กรณีนางไพมณี พลราชม อายุ 57 ปี อาชีพค้าขายในเขตเทศบาลนครสกลนคร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ว่าถูกหวยลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เลขรางวัล 835538 ประจำงวดวันที่ 1 มี.ค.64 แต่ลอตเตอรี่อยู่กับนางรัตนา ภูละคร คนขายจากการจองไว้เพราะยังไม่ได้จ่ายเงิน ภายหลังแม่ค้ากลับบอกว่าขายหวยใบดังกล่าวให้คนอื่นไปแล้ว ตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น
วันที่ 13 มี.ค. 64 แรม 15 ค่ำ เดือน 4 เป็นวันที่นางไพมณี พลราชม ท้านางรัตนา ภูละคร เพื่อสาบานกรณีหวย 12 ล้านที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จ.สกลนคร เวลา 07.00 น. นางรัตนาแต่งหน้าทำผม แต่งกายด้วยชุดไทยสีขาว มีสไบปะบ่าสีขาว เกล้าผมยกสูง มีดอกจำปาปักที่ศีรษะ ก่อนออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปร่วมพิธีสาบาน ได้จุดธูป 9 ดอก พร้อมเตรียมจานดอกไม้ มาไหว้เจ้าที่ที่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมกล่าวว่า "ขอให้วันนี้ตนประสบความสำเร็จ ให้ทุกสิ่งอย่างปรากฏ ให้คนที่เอาลอตเตอรี่ไป เอาลอตเตอรี่มาคืน เรื่องจะได้จบโดยเร็ว"
ด้านนางไพมณี ผู้ที่อ้างว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 ได้แต่งกายด้วยชุดนางรำภูไท สีคราม สไบสีแดง เกล้าผมยกสูง ทัดดอกจำปาที่ศีรษะ โดยก่อนออกจากบ้านมีการตักบาตรพระสงฆ์ตอนเช้า ตามปกติที่ทำเป็นประจำ
เวลา 08.30 น. นางรัตนา ภูละคร แม่ค้าขายลอตเตอรี่ เดินทางมาถึงที่วัดพระธาตุเชิงชุมอวรวิหาร เพื่อรอพิธีสาบาน นางรัตนาแต่งกายด้วยชุดสีขาวแสดงถึงความบริสุทธิ์ และมีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน กระทงบางศรี เพื่อมากราบไหว้หลวงพ่อพระองค์แสน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน ประดิษฐานภายในพระวิหารวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร
ส่วนทางด้านนางไพมณี พลราชม ผู้ที่อ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 ได้แต่งกายด้วยชุดนางรำภูไทย และเป็นชุดที่สวมใส่ในวันที่ 24 ก.พ. 64 วันที่อ้างว่าซื้อลอตเตอรี่ เดินทางมาถึงที่วัดเวลาประมาณ 08.50 น. ถือจานดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปกราบไหว้พญาสุวรรณนาคราช ที่อยู่บริเวณด้านหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม
เวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายได้ประชันหน้ากันก่อนจะเข้าไปในวิหาร เพื่อทำพิธีสาบาน นางไพมณีได้เรียกนางรัตนาบอกว่า "เข้าไปพร้อมกันก็ได้ มาสิ มาเดินด้วยกัน" ด้านนางรัตนาได้เดินเข้ามาหานางไพมณี บอกว่า "พึ่งเจอกันครั้งแรก หลังจากเป็นข่าว เราไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะไม่สนิทกัน และพร้อมที่จะสาบานยืนยันความบริสุทธิ์"
โดยมีผู้ชายคนหนึ่ง สวมเสื้อสีขาวเป็นตัวแทนวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ได้เดินเข้ามาพูดคุยกับทั้งคู่ เพื่อทำความเข้าใจกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยตัวแทนกล่าวว่า "การสาบานวันนี้ สามารถทำได้ที่วัดพระธาตุเชิงชุม แต่ห้ามมีการสาปแช่งซึ่งกันและกัน ให้ไหว้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และพูดเสียงดัง ๆ ว่าถ้าสมปรารถนาแล้ว จะเอาดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย"
ต่อมาเวลา 09.05 น. พิธีสาบานได้เริ่มขึ้น นางไพมณี และนางรัตนา ได้นั่งทำพิธีสาบานอยู่ติดกัน นางไพมณีก่อนจะทำการสาบาน ได้แซวนางรัตนาว่า "เป็นอะไร มานั่งใกล้ ๆ กันก็ได้"
จากนั้นนางไพมณีเป็นฝ่ายทำพิธีเป็นคนแรก ทำการยกจานดอกไม้ขึ้นมาพนมมือระหว่างอก พร้อมกล่าวคำแสดงความบริสุทธิ์ว่า "สาธุ สาธุ ข้าพเจ้านางไพมณี พลราชม มาเพื่อหาลอตเตอรี่ว่าอยู่ที่ไหน ลอตเตอรี่ดังกล่าวจะถูกรางวัลที่ 1 หรือไม่ถูกรางวัล ก็ขอให้มาปรากฏ ถ้าไม่ถูกรางวัลข้าพเจ้าจะได้ยอมรับความเป็นจริง แต่ถ้าถูกรางวัลก็สามารถพูดคุยกันได้ ตนเป็นคนไทย เป็นคนศาสนาพุทธ เป็นพี่น้องกันกับรัตนา ถึงไม่ได้สนิทกันแต่ก็เจอกันอยู่บ้าง จึงไม่อยากจะผิดใจกัน ไม่อยากให้เครียดแค้นกัน ไม่เคยคิดอาฆาตว่าต้องให้ตายภายใน 5 วัน 7 วัน ตั้งแต่เกิดเรื่องมา ตนไม่เคยคิดแบบนั้นเลย มีแต่อยากถามรัตนาว่าลอตเตอรี่ไปไหน เรามาช่วยกันหาไหม ถ้าขายไปแล้ว ขายให้ใคร
ถ้าตนคิดนอกเหนือจากนี้ไป ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน และรู้ซึ่งว่าสิ่งที่พูดออกมาทุกอย่างเป็นความจริง ตนกับรัตนายังเป็นเพื่อนกันได้เสมอ ไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับคำตนไปพิจารณา และขอให้เจอลอตเตอรี่ด้วยเทอญ สาธุ"
ทางด้านนางรัตนา แม่ค้าขายลอตเตอรี่ เตรียมคำสาบานที่ร่างใส่กระดาษแต่ไม่ได้กล่าวคำสาบานตามกระดาษ กล่าว่า "สาธุ วันนี้ลูกได้มาแก้คำกล่าวหา ที่มีคนกล่าวหาว่าลูกยักยอกลอตเตอรี่ไว้กับตัวเอง ลูกจึงมาแสดงความบริสุทธิใจว่าไม่ได้เก็บลอตเตอรี่ไว้ หรือเอาไว้ที่ญาติพี่น้อง และไม่รู้ว่าลอตเตอรี่ดังกล่าวนั้นเป็นตัวเลขอะไร เขาสั่งจองโดยตกลงกับตนว่าจะมารับในวันที่ 25 ก.พ. แล้วเขาก็ไม่มารับ ฉันก็รอเขาอยู่ เราจึงจำเป็นจะต้องขายสลากต่อไป เพื่อเราจะได้เอาเงินมาซื้อสลากรอบใหม่
และอีกอย่างหนึ่งเวลาให้ลูกค้าเขียนชื่อ ตนไม่เคยให้เขียนด้านหลัง เคยให้เขียนแต่ด้านหน้าลอตเตอรี่ ตนจึงจำไม่ได้ จึงได้ขายออกไป ตนยื่นปากกาให้เขาจริง แต่ไม่รู้ว่าเขาเขียนตรงไหน ตนจึงไม่ได้ดู เพราะวันนั้นบรรยากาศค่อนข้างมืด และเสียงเพลงก็ดัง ตนไม่มีเบอร์ของไพมณี ไพมณีไม่ได้เป็นลูกค้าประจำ ไม่รู้จักบ้านกันด้วย ที่ตนพูดมามีแต่คำสัจจริงทั้งหมด ขอแสงสว่างและขอพรให้เจอลอตเตอรี่ดังกล่าวโดยเร็ว ตนไม่ได้อาฆาตมาดร้าย แต่เสียหายมาก ตนถึงมาพูดความจริง ให้ความจริงปรากฏ
สีหน้าของนางรัตนา ขณะที่นางไพมณีทำพิธีกล่าวสัจ รัตนาจะใช้หางตาชำเรืองมองไพมณีเป็นระยะ และรัตนามีสีหน้าที่ปกติ ดูไม่เป็นกังวล ส่วนนางไพมณีขณะรัตนากล่าวสัจวาจา ช่วงท้ายจ้องหน้านางรัตนาไม่หยุด พร้อมกับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด
หลังกล่าวต่อหน้าองค์พระประธานเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยกัน นางไพมณี กล่าวว่า วันนี้ทุกคนอย่าคิดว่าเป็นการมาสาบาน แต่เป็นการที่ทั้ง 2 ฝ่ายมายืนยันความจริง มาหาลอตเตอรี่ด้วยกัน ที่รัตนามาแสดงความบริสุทธิวันนี้ตนก็โอเค ตนก็เคยบอกว่าเรามาช่วยกันหาลอตเตอรี่ไหม และให้รัตนาพยายามทวนความจำว่าขายให้ใครไป ถ้าหากเจอลอตเตอรี่ดังกล่าว ตนก็ยินดีถอนแจ้งความ ถ้าไม่เจอตนก็ต้องหาความจริงต่อไป เพราะตนก็อยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองเหมือนกันว่าตนไม่ได้สร้างเรื่อง ตอนแรกตนตั้งใจจะมาสาบานวันนี้ แต่เมื่อรัตนาเขาแสดงความบริสุทธิ์ใจในสิ่งที่เขามาวันนี้ ตนจึงไม่อยากให้มีการสาปแช่งกัน ตนยืนยันว่าวันนี้เป็นการมาไหว้พระเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านนางรัตนา แม่ค้าขายลอตเตอรี่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นางไพมณีได้ท้าให้ตนมาสาบาน ตนก็พร้อมที่จะมาสาบาน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ที่เขากล่าวหาว่าตนเก็บลอตเตอรี่ไว้ ตอนนี้ตนอยากให้สังคมรู้ว่าที่เขากล่าวหาตนหรือไปแจ้งความก็ตาม ที่จริงเขาไม่ต้องแจ้งความก็ได้ มาพูดคุยกันภายนอกก่อนก็ได้ แต่ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ตอนนี้ทั้งโลกรับรู้ไปแล้วว่าตนเป็นคนอย่างไร ตนเกิดความเสียหาย แล้วคุณจะรับผิดชอบตรงนี้อย่างไร
นางไพมณี กล่าวต่อว่า ตนมั่นใจว่าตนถูกลอตเตอรี่ ถ้าน้องรัตนายังติดใจคำสาบาน ตนก็ยินดีถ้าหากจะมีการสาบานอีก ตนไม่มีปัญหา ที่รัตนาบอกว่าทำไมไม่คุยกันนอกรอบ ตนอยากให้ไปรัตนาไปดูดี ๆ ตนเคยคุยนอกรอบกับรัตนาแล้ว เคยคุยโทรศัพท์ด้วยกันครั้งเดียว วันที่ 25 ก.พ. ส่วนที่รัตนาบอกว่าเขาเสียหาย ตนก็ได้ดูผลกระทบเหมือนกัน ตนเสียหายมากกว่ารัตนา ตนถูกสังคมโจมตีว่าถูกลอตเตอรี่จริงไหม ว่าตนไปกล่าวหารัตนา โดยที่ตนไม่เคยกล่าวหาว่ารัตนายักยอกลอตเตอรี่ และตนอยากฝากถึงคนที่ซื้อ ให้เอาลอตเตอรี่มาคืน เรื่องจะได้จบ และกราบวอนไปถึงกองสลาก ให้มีการตรวจสอบได้แล้ว เรื่องจะได้ไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้ จากนั้น นางไพมณีพูดว่า "แค่นี้นะคะ ขอบคุณค่ะ" แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที
นางรัตนา กล่าวต่อว่า วันนี้ตนตั้งใจจะมาสาบาน แต่ก็ไม่ได้สาบาน เพราะคู่กรณีไม่สาบาน ที่ผ่านมาตนเสียหายมาก ตนต้องหยุดขายลอตเตอรี่ จากปกติที่จะขายได้วันละประมาณ 100 ใบ แต่ตอนนี้ตนไม่ได้ค้าขายเลย ที่เมื่อวานนี้ตำรวจไปค้นบ้านตน ก็ไม่เจอหลักฐานลอตเตอรี่ดังกล่าว แต่ก็เจอลอตเตอรี่ใบอื่น ๆ ประมาณ 40 ใบ ของงวดที่ผ่านมา ตอนตนยังไม่ได้เบาะแสลอตเตอรี่ชุดดังกล่าว ตนสอบถามกับยี่ปั๊วและเพื่อน ๆ ที่ตนไปรับลอตเตอรี่มาแล้ว ก็ไม่เจอรางวัลที่ 1 ตนอยากให้กองสลากตรวจสอบโดยเร็วด้วย
ทั้งนี้ ขอวอนสังคมอย่าประณามตน ตนพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถ้าลอตเตอรี่ดังกล่าวไม่ใช่รางวัลที่ 1 ตนขอคิดดูก่อนว่าตนจะดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำให้ตนเสียหายหรือไม่ ตนไม่ชอบสาบานหรือสาปแช่งใคร แต่เขาเป็นคนท้าตน ตนจึงมาตามคำท้า แต่พอมาถึงสถานที่เขากลับไม่สาบาน แถมยังมาเดินออกจากวงสัมภาษณ์ ตนก็รู้สึกว่าเขาไม่ยอมรับความจริง
ขณะที่นางไพมณี พลราชม ผู้ที่อ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 หลังจากเดินออกมาจากวงสัมภาษณ์ เปิดเผยกับอมรินทร์ทีวีว่า ที่ตนเดินออกมาจากวงสัมภาษณ์ เพราะตนรับไม่ได้ เหมือนเป็นการทะเลาะกันของทั้ง 2 ฝ่ายมากกว่า ไม่ใช่การพูดคุยกัน ตนไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้น อีกเหตุผลหนึ่งตนรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนรุมสกัมจากญาติของรัตนา ที่พูดเข้ามาแทรกอยู่ด้านหลังเป็นระยะ ๆ ตอนแรกวันนี้ตนก็คิดว่าจะมาสาบาน แต่พอมาถึงวัดมีตัวแทนวัดออกมาเจรจาว่าอย่าพูดในสิ่งไม่ดี หรือมีการสาปแช่งกัน เพราะวัดพระธาตุเชิงชุมเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ตนจึงไม่อยากสาบานไม่อยากให้มีการสาปแช่งกัน
วันนี้ ตนมีคำถามที่จะมาถามรัตนา 2 คำถามคือ 1. จริงไหมที่รัตนาบอกว่าขายลอตเตอรี่ไปแล้ว 2. จริงไหมที่รัตนาบอกว่าวันที่ 1 ถึง 4 มี.ค. 64 สลากชุดดังกล่าวไม่อยู่กับรัตนา หลังจากนี้ตนจะไม่มีการนัดคุยกันนอกรอบกับรัตนา ถ้าเขาจะท้าตนสาบานอีกตนก็พร้อมเสมอ สำหรับเมื่อคืนนี้ทางด้าน พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รองผบก.ภ.จว.สกลนคร ก็ได้สอบปากคำตนเองด้วยตนเอง เวลาสอบประมาณ 3 ชั่วโมง มีการสอบถามคำถามเดิมในเหตุการณ์ ตนก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะตนไม่รู้ความคืบหน้าคดี
เมื่อวานตนก็พอทราบที่ตำรวจค้นบ้านรัตนา แต่ยังไม่เจอรางวัลที่ 1 ในบ้าน ตนมองว่าถึงจะเจอรางวัลที่ 1 หรือไม่เจอก็ตาม คดีนี้จะคลี่คลายก็ต่อเมื่อมีลอตเตอรี่ชุดที่ตนเขียนลายมือมาแสดง วันนี้พยานฝั่งตนก็ไม่ได้มาร่วมพิธีกล่าวแสดงความบริสุทธิที่วัดพระธาตุเชิงชุมแม้แต่คนเดียว เพราะว่าต้องเดินทางไปให้ปากคำที่ สภ.เมืองสกลนคร
ด้านนางรัตนา ภูละคร เปิดเผยว่า ที่ฝั่งนั้นท้าตนมาสาบาน แต่เขาไม่ทำการสาบานนั้น ตนมองว่าเขาเป็นคนพูดไม่จริง พูดไม่เป็นคำพูด เขาท้าตนแล้วทำไมเขาไม่ทำ ทำให้ตนเสียความรู้สึกมาก ยอมรับว่าตอนที่ไพมณีเดินออกจากวงสัมภาษณ์ตนตกใจมาก วันนี้ถือว่าเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก ตนเองก็รู้สึกปกติ เพราะตนก็ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนมาพูดความจริง ที่ตนสวมชุดสีขาวมาวันนี้ เพราะเป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของตน ว่าตนไม่ได้เก็บลอตเตอรี่ไว้ ถึงตนจะร่างคำสาบานมา แต่ไม่ได้สาบาน ตนคิดว่าพระประธานท่านคงรับรู้แล้วว่าความจริงก็คือความจริง หลังจากนี้ถ้าไพมณีท้าตนสาบานอีกตนก็พร้อมไปเสมอ แต่ท้าแล้วต้องสาบานจริง ๆ ไม่ใช่พูดเล่นลอย ๆ มันเสียเวลาทำมาหากิน
สำหรับเรื่องคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ได้มีการเรียกตนไปสอบปากคำเพิ่มเติม กรณีที่เมื่อวานเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นมาค้นบ้านตน ไม่ได้รู้สึกเครียดหรือกังวล ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาค้นบ้านตนแต่แรกอยู่แล้ว เพราะตนขาวสะอาด สำหรับหลวงพ่อองค์พระแสน พระประธานที่วัดพระธาตุเชิงชุม ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ตนไม่อยากให้ใครมาพูดเล่น ๆ คาดว่าท่านคงรับรู้ในสิ่งที่ตนมาบอกกล่าววันนี้แล้ว
จากนั้น พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รองผบก.ภ.จว.สกลนคร ซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนวนคดีนี้ เดินทางมาไหว้พระที่วัดพระธาตุเชิงชุมพอดี ซึ่งทางด้านรองผู้การ ได้เจอกับรัตนาและพูดสั้น ๆ ว่า วันนี้ได้มาทำบุญกับครอบครัว ส่วนเรื่องคดีไม่หนักใจ ยืนยันคดีนี้ง่ายมาก
เวลา 13.00 น. นางไพมณี ได้พานางเพ็ญศรี ไพศาล และนางมุกดา วงศ์ธันยพร พยานทั้ง 2 ราย เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองสกลนคร ซึ่งมีการให้ปากคำทีละคน นางเพ็ญศรีให้ปากคำเป็นรายแรก นางมุกดาให้ปากคำเป็นรายที่ 2 โดยทั้ง 2 คน ให้ปากคำคนละ 1 ชั่วโมง 30 นาที
นางเพ็ญศรี ไพศาล พยานของนางไพมณี เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นครั้งแรก ตนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด ตำรวจถามอะไรก็ตอบตามความจริง สำหรับวันที่เกิดเหตุ ตนยืนยันว่าตนเห็นตอนนางไพมณีเซ็นชื่อหลังสลาก และเห็นตอนที่นางรัตนากับนางไพมณีซื้อขายสลากกัน แต่ตนไม่เห็นตัวเลขในสลาก
ส่วนที่ไพมณีพูดว่า "เลขแปลก ๆ กลับไปกลับมา ส่งสัยจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1" ประโยคนี้ตนยืนยันว่าได้ยินนางไพมณีพูดจริง ถ้าต้องให้ตนไปเป็นพยานให้ไพมณี ตนก็ยินดีเสมอ เพราะตนคือเพื่อนและคือคนที่เห็นเหตุการณ์ เชื่อว่านางไพมณีพูดจริง
นางมุกดา วงศ์ธันยพร พยานอีกราย บอกว่า ขณะให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็ได้ถามตนถึงเหตุการณ์วันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นตนนั่งด้านหลังไพมณี แต่ไม่เห็นตอนที่ไพมณีซื้อและเซ็นลายมือด้านหลังลอตเตอรี่ รวมถึงไม่เห็นตัวเลขในลอตเตอรี่อีกด้วย ไม่ได้ยินไพมณีทวนเลข 6 ตัว ซึ่งในวันนั้นตนได้ยินแค่ไพมณีพูดว่าขอยืมปากกา และพูดว่า "เลขมันแปลก ๆ อยากเสี่ยงโชค อยากเสี่ยงโชค" และตนยินดีเป็นพยานให้กับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ตนคิดว่ารางวัลที่ 1 น่าจะมีจริง แต่คิดว่านางรัตนาอาจขายให้ลูกค้าไปจริง และตนไม่คิดว่ารัตนาเก็บลอตเตอรี่ไว้เอง การให้ปากคำวันนี้ตนไม่เครียด ไม่กดดันแต่อย่างใด
ทีมข่าวได้คลิปวันเกิดเหตุ ในคลิปจะเห็นนางรัตนานั่งหันหลังอยู่ด้านขวาของคลิป ใกล้กับนางไพมณี ส่วนนางมุกดานั่งแถวหลังสุด