ผันตัวไปเป็นแอร์โฮสเตสเกือบจะเต็มตัว สำหรับอดีตนักร้องดังยุค 90 มด ณปภัช ที่ล่าสุดได้เคลียร์คิวว่างมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เล่าย้อนในช่วงตัดสินใจหันหลังให้วงการบันเทิงที่ถูกเคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร พร้อมอัปเดตถึงเรื่องอนาคตที่ตัวเองมองไว้ว่าคงไม่ได้กลับเข้ามาในวงการบันเทิงเต็มร้อยแล้วอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องหัวใจกับแฟนสจ๊วตหนุ่มสายการบินเดียวกัน ทิว ธันว์ตรี ที่คนนี้แม่ปลื้มมากว่าได้คุยๆ กันถึงเรื่องอนาคตตั้งแต่แรกที่คบ ส่วนแหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่เห็นใส่มาในรายการในวันนี้ สาวมด ก็ได้ชี้แจงมาว่า
ถาม ห่างหายไปนานแค่ไหน
มด ณปภัช : ตั้งแต่ไปเป็นแอร์เลยค่ะ ประมาณ 3-4 ปี ได้ ไม่ได้ออกทีวีเลย เพราะว่ามันเหนื่อย เราออกรายการร้องเพลงตั้งแต่เด็ก
ถาม เป็น โฟร์-มด กี่ปีแล้ว ตอนนั้นเป็นความฝันของเราไหม
มด ณปภัช : เริ่มเข้ามาตั้งแต่อายุ 12 ตอนนั้นเราได้จอยกับชีวิต ได้ทำอะไรที่เราไม่เคยทำ ได้เป็นนักร้องสนุกๆ เราก็เลยทำเพราะตอนนั้นเราชอบแสดงออก ชอบเต้น ชอบร้องเพลง เรารู้สึกสนุกเนอะ ถึงแม้ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แต่มันคือสนุกแค่นั้นเองค่ะ
ถาม แล้วเพลงของเราทั้งคู่ก็โด่งดังมาก ลุคแฟชั่นคือสุดๆ แล้วจู่ๆ หายเพราะว่าไปเป็นแอร์ อะไรเป็นตัวตัดสินใจให้เราเลือกทางนั้น
มด ณปภัช : จริงๆ จุดที่เราตัดสินใจ เราตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจมาเป็นแอร์ แม่เขาพูดขึ้นมาว่าลองไปสมัครแอร์ไหม ตอนนั้นเราก็ตกใจว่าทำไมแม่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เราก็ทำเป็นหูทวนลม แม่พูดอะไรมาก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะว่าเราเป็นคนหนึ่งถ้าเราอยากทำอะไร เราอยากที่จะตัดสินใจด้วยตัวเราเอง เราต้องอยากทำก่อน เราถึงจะทำอะไรทุกอย่างได้ดี gราเลยรู้สึกว่ายังไม่แล้วกัน เราก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของแม่ไปเลย เพราะว่าเรายังใส่ใจกับผลงานในวงการเพลง แล้วก็มีละครเข้ามาด้วยตอนนั้น พอเวลาผ่านไป 1 ปี อยู่ดีๆ ตอนนั้นเราอยากจะหาอะไรที่มั่นคงกับชีวิต เลยลองปรึกษารุ่นพี่ที่เป็นแอร์อยู่ว่าเราต้องทำยังไง เพราะเราไม่เข้าใจว่าชีวิตการสมัครงานคืออะไร เราไม่รู้ เราไม่เข้าใจเลยว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เราต้องเตรียมอะไรบ้าง พอดีเลยที่เราโทรไปหารุ่นพี่คนเดียว เขาก็บอกเราว่าพอดีเลย ตอนนี้ที่แอร์เอเชียเปิดรับสมัครอยู่ ให้เราไปสมัครเลย
ถาม ตอนนั้นที่เราเริ่มอยากจะถอยห่างจากวงการ เพราะว่าเรารู้สึกว่างานในวงการเริ่มลดลงไหม
มด ณปภัช : อาจจะรู้สึกว่าเราอิ่ม เริ่มถามตัวเองว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ เรารู้สึกยังไงกับมัน เรายังรู้สึกว่าสนุกไหม มันไม่ใช่ทางเราแล้วก็ใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องนี้อยู่นานว่า การที่เราจะก้าวออกจากจุดที่เราอยู่ มันเป็นก้าวที่ใหญ่นะ เราจะทำอะไร เราก็จะต้องคิดให้ดีนะ ไม่ใช่อยากจะไปก็ไป อย่างที่บอกค่ะ เราใช้เวลาคิดเป็นปี กว่าจะตกตะกอนความคิดว่าลองดู ซึ่งตอนที่เราเข้าไปสมัครงานที่นั่น หนูอายมาก เพราะว่าคนมองหนูเยอะมาก หนูแค่รู้สึกว่าทำไมต้องมองหนูเยอะขนาดนี้ก็คนสมัครงาน หนูรู้สึกแบบนี้ แต่คนภายนอกเขาอาจจะรู้สึกว่า มด มาทำอะไร เขาอาจจะคิดแบบนี้ ถามว่าอะไรที่ยากสุดก่อนที่จะมาเป็นแอร์ หนูว่าตอนเทรนด์เป็นแอร์ ก็โดนถามว่ามาทำงานนี้แล้วคุณได้เงินเดือนน้อยกว่าที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้นะ คุณจะทำเหรอ เราก็ตอบว่าทำค่ะ เพราะว่าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเลือกเรามั่นใจในตัวเอง และสิ่งที่เราเลือกมั่นคงสำหรับตัวเรา แล้วเขาก็ถามว่าล้างห้องน้ำไหวไหม เราก็บอกว่าได้ เพราะว่าทุกวันนี้ก็ทำอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะทำความสะอาด มันแปลกตรงไหน
ถาม แต่พอไปสอบ หลายคนก็จะมองว่าเส้นหรือเปล่า เพราะว่าส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียง จะมีเรื่องแบบนี้มา อยากจะเคลียร์ตัวเองยังไง
มด ณปภัช : ใช้คำๆ นี้ดีกว่าค่ะ เวลาที่เราจะทำอะไร เราทำด้วยตัวเองดีที่สุด เราไม่อยากพึ่งใคร ถ้าเราจะได้ เราก็ต้องได้ด้วยตัวเอง ซึ่งที่เราได้งานนี้ เหมือนเด็กเลย กรี๊ดลั่นบ้าน เขาโทรมาบอกว่ายินดีด้วยนะคะ แล้วก็นัดเราเข้าไปเซ็นสัญญา
ถาม ณ วันที่เราตัดสินใจที่จะไปเป็นแอร์ เราตัดสินใจที่จะทิ้งความเป็น โฟร์-มด เลย หรือว่าไม่หรอก เหยียบไว้ทั้งสองอย่าง
มด ณปภัช : ตอนแรกก็ยังหรอกค่ะ เพราะเราก็ต้องลองไปทำว่ามันจะได้ไหม เพราะว่าส่วนตัวเป็นโรคจิตอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเราจะทำอะไร เราอยากจะทำให้เต็มที่ เรารู้สึกว่าเราทำเต็มที่ทั้งสองอย่างค่อยว่ากัน แต่ถ้าเรารู้สึกว่าถ้าเราทำอย่างหนึ่งได้ดี แล้วอีกอย่างได้ไม่เต็มที่ เราไม่อยากทำ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำความลำบากให้คนอื่น
ถาม คุณแม่คือคนที่ให้เราไปสมัครเป็นแอร์ และตอนนี้ก็เป็นคนที่มาถามว่าไม่รับงานในวงการบ้างเลยเหรอลูก ละครไม่เอาเลยเหรอ
มด ณปภัช : ไม่รับเลยค่ะ พอเราได้มาทำงานตรงนี้อย่างเต็มตัว เราได้บิน เรารู้เลยว่ามันเหนื่อย พอมันเหนื่อย รู้เลยว่าร่างกายเราต้องการพักผ่อน เพื่อที่เราจะได้ทำงานในเซ็ตต่อไปได้ ตารางจะเป็นแบบนี้ค่ะ บิน 3-4 วัน หยุด 2 วัน แล้วบินต่อ 5 วัน หยุด 2-3 วัน แล้วเราก็ต้องมีสแตนบายด้วย เราก็ไม่รู้ว่าจะโดนเรียกตอนไหน รอรับโทรศัพท์อย่างเดียวเลย
ถาม สามารถพูดได้ไหมว่าวันนี้ลาจากวงการบันเทิงแล้ว
มด ณปภัช : พูดได้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าเราไม่รับงานละคร งานร้องเพลงเราก็ยังรับนะคะ แต่ร่างแหลกไปเลยสามวันเพราะว่าเราไม่ได้ร้องนาน แล้วมันเหนื่อยร่างกาย เราก็น็อคไปเลยค่ะ แล้วพอเราบินกลับมา เราอยากให้เป็นวันที่พักจริงๆ ไม่ใช่เราไปถ่ายละครแล้วเราเล่นไม่ดี ทำไม่ดี พาคนอื่นเสียเวลา หรือเราเล่นละครแล้วกลับเป็นดี แต่พอเวลาเราไปบินเราไม่มีสมาธิ ไม่ได้ งั้นเราไม่รับดีกว่า
ถาม ซึ่งปกติแล้วเวลาบินจะแถมน้ำหนัก แต่อันนี้บินแถมแฟน แหวนนิ้วนางข้างซ้ายยังไง
มด ณปภัช : พอเราเข้าไปแล้ว เวลาเราเทรนด์ เราก็เทรนด์กันเป็นกลุ่ม เราเจอเขาตอนแรกคือเพื่อนกันค่ะ จนเราสนิทกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น ความชอบคล้ายกัน กิจกรรมที่เราทำคล้ายกัน นิสัยคล้ายกัน เราเลยคลิก แล้วเขาก็ตรงสเปกเราด้วย
ถาม ปกติ มด เป็นคนที่แม่หวงมาก แล้วทำไมคนนี้แม่ให้ผ่านได้
มด ณปภัช : หนูก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ทิวไปเจอแม่ เป็นจังหวะที่เรายังไม่ได้บอกแม่ด้วยว่าเราคุยกันอยู่นะ แต่เป็นจังหวะที่เราไปเทรนด์กลับมาแล้ว ทิวก็ยืนรอเป็นเพื่อนมด รอคุณแม่มารับ พอเราขึ้นรถไป แม่ก็ไม่ได้ถามอะไรเลย แต่เรามารู้ทีหลังคือแม่รู้ตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าคุยกันอยู่แน่นอน แล้วแม่เขาก็โอเคตั้งแต่วันนั้นแล้ว
ถาม แล้วตอนนี้สเตตัสยังไง ขอแต่งงานแล้วเหรอ
มด ณปภัช : ยังค่ะ ไม่ได้ขอค่ะ แต่อันนี้เป็นแหวนแทนใจ คบกันมาก็ 2-3 ปีแล้ว ถามว่าคิดเรื่องแต่งงานไหม ตั้งแต่ตอนแรกที่คุยกัน ก็คุยกันว่าเราก็โตๆ กันแล้วเนอะ เราไม่ใช่เด็กๆ ที่คบกันแล้วไม่มีจุดหมาย เราก็ได้คุยว่าจุดหมายของเราคืออะไร เรามองอนาคตด้วยกันไหม เราก็มองอนาคตร่วมกัน ก็คิดว่าอาจจะแต่งงานอยู่ด้วยกัน แต่เราไม่รีบนะคะ เมื่อไหร่เมื่อนั้น (หัวเราะ) เอาให้เขารู้สึกว่าเขาพร้อมก่อน ไม่อยากไปเร่งอะไรเขา
ถาม เพราะโควิดด้วยเลยได้ทำธุรกิจ เป็นของคุณแม่
มด ณปภัช : ของคุณแม่เลยค่ะ มีหมูฝอย หมูแดดเดียว มีเนื้อ ใช้ชื่อว่า Mama-Mod ช่วงโควิดคุณแม่เขาอยากทำอาหาร แล้วพอทำไปทำมาแล้วเขาชอบ เขาสนุก มีความสุข แม่เขาทำเองคิดสูตรเองทุกอย่างเลย สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ LINE : mama-mad โทร. 062-907-7851