ปั๊บ เตย อยู่ก่อนแต่ง เรียนรู้การใช้ชีวิต แต่กลับทะเลาะกันเรื่องติดเกม

15 มี.ค. 64

เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่หวานไม่มีแผ่ว สำหรับ ปั๊บ พัฒน์ชัย หรือ ปั๊บ โปเตโต้ และ ใบเตย สุวพิชญ์ ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เปิดใจเล่าเรื่องราวความรักของตัวเอง ก่อนจะได้มาเจอกัน และนำบทเรียนของความรักทุกครั้งที่ ปั๊บ เตย ได้เจอ นำมาปรับใช้ในรักครั้งนี้ นอกจากนั้น เตย ยังได้เปิดใจพูดทั้งน้ำตาต่อหน้า ปั้บ เคยคิดว่าตัวเองดีไม่พอที่จะยืนอยู่ข้างๆและเปิดท้ายด้วยเพลงเพราะที่ ปั้บ ร้องได้ซึ้ง ทำให้อินกันทั้งรายการกับเพลง ยังมีฉัน

s__70172886 

ถาม เตยรู้ไหมว่าเขาไม่ใช่พี่ปั๊บคนเดิมที่เคยคุยด้วย แต่วันนี้เขาเริ่มมีพลังงานบางอย่าง

ปั๊บ : ใช่ครับ ผมก็ได้จัดการตัวเองในแบบที่ผมแฮปปี้ในระดับหนึ่ง ได้เคลียร์เรื่องเก่าๆ ถึงมันจะไม่ใช่ ถึงมันจะคุยก็ไม่ได้เกี่ยวแล้ว ตัวเราเองก็จะเดินหน้าต่อ

เตย : ถามว่ารู้ไหมว่าเขาไม่ใช่พี่ปั๊บคนเดิม รู้ค่ะ หนูรู้อยู่แล้ว เอาจริงๆ หนูกับพี่ปั๊บค่อนข้างคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เขาจะไม่ได้เป็นผู้ชายที่หยอดนะ เขาจะไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เวลาที่เราคุยกัน เขาจะเป็นคนที่ Deep talk นิด เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่าพี่เขาน่าจะมีความตั้งใจที่จะอยากคุยกับเราจริงๆ

ปั้บ : ไม่ได้คุยในเชิงที่ว่ากินข้าวกันไหม ไปกินขนมกัน เราไม่ได้คุยกันแบบนั้น แต่เราคุยกันแบบว่าชีวิตเป็นยังไง ความคิดเป็นอย่างไร ทัศนคติเป็นยังไง อันนี้พูดแบบเป็นภาพรวมนะครับ


ถาม บังเอิญเราเป็นคนที่อยู่ในสปอตไลท์ มีคนนั่งนับไทม์ไลน์ ก็ต้องยอมรับตอนนั้นก็มีกระแสอะไรมากมายเกิดขึ้น

ปั้บ : ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจจริงๆ แล้วก็นั่งคุยกับเตย บอกว่าเราต้องอยู่กับความจริงนะ ก้อนหินยังโดนว่าเลย แล้วเราเป็นใคร บางทีเรามีบางอย่างที่มันอธิบายเป็นคำพูด มันก็จะดูเป็นการแก้ตัว สุดท้ายเราอยู่กับความจริงนี่แหละ เราก็จริงใจ เราเป็นแบบนี้ จะให้เราทำยังไง (ตอนนั้นเจอคอมเมนต์อะไรเยอะไหม) เยอะมากเลยครับ เขาก็เข้ามาคอมเมนต์ในหน้าส่วนตัวของเขาเอง แต่เขาไม่ได้เข้ามาในพื้นที่เรา เราก็จะรู้อยู่แล้ว เราก็บอกครอบครัวว่ามันคือความจริง เรากลัววคนอื่นว่าเรา แต่ในความจริงเราต้องรักกัน เพราะสุดท้ายในชีวิตจริง เราไม่ได้อยู่ในนั้นอย่างเดียว มันไม่อยู่ในโทรทัศน์หรือในโซเซียลอย่างเดียว เรายังมีอีกโลกอีกจักรวาลหนึ่งที่เราต้องดำเนินชีวิตด้วยกัน เราก็อยู่กับตรงนี้ดีกว่า แล้วเอาตรงนั้นวางไว้


ถาม ในมุมของปั๊บ เขาอาจจะแข็งแรงกว่าเพราะเป็นผู้ชาย แต่ในมุมของเตยที่เป็นผู้หญิง แล้ววันหนึ่งมีคนมาว่า เรารู้สึกยังไงบ้าง

เตย : ถามว่าโกรธไหม มันไม่ได้โกรธ แต่ถามว่ารู้สึกไหม เรารู้สึกค่ะ แต่แค่ว่าเรามานั่งอธิบายเรื่องแบบนี้อะไรมากๆ มันเหมือนเป็นการแก้ตัวหรือเปล่า

ปั๊บ : ผมยังมานั่งคิดอยู่ว่าทำไมเขาไม่เรียกผู้ชายว่ามือที่สามบ้าง ทำไมหวยมันถึงต้องไปออกที่ผู้หญิง จริงๆ แล้วมันต้องมาออกที่เราก็ได้นี่

เตย : ตอนนั้นจริงๆ แล้วพี่ปั๊บช่วยเตยเยอะมาก เราก็เก็บอารมณ์ไว้ก่อน แล้วเรามาแจกแจงว่าสิ่งที่เราต้องโฟกัสตอนนี้คืออะไร ครอบครัว งั้นเราก็ไปโฟกัสที่ครอบครัว งั้นเราก็ไปคุยกับที่บ้านซะว่ามันคืออะไร สิ่งที่เราอธิบายได้มันก็เป็นการอธิบายให้คนในครอบครัวหรือคนที่ใกล้ตัวเราที่สุดได้เข้าใจเราก่อน เรื่องอื่นคือต้องใช้เวลาจริงๆ ในการพิสูจน์ แต่ถ้ามามองในเรื่องคอมเมนต์หนูไม่ได้รู้สึกโกรธเท่ากับไปแตะครอบครัว


ถาม กับความรักที่เราเจอมามากมาย ทำให้ทัศนคติหรือความคิดของเราที่มีกับความรักเป็นยังไง แล้วพอเราทั้งคู่ตัดสินใจเป็นแฟนกันคบกันครั้งนี้ เรารู้สึกว่าพิเศษกว่าทุกครั้งไหม แล้วเคยมองมาถึงอนาคตในตอนนี้ไหม

ปั๊บ : ผมเต็มที่เสมอครับกับทุกความรัก ถามว่ามองอนาคตมาไกลถึงขนาดนี้ไหมที่มีเมียอย่างเป็นทางการอย่างนี้เหรอครับ ไม่คิดหรอกครับ แต่สิ่งที่เขาทำให้ผมเบิกบาน ผมไม่ค่อยมีแฟนแล้วเหมือนเบิกบานข้างในใจ เหมือนทุกครั้งที่เห็นก็จะรู้สึกดี ทุกครั้งที่ไม่ต้องพูดอะไร แอบดูก็มีความสุข ทุกครั้งที่เห็นเขาร้องไห้หรือเหนื่อยกับชีวิต เราก็ไม่ได้อยากจะเข้าไป ฉันจะช่วยเธอเอง เดี๋ยวฉันจะดูแลเอง มันไม่ใช่นะครับ แต่เราเหมือนเห็นชีวิตอีกคนที่เราเห็นเขา เราก็แฮปปี้แล้วครับ อันนี้ที่ต่าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง มันไม่มีทฤษฎี หรือว่าต่อให้มีความรักมา 100 ครั้ง แต่ละครั้งมันก็ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้มันพิเศษที่มันไม่เหมือนกับครั้งอื่น (เตยน้ำตาไหล) เหมือนมันไม่ได้เกิดจากการที่เราคิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ผมไม่มีแผนอะไรในชีวิตสำหรับเรื่องความรัก


ถาม ด้วยความที่แฟนเราอายุเยอะกว่าเรา 11 ปี มันมีปัญหาความแตกต่างระหว่างวัยไหม

เตย : ในความรู้สึกเตยคือเขาเอ็นจอยกับทุกๆ โมเมนต์ของหนูเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่บ้าบอที่สุดหรือเรื่องที่เครียดมากที่สุด เขาอยู่ข้างหนูได้ตลอดเวลาเลย จนกระทั่งบางทีเราจะอยู่ข้างๆ เขาได้ดีจริงหรือเปล่า (เตยร้องไห้) หนูค่อนข้างที่จะคิดเยอะเวลาเขาเจอปัญหาหรืออะไร เราก็จะคิดว่าหรือจริงๆ เรายังดีไม่พอหรือเปล่าที่จะอยู่ข้างๆ เขา ช่วยเขาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วหนูก็แอบคิดคนเดียวนะคะ ก็ไม่เคยพูดกับเขาเหมือนกัน เพราะเราไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้ไปเพิ่มความหนักใจให้เขา แต่สุดท้ายเราก็เหมือนก็มานั่งคุยกัน แล้วก็กลับไปที่วันแรกที่เราคุยกันว่าจริงๆ แล้วเราและเขาอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกสบายใจ แค่นี้ก็พอแล้ว เราไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายชีวิตหรือปัญหาอะไรของเขาได้เลย พอมันถึงจุดนั้นจริงๆ แล้วเราก็เข้าใจแล้ว เรากลับมาทำหน้าที่ของเรา หน้าที่คือทำให้เขาสบายใจมากที่สุดแค่นั้น (มันจะรอดไหม) จำไม่ได้ตอนนั้น เหมือนน้อยใจตัวเอง หรือว่าคิดมากไปคนเดียว

ปั๊บ : ผมว่าเป็นเพราะผมด้วยนะ เพราะว่าผมเป็นประเภทชอบกดดัน แต่ไม่ได้มีเจตนากดดันนะ เหมือนเราชอบตั้งคำถามเกี่ยวกับความรู้สึก

เตย : ใช่ค่ะ หนูว่าข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้เราทะเลาะกันน้อยมากเลย คือเราเอาอดีตมาเป็นบทเรียน เพราะฉะนั้นตอนนี้เรามีอะไร เราคุยกันเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยที่สุดหรือเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด เราต้องคุยกันและต้องคุยกันให้จบ เราจะไม่ปล่อยเวลาแบบเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน เราจะไม่ เราจะตั้งสติคุยให้มันจบเร็วที่สุด หาข้อสรุปให้เร็วที่สุด

s__70172896

ถาม คบกันนานแค่ไหนถึงคิดถึงเรื่องแต่งงาน

ปั๊บ : 2-3 ปี ก็คิดถึงเรื่องแต่งงานเลยครับ อยากทำให้มันเป็นทางการเท่านั้นเอง


ถาม ความตั้งใจของคนทั้งคู่ที่คิดว่าเราน่าจะเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยกันก่อนแต่งงาน ทั้งสองคนตัดสินใจอยู่ก่อนแต่ง

ปั๊บ : ไม่ได้ตัดสินใจเลยครับ มันเป็นไปตามธรรมชาติ เราอยากอยู่ด้วยกัน เราก็อยู่ด้วยกัน เรามีเวลาเรียนรู้ด้วยกันเท่าไหร่ เราจะเรียนรู้เท่าที่เราจะทำได้ ก็ทำให้เรียนรู้ข้อเสียของกันและกันได้เต็มที่

เตย : มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ติดเกม แล้วก็เหมือนเวลาของเตยกับพี่ปั๊บจะสวนกัน อย่างเราต้องถ่ายละครตั้งแต่ตีห้าถึงสี่ทุ่ม แต่เวลาของพี่ปั๊บก็จะเป็นสองทุ่มออกไปทำงาน กลับบ้านตีสามตีสอง เวลาเราพักผ่อนเขาก็จะแบบกดเกม อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ มันเป็นปัญหาค่อนข้างใหญ่สำหรับเตย เพราะเราต้องนอน เราก็จะบอกเขาว่าพี่ปั๊บ ไม่ได้แล้วนะ เตยขอนอน เตยขอร้องหยุดเล่นเกมสักที

ปั๊บ : ผมก็เถียงเขาว่า เตยรู้ไหมว่าเกมมันคือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตของเรา ผมก็เล่นใหญ่ไปอย่างนั้นแหละครับ ที่ผมไม่ไปเล่นห้องอื่น เพราะเราชอบอยู่ด้วยกัน เราอยากอยู่กับเขาแล้วก็เกมด้วย มันคือแค่นี้ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องปลุกขึ้นมาคุยกันเลยนะครับ มีอยู่คืนหนึ่ง

เตย : เป็นเรื่องใหญ่ไปเลย แต่พอเราอยู่กับเขานานๆ เราจะเริ่มรู้แล้วว่าเขาชอบให้คนอื่นรู้สึกผิด เพราะเขาจะพูดว่าเราไม่ได้ไปเที่ยว เราไม่ได้ไปดื่ม เรามีแต่เกม มีแต่หนังสือ มันคือความสุขอย่างเดียวของเรา ทำไมเราไม่เข้าใจ ตอนแรกคือเรารู้สึกแย่มาก ฉันทำอะไรผิดแบบนั้นเลยเหรอ แค่เราบอกว่าขอนอน สุดท้ายไปๆ มาๆ ไม่ใช่แล้ว เราแค่ต้องจับเขาให้ทันว่าจริงๆ แล้วเขาไม่อยากให้ตัวเองผิดก็เลยเหมือนให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เตยก็เลยบอกเขาว่าพี่ปั๊บอยากให้เตยรู้สึกผิดใช่ไหม เงียบ!! จบ ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องตลกไปเลยพอเราจับได้ทุกครั้ง

ปั๊บ : สุดท้ายเราก็ปิดเกมสิครับ แต่บางทีก็เข้าใจได้ครับ วันไหนนอนพร้อมกันได้ก็นอน หลักๆ ก็อยากอยู่ด้วยกันแหละ


ถาม แต่ปั๊บเป็นคนโรแมนติกตั้งแต่ตอนขอแต่งงาน ไปขอแต่งงานทำไมมีแสงเหนือ

ปั๊บ : มันเป็นภาพในจินตนาการของเราครับ ที่นี่ก็เป็นที่ในฝันของเรา การขอผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานในสถานที่ที่มันดีๆ เหมือนเป็นนิมิตหมายที่ดีระหว่างเราสองคน (ถ้าไม่มีแสงเหนือจะไม่ขอ) ไม่ขอครับ เราเพราะชอบด้วยกัน แต่ทริปนั้นคืออาม่าเตยเสียพอดีด้วยครับ มันก็เหมือนว่ายิ่งทำให้เราต้องตัดสินใจเยอะขึ้นไปอีก จากทริป 10 กว่าวัน ก็เหลือประมาณ 5-6 วัน

เตย : ตอนนั้นคือเราเพิ่งเข้าโรงแรมเลยค่ะ แล้วพี่ชายก็โทรมาว่า เตย อาม่าไปแล้วนะ เขาไม่ได้เสียปุ๊บปั๊บ เพราะก่อนที่เราจะเดินทางไปไอซ์แลนด์ เราก็ไปหาอาม่าทั้งคู่ แล้วบอกท่านว่ารอเตยก่อนนะ เดี๋ยวเตยมาหา ก็มีบอก แต่ก็ไม่ทัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้

ปั๊บ : ผมดูเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดมาก ไม่ยอมแพ้แบบสุดๆ (แล้วพอวันนั้นมีแสงเหนือเป็นยังไง) บ้านที่เช่า เวลาออกมาหลังบ้าน ก็จะมาดูฟ้ากัน เราก็จะรู้เลยว่ารำไรอย่างนี้ มาแล้ว พอมาแล้วเราก็บอกเพื่อนว่าเราจะเอาแหวนมาขอเตยแต่งงานแล้วนะ ถ่ายรูปให้หน่อย เราก็รีบไปเอาแหวนที่เราซ่อนไว้ในกระเป๋า แล้วก็เอามาให้เขา

เตย : เหมือนจะโรแมนติกนะคะ แต่ภาพตอนนั้นคือพี่ปั๊บนั่งคุกเข่าลงสองข้าง แล้วก็ยื่นกล่องแหวนให้หนู หนูก็อะไรเหรอ ลืมเปิด!! เตย แต่งงานกันนะ เอามือขวามา ขอหนูแต่งงาน ขอมือขวาหนู

ปั๊บ : เพราะผมเข้าใจแบบนั้นมาตลอดว่าเราแต่งงานจะสวมแหวนข้างซ้าย ผมเลยคิดว่าตอนขอก็ต้องข้างขวาสิ เตยเขาก็เถียงเราว่าไม่ใช่ ต้องข้างซ้าย แล้วพอเขาใส่แหวน ใส่ไม่เข้าอีกเพราะนิ้วบวม เป็นโมเมนต์ที่แบบจะโรแมนติกก็ไม่ขนาดนั้น ก็ตลกด้วย แล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เราแบบจะมาคุยกันยังไง ตื่นเต้นไหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้น มันก็จบลงไปจริงๆ เพราะว่าเขาก็ยังมีโมเมนต์ที่เขาต้องรับผิดชอบ ก็ยังพูดกับเขาอยู่เลยว่าอยากทำให้สำเร็จในแบบที่ตั้งใจไว้ แล้วเราก็กลับบ้าน แล้วหลังจากนั้นอีก 2 ปี ถึงจะแบบตัดสินใจให้เป็นเรื่องเป็นราว


ถาม แต่ในระยะเวลา 2 ปีนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย โดนเฉพาะเรื่องตอนที่โควิด ต้องยอมรับว่าหลายๆ อาชีพได้รับผลกระทบและหนึ่งในนั้นคือ นักร้อง ศิลปิน เพราะงานจากที่เคยมี เคยรับงานเยอะที่สุดแค่ไหน

ปั๊บ : ถ้าตอนวัยรุ่นตอนต้นก็ 1 เดือนมีสามสิบวัน ก็จัดเต็มเลยครับ แต่ว่าตอนหลังๆ เราก็เริ่มเฉลี่ยนงานแล้วครับ เดือนละประมาณ 10 งาน 15 งานคือเต็มที่แล้วครับ ก็จะมีแบบนี้มาแบบสม่ำเสมอ เราก็คิดว่ามันก็มีเสถียรภาพที่ดี ดูแลได้สบายมาก มีเงินเก็บ แล้วก็วางแผนแต่งงาน กำลังสร้างบ้านด้วย มันก็โควิดมาพอดี 5 เดือนคือไม่ได้ทำอะไรเลย ศูนย์เลยช่วงนั้น มีปัญหาหลายเรื่องด้วย เรื่องครอบครัว เรื่องบ้านเราด้วย เรื่องแต่งงานด้วย ผมต้องแบกทุกอย่าง เรื่องทรัพย์สิน และทุกอย่างในชีวิตของเรา ให้เขาเห็นว่าชีวิตเราเป็นแบบนี้แล้ว เธอยังอยากแต่งงานกับเราอีกหรือเปล่า ผมบอกตามตรงว่ามันเป็นศักดิ์ศรีของผมนะ เพราะผมต้องดูแลเขาผมจะไม่ให้เขามายุ่งอะไรกับชีวิตผมเลย


ถาม แล้วตอนนั้นปัญหาที่มันเป็นปัญหาทุกอย่าง เราแก้ยังไง

ปั๊บ : แก้ด้วยกำลังใจจากเขาเลยครับ ทุกอย่างมันก็ค่อยๆ คลี่คลายในแบบที่มันควรจะเป็น อะไรที่เราควรจะจัดการ เราก็จัดการให้เต็มที่ แต่ว่าที่ผ่านมาได้ ผมก็เพิ่งมารู้ตัวว่าจริงๆ เราก็ไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว ไม่ต้องเจ๋งตลอดเวลา ไม่ต้องสตรองคนเดียวก็ได้ ยังมีคนที่เขายังคอยช่วยเป็นกำลังใจ ผมว่าทุกคืนมันก็ค่อยๆ ผ่านไป


ถาม แรงกระทบเข้ามาสู่การใช้เงินบ้านเรา เราต้องปรับยังไงดี

เตย : อย่างพี่ปั๊บเขาจะเป็นคนเต็มที่เรื่องกินอาหาร วันนี้ซีฟู้ด พรุ่งนี้โอมากาเสะ เขาจะชอบมาก มันคือความสุขของเขาจริงๆ แต่พอเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น หลายๆ เรื่องมันเข้ามา เราก็โอเค เราจะเชฟอะไรได้บ้าง ของเล่น ของกิน เราก็ต้องพักก่อน

s__70172890

ถาม สำหรับนักดนตรี หลายๆ เดือนที่ไม่ได้ไปเล่น ไปร้องโชว์ ก็จะเกิดความหงอย เตยช่วยในเรื่องนี้ยังไงบ้าง

เตย : ก็มีพูดว่า TikTok ไหม เพราะก่อนหน้านั้นคือพี่ปั๊บไม่เอาเลย เขาจะแบบ ให้พี่ทำอะไร ไม่ทำ สักพักหนึ่ง พอเห็นคนไลฟ์ก็สนุก แต่เขาเองไม่ถนัดเลย แล้วก็เขิน แต่พอพอโควิดเนี่ยแหละ ทำให้เกิดช่วงตามใจพัฒน์ขึ้นมา เขาก็ไลฟ์ แล้วก็เห็นได้ชัดเลยนะคะ เวลาที่เขาได้ร้องเพลง ได้คุยกันแฟนเพลง ถึงแม้จะผ่านหน้าจอคอม เขามีความสุขขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลย จิตใจของเขาเบิกบานเหมือนได้ปลดปล่อย มันผ่อนคลายมากขึ้นจริงๆ

ปั๊บ : ที่ผมบอกว่าตามใจพัฒน์เนี่ย เพราะว่าผมเล่นเพราะผมฮีลตัวเอง ไม่ได้เล่นเพราะว่าให้คุณมีสิทธ์มาบอกว่าให้ผมเล่นเพลงอะไร แล้วผมก็คุณกับเตยว่าเรายังรักการร้องเพลงอยู่ ผมเคยลืมไปแล้ว โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะลืมมัน แต่พอตอนที่เราเล่นเสร็จ เรามีความสุขมากเลย งั้นแสดงว่าสิ่งนี้แหละ ยังเป็นสิ่งที่ยังหล่อเลี้ยง หล่อหลอมความรู้สึกเราอยู่เรื่อยๆ จริงๆ นะครับ ผมช่วงที่ผมได้แบทุกอย่างแล้ว ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย


ถาม เวลามีปัญหา ปั๊บดูเป็นคนที่มีวิธีคิดในการที่จะบอกตัวเอง ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยมาก แต่ก็มีเหมือนกันที่พอมีปัญหาก็จะเลือกปรึกษาคนรอบตัวเยอะแยะมากมาย ปรึกษาใครไปบ้าง

ปั๊บ : พี่อ้น ศรีพรรณครับ ไปเจอกันที่ทำงานแล้วก็ถูกชะตา แนวความคิดแกไม่ฟุ้งเฟ้อ แกไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย พอเราเจอคนแบบนี้ เรารู้สึกว่ามันก็ต้องกลับมาสะท้อนตัวเองว่าเราก็แค่กลับมาทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเหมือนเดิม ทำให้มันเต็มที่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ


ถาม สิ่งหนึ่งที่ยังติดอยู่ในใจคืองานแต่งยังไงดี ตอนนั้นเลยมีการปรับในเรื่องของงานแต่ง

ปั๊บ : ตอนแรกเหมือนจะเลื่อนเลยครับ เพราะคิดว่าเลื่อนไหม รอให้มันดีขึ้น ไม่ใช่แค่โควิดนะครับ ทุกอย่างเลย

เตย : จริงๆ แล้ว พี่ปั๊บอยากแต่ง เพราะว่าเขาอยากให้ตรงตามที่เขาวางเอาไว้ แต่พอมันเป็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แผนหรือรูปแบบงานทุกอย่างที่วางเอาไว้มันเปลี่ยนหมดเลยค่ะ ตอนแรกที่เราคิดเอาไว้คืออยากเชิญทุกคนที่เรารู้จัก ที่เรารัก ที่เคยรวมงานกัน ตอนแรกแขกเป็นพันคนเลย ไปดูสถานที่ทุกอย่างไว้แล้ว แต่โควิดเริ่มใหญ่ขึ้น เริ่มกระจาย ก็เอาไงดี แต่สุดท้ายพี่ปั๊บก็ยังอยากแต่ง ก็เลยลดสเกลทุกอย่าง เพราะว่าก็มีผู้ใหญ่ที่เราอยากจะขอบคุณมากๆ ก็เหลือ  500 - 600 คน แล้วบวกกับว่าสิ่งที่เราชอบ เราไปเสนอคนที่จัดงานให้เราได้แรงบันดาลใจมาจาก Teamlab สถานที่ต่างๆ ที่เราเคยไปเที่ยวกัน เอาทุกที่มาไว้ในงานของเรา


ถาม แต่เป็นภาพงานแต่งงานที่น่ารักมากเลย ทุกคนคงได้เห็นจากในสื่อ สวยและแปลกตา ไม่ค่อยเหมือนกับงานแต่งงานใดๆ แล้วในงานแต่งงานของ ปั๊บ เตย มีหลายๆ คนน้ำตาซึมไปกับงานแต่งของน้องด้วย เพลงก็เป็นเพลงพิเศษ

ปั๊บ : เป็นเพลงตอนรู้จักเตยใหม่ๆ เลยครับ เราแต่งให้วันคล้ายวันเกิดเขา อยากให้สาวประทับใจ ปีแรกของวันเกิด

เตย : ในช่วงนั้นชีวิตหนูมันเหมือนกึ่งๆ วิฤกติในชีวิตเหมือนกัน เนื้อเพลงจะประมาณว่าให้กำลังใจ ยังมีเขาอยู่ตรงนี้นะ แต่ตัดภาพมาที่งานแต่งจริงๆ พี่ปั้บเหมือนไปร้องให้ตัวเอง

ปั๊บ : ณ วันที่ร้องให้เตยในวันแต่งงาน ยังไม่มีชื่อเลย แล้วก็พอหลังจากร้องไป ก็มีหลายๆ คนส่งชื่อเพลงมาให้ ก็เลยสรุปชื่อเพลงว่า ยังมีฉัน

ปั๊บ : มันก็เป็นเพลงที่ผมว่ามันก็ใช้ได้กับหลายๆ คนนะครับ สำหรับการแต่งงานคือสถานีอีกสถานีหนึ่งที่เราต้องไปต่อ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเพิ่มพลังอะไรให้เรา แต่เอาจริงๆ พอแต่งงานแล้วมันก็เปลี่ยนนะ ถ้าใครไม่ได้มาสัมผัส ก็จะไม่เข้าใจว่าความรู้สึกมันคือยังไง ที่เปลี่ยนมันอยู่ข้างในครับ มันสงบ แล้วมันก็มั่นคง ผมรู้สึกว่าผมรักเขามากขึ้นด้วย

s__70172899

ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป

https://youtu.be/Beo-WHjkEdM

https://youtu.be/LVMVZtsHDPY

https://youtu.be/AU_avoXhhnI

https://youtu.be/JQ_FriF_haI

https://youtu.be/hbc5hbe-qOs

https://youtu.be/ZaB2d6hPMc4  

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส