วันที่ 13 มี.ค. 64 เกิดเหตุเผานั่งยางหญิงสาวภายในพื้นที่ป่าข้างทาง ทางเข้าซอยวิเชียร พื้นที่ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้เสียชีวิตคือน.ส.ธัญญ์นิศา วิชนันท์คุณนิธิ หรือ ฝน
ชาวบ้านเรียกว่าสะพานสูง มุ่งหน้าขาออกไปกรุงเทพฯ หรือ จ.ปทุมธานี จากการตรวจสอบพบว่ามียางรถยนต์ ซึ่งเป็นรอยไหม้เกรียมสีดำ พร้อมกับเศษเนื้อศพ ซึ่งเหลืออยู่นิดเดียว พบเป็นแขนและมือที่กำอยู่ 2 ข้าง หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภวังน้อย และพิสูจน์หลักฐานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการชันสูตรและเก็บศพส่งโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจหาผู้ที่เสียชีวิตถูกนั่งยาง คาดว่าเป็นผู้หญิงเนื่องจากบริเวณมือทั้งสองข้างนั้น ลักษณะกำมือและเป็นนิ้วที่เล็ก
ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ บอกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00-22.00 น. ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนที่ขับรถผ่าน เห็นรถลักษณะคล้ายกระบะเจ้าหน้าที่ตำรวจ และลักษณะเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจจอดอยู่บริเวณเชิงสะพานสูง หลังจากนั้นมาช่วงบ่าย จึงทราบว่าบริเวณที่ดังกล่าวเป็นการเผานั่งยาง
ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ ห่างจากถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุคือซอยวิเชียร ต.ลำไทร อ.วังน้อย เข้ามาจากปากซอยราว 350 เมตร จุดเผาห่างจากถนนซอยราว 50 เมตร พบเถ้าสีดำ พร้อมเหล็กของยางเส้นอยู่จำนวนหนึ่ง
นายจ็อบ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ คนเห็นเบาะแส เปิดเผยว่า เหตุการณ์ก่อนจะพบศพ ตนเองใช้รถผ่านเส้นทางนี้ทุกวัน เช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตนเองขับรถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้านช่วงเที่ยงคืน ตอนนั้นยังไม่พบอะไร
แต่ช่วงที่ตนออกจากบ้านเพื่อกลับไปทำงานช่วง 00.30 น. ตนเองเห็นรถกระบะจอดอยู่ริมถนน ใกล้จุดพบศพ 1 คันเป็นกระบะสีแดงเลือดนก ยี่ห้อฟอร์ด 4 ประตู ด้านบนหลังคามีไฟไซเลน แต่ไม่ใช่รถตำรวจ จอดหันหน้าไปปากซอย ท้ายรถมีเขียนว่าสายตรวจชุมชน ตนจำทะเบียนไม่ได้
โดยตนเองผู้ชายลงมาจากรถ 2 คน คนแรกที่ลงมาเป็นฝั่งคนนั่งข้าง และคนขับลงตามมา ไม่แน่ใจว่าทำอะไร ตนเองขับผ่านไปทำงานปกติ ต่อมาพี่ชายตนขับรถตามไป ตนจึงถามพี่ชายทราบว่ายังเจอกลุ่มรถต้องสงสัยอยู่ที่เกิดเหตุ
เข้าวันพฤหัสบดี 05.00 น. พี่ชายก็มาเล่าว่ายังพบกลุ่มคนต้องสงสัยอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ และไม่ทราบว่าเผาอะไรกัน ตนเองกลับมาเข้าบ้านช่วง 08.00 น. ไม่พบแล้วว่ามีกลุ่มคนอยู่ ส่วนตัวตอนนั้นคุยกับพี่ขายยังแปลกใจว่าทำไมรถคันนี้จอดอยู่นาน ยังสงสัยว่ามาเผาอะไรถึงต้องอยู่นานขนาดนี้ แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะจุดนี้มีการนำขยะมาเผาประจำ ส่วนตัวมั่นใจว่าการเผาดังกล่าวน่าจะเป็นการเผาศพผู้ตาย เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นก่อนพบศพ
ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่บ้าน น.ส.ธัญญ์นิศา วิชนันท์คุณนิธิ หรือ ฝน ผู้เสียชีวิต พบว่าบ้านปิดเงียบ นางอ้อม (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองอยู่บ้านนี้ไม่นาน แต่สนิทกับแม่ของฝน ตนเองเห็นฝนครั้งล่าสุดช่วงตนเดือน มี.ค.64 ทราบว่ากลับมาที่บ้าน โดยไม่แน่ใจว่ามากับใคร แต่ปกติฝนไม่ได้พักที่นี่ประจำ นาน ๆ จะมาครั้ง
ส่วนแม่ของฝนปัจจุบันไปอยู่ที่กรุงเทพฯ จะกลับมาบ้านก็นาน ๆ ครั้ง โดยล่าสุดตนได้คุยกับแม่ของฝนเมื่อวานนี้ช่วงเย็น แม่ของฝนบอกว่าลูกสาวหายไป ติดต่อไม่ได้ หายไปจะครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ขอให้ตนดูฝนให้หน่อยว่ากลับมาบ้านหรือไม่ ส่วนตัวก็ดูให้แต่ไม่พบว่าฝนกลับมา แม่ของฝนก็บอกว่าจะได้แจ้งความที่สถานีตำรวจ เนื่องจากห่วงลูกสาวมาก
ส่วนตัวไม่เคยคุยกับฝน เคยเห็นหน้ากันเท่านั้น ปกติฝนเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยคุย เวลามาบ้านก็เข้าบ้านทันที ส่วนรถคันที่ติดไซเรน สีแดง ตนไม่เคยเห็น และไม่ทราบว่าแฟนฝนเป็นตำรวจหรือไม่
ตรวจสอบบนเฟซบุ๊กของผู้เสียชีวิต พบว่า 1 มี.ค. 64 ลงภาพทานก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน วันที่ 2 มี.ค. 64 ขายสินค้าเครื่องดื่ม และลงภาพครอบครัว วันที่ 3 มี.ค. ลงภาพเล่นสเก็ต วันที่ 4 มี.ค. 64 ลงภาพไปทำบุญกับครอบครัว ล่าสุดวันที่ 9 มี.ค. 64 เป็นโพสต์สุดท้ายก่อนจะพบว่าเสียชีวิต
น.ส.สุฑามาศ เฉยนก เพื่อนรุ่นน้องของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองไปเที่ยวกับคนตายมา และกลับมาบ้านพักตำรวจช่วง 03.00 น. ของเช้าวันที่ 11 มี.ค.64 ใน สภ.พระนครศรีอยุธยา ตอนนั้นก็แยกกันนอน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 11 มี.ค. พี่สาวเงียบไม่ตื่น ตนจึงพยายามติดต่อแต่ติดต่อไม่ได้ จึงพังประตูเข้าไป พบว่าพี่สาวไม่อยู่ แต่มีผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยน มีกระเป๋า รองเท้า ทรัพย์สินคนตายอยู่ จึงเกิดแปลกใจ พยายามโทรหา ตามหาแต่ไม่พบ
จนกระทั่งตนมารู้ภายหลังพี่สาวน่าจะหายไป คิดว่าเป็นนายปิยะ นาโควงษ์ เป็นแฟนพี่สาว ซึ่งทำงานกับสืบ สภ.พระนครศรีอยุธยา ที่สงสัยแฟนพี่สาวคนแรก เพราะปกติเขาจะโทรหาคนตาย แต่วันนั้นไม่โทร ตนจึงพยายามติดต่อ แต่คนร้ายก็ปกติ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวรู้ว่าพี่สาวจะถูกทำร้ายบ่อย จนเคยแจ้งความ และพยายามขอเลิกลา แต่คนก่อเหตุไม่ยอม
นางภาวิณีย์ สุภศรี แม่ผู้ตาย และน.ส.ขนิษฐา เคร่งครัด ลูกพี่ลูกน้องคนตาย เดินทางมาเพื่อตรวจดีเอ็นเอ เปิดใจว่า สำหรับผู้ตายคบกับคนร้ายมา 2 ปี ขอเลิกกันราว 1 เดือน แต่ยังอาศัยอยู่ในบ้านพักตำรวจ ตนเองค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นนายปิยะเป็นคนก่อเหตุ
ที่ผ่านมาเคยทราบว่าลูกสาวถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง จนกระทั่งถึงขั้นแจ้งความที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ตนเองเคยคุยกับนายปิยะ เคยบอกว่าอย่าทะเลาะกัน แต่ก็ไม่นึกว่าลูกสาวจะถูกกระทำเช่นนี้
โดยลูกสาวหายไปช่วงวันที่ 11 มี.ค. ตนเองพยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ แต่ที่น่าสงสัยคือนายปิยะไม่ยอมมาแจ้งความคนหาย ตนเองจึงต้องเดินทางมาแจ้งความเอง โดยวานนี้ตำรวจต้องเรียนนายปิยะพาไปดูห้องพัก เพราะนายปิยะไม่ยอมมา จนกระทั่งตำรวจสืบทราบ นายปิยะรับสารภาพว่าก่อเหตุฆ่าลูกสาวตน
เท่าที่ทราบจากตำรวจ นายปิยะเป็นคนพาไปชี้จุดเผาเอง จึงมั่นใจว่าเป็นคนก่อเหตุ ตอนนี้ครอบครัวสงสัยว่ารักกัน ทำไมถึงก่อเหตุฆ่ากันเช่นนี้ ส่วนปมที่ทะเลาะคาดว่าเป็นเรื่องหึงหวง ยืนยันฝ่ายหญิงไม่เคยมีคนอื่น แต่ที่จะขอเลิก เพราะถูกทำร้ายจนมีภาพเชียวช้ำตามร่างกาย และคาดว่าก่อเกตุด้วยการใช้หมอนอุดปากให้สิ้นลม ก่อนจะเผาอำพรางศพ