บ้านตน 4 ครั้งก่อนจะมาก่อเหตุ ครั้งเกิดเหตุคือรอบที่ 4 โดย 2 สามีภรรยาปกติไม่เคยทะเลาะกันให้ที่บ้าน เห็น 3 รอบก่อนเกิดเหตุนายอาทิตย์ก็เข้ามาปกติ และไม่ได้มีท่าทีอะไรแปลก จากนั้นก็พาลูกสาวตนไปคุยนอกบ้าน ตนไม่ทราบว่าคุยอะไรกัน แต่มีบางรอบที่ลูกเขยพูดกับตนว่า "ขอโทษนะแม่" ตนยังถามกลับว่า "ขอโทษอะไร ทำอะไรผิด" ลูกเขยยังพูดต่ออีกว่า "มันให้อภัยกันไม่ได้เลยใช่ไหม" จากนั้นก็แยกย้ายไป จนกระทั่งรอบสุดท้าย ลูกเขยขับรถมาและสอบถามหาเมีย ตนเองก็บอกว่าให้หาเอา ซึ่งตนนั่งกินข้าวอยู่กับหลานไม่ได้ยินเสียงว่าลูกเขยคุยอะไรกับลูกสาว แต่ไม่นานก็มีเสียงปืน ลูกสาวล้มตัวนอนกับพื้น ก่อนลูกเขยจะยิงตัวเองตายตาม
ตนยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงว่ามีการสั่งอะไรที่ลูกสาวนั่งคุกเข่า เพราะสามีตนเข้าไปดูร่างลูกสาว และประคองขึ้นมาก่อนจะสิ้นใจ จึงปล่อยลูกสาวอยู่ในท่าคุกเข่าหัวปักพื้น ที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไร ทะเลาะอะไร ตนถามลูกสาว ลูกสาวก็ไม่เคยบอก จะบอกแค่ว่าไม่มีอะไร ลูกสาวเป็นคนใจแข็ง เก็บทุกอย่าง ก่อนจะเกิดเหตุยอมรับว่าเห็นลูกสาวหน้าตาเครียด และดูดำคล้ำแต่ตนไม่ได้ถามอะไร ตนเสียใจกับการสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องขึ้น ตนไม่โกรธลูกเขย เพราะตอนยังมีชีวิตก็เป็นลูกเขยที่ดี น่ารัก ไม่เคยสร้างปัญหา ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ครอบครัวไม่คาใจ ไม่ต้องการหาสาเหตุ เพราะลูกตนก็จากไปแล้ว ตนเองได้แต่ขอบคุณพระเจ้า และให้อภัย เพียงแต่เสียใจที่ลูกเขยทำแบบนี้ ตนอยากให้ลูกอยู่แบบมีชีวิต ดีกว่าตายจากไป
นางทองมาท เพ็งกลัด น้าของนางอาทิตย์ และนางปราณี เพ็งกลัด แม่ของนายอาทิตย์ ยังอยู่ในอาการเสียใจ บางช่วงกอดกันร้องไห้ ทั้งคู่เปิดเผยว่า ก่อนจะเกิดเหตุ ตนไม่ได้เจอลูกชายเลย เพราะตนออกไปทำงาน ลูกไม่ได้สั่งเสียอะไรกับตน มีเพียง 2 วันก่อนเกิดเหตุ บอกตนว่าเขาไปทำแหวนทองให้กับลูกสาว ขอให้ตนไปเอาให้ด้วย
ส่วนนางทองมาท ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอาทิตย์มาหาตนที่บ้านทั้งวัน หลังจากเขากลับมาจากที่ทำงานใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยมานั่งที่บ้าน มากินข้าว นายอาทิตย์ยังไปซื้อเบียร์มาดื่ม 1 ขวด และมีช่วงหนึ่งพูดว่า "มันไม่ตายคนเดียวหรอก" ตอนนั้นตนเองก็พยายามปลอบว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ผู้ตายไม่ได้พูดอะไร ส่วนตัวไม่รู้ผู้ตายจะออกไปง้อภรรยา รู้ว่าเขามีปัญหากับภรรยา เพราะผู้ตายเป็นคนร่าเริง ขี้เล่น ไม่เคยทำร้ายเมีย ก่อนจะออกจากบ้านนายอาทิตย์พูดทิ้งท้ายทำนองว่า "เหรียญในกระปุกให้เอาไว้หว่านทาน" ซึ่งตามความเชื่อคือการซื้อทางให้คนตาย ตนยังพูดว่าอย่าพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าหลังจากออกจากบ้านไป เขาจะไปก่อเหตุ
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่านายอาทิตย์เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องทำ เพราะมีการโพสต์เฟซบุ๊กว่า "วันนี้วันดีที่สุดของชีวิต" และ "วันนี้เป็นวันที่ผมตั้งใจมาทำ" และมีการไปสั่งเสียพี่ชายให้ดูแลลูก ก่อนจะมาเกิดเหตุ
นอกจากนี้ 21 ก.พ.64 นายอาทิตย์ยังเคยโพสต์ว่า "ถ้าชีวิตผมดับไม่ขอดอกไม้จัน ขอเป็นกุหลาบสีขาวนะเพือ่นๆ"