จากกรณีของนายอัฉริยะ สีทา หรือ โอ๋ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาในคดีข่มขืนหญิงพิการอายุ 79 ปี และเสพยาเสพติด ได้หลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งที่ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ วิ่งหนีจากหน้าสถานีตำรวจแล้วข้ามถนนไปขโมยรถจักรยานยนต์ชาวบ้าน หลบหนีไป จ.ชัยภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้แล้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รวบแล้ว! ไอ้โอ๋ข่มขืนยายขาขาดสั่งสอบสิบเวรปล่อยหนี เผยสุดแสบขูดหินสลัดกุญแจมือ
วันที่ 17 มี.ค. 64 เวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ เบิกตัวของผู้ต้องหาออกมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในทุกคดี ได้แก่ การหลบหนีการควบคุมตัว และคดีข่มขืน โดยตั้งแต่ที่เบิกตัวของนายโอ๋ออกมา นายโอ๋นั้นนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามใด ๆ
โดยจุดแรกที่มีการทำแผน คือจุดที่นายโอ๋วิ่งออกมาทิ้งขยะที่หน้าสถานีตำรวจ จากนั้นชี้จุดที่ตัวเองได้วิ่งไปขโมยรถจักรยานยนต์ฝั่งตรงข้ามถนนของสถานีตำรวจ
ในจุดที่สอง จุดที่นายโอ๋วิ่งมาขโมยรถจักรยานยนต์ จอดอยู่ตีนสะพานลอยตรงข้ามกับสถานีตำรวจ ขับขี่รถจักรยานยนต์มือเดียว เนื่องจากยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ โดยการใช้สองมือจับที่คันเร่งของรถจักรยานยนต์ แล้วขับย้อนศรหนีไป นายโอ๋ให้เหตุผลว่าที่ต้องขับย้อนศรเนื่องจากต้องการจะหลบหนีให้ได้เร็ว และไม่คุ้นทางข้างหน้า หากตรงไปตามเส้นทาง
จุดที่สามคือสำนักสงฆ์วัดป่าบ้านหนองโน ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ ซึ่งนายโอ๋ได้ชี้จุดการปีนเข้าห้องของหญิงชรา สาธิตวิธีการปีน ก่อนที่หลวงตานิเวศน์ อดีตสามีของผู้เสียหายจะเดินเข้ามาดูการการแผนฯ ด้วยท่าทีสำรวม นายโอ๋บอกว่าในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายนุ่งขาวห่มขาว ใส่ผ้าถุงสีขาว ยืนยันว่าไม่ได้บีบคอผู้เสียหาย ก่อนจะเสร็จกิจแล้วปีนหลบหนีออกทางช่องทางเดิมที่เข้ามา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวนายโอ๋มายังจุดซ่อนตัว เป็นจุดที่สี่ของการทำแผนฯ ที่นอนในคืนวันที่ 15 มี.ค. ก่อนจะถูกควบคุมตัวที่กระท่อมอีกหลังใกล้สำนักสงฆ์ในเวลา 17.45 น. ของวันที่ 16 มี.ค. นายโอ๋กล่าวสั้น ๆ ว่า "ขอโทษต่อสิ่งที่ทำผิดไป จากนี้จะขอกลับตัวเป็นคนดี ครั้งนี้จะเป็นการทำผิดครั้งสุดท้าย ขอยืนยันว่าเคยมีคดีติดตัวแค่คดีเสพยาเสพติด ไม่เคยก่อคดีอื่น ๆ มาก่อน"
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ ยืนยันว่า จากการตรวจประวัติของนายโอ๋เบื้องต้น พบเพียงคดีเสพยาเสพติดเมื่อปี 2562 ในพื้นที่จ.นครปฐม เท่านั้น
หลวงตานิเวศน์ อายุ 80 ปี อดีตสามีของผู้เสียหาย บอกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกให้อาตมาช่วยไขกุญแจเปิดห้อง เป็นที่เกิดเหตุให้หน่อย อาตมาจึงได้เดินไปไขกุญแจ และยืนดูการทำแผนฯในครั้งนี้ อาตมามองไม่เห็นหน้าของผู้ต้องหา เนื่องจากใส่หมวกปกปิดใบหน้า
หลวงตานิเวศน์ กล่าวว่า การโกธรย่อมมีเป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่อาตมาเป็นพระ อาตมาต้องทำใจให้เป็นกลาง จากนี้ อาตมาก็คงจะได้สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของทั้งอาตมาและอดีตภรรยา สวดขอให้ผู้ต้องหากลับตัวกลับใจ
ทั้งนี้ ต่างคนต้องต่างเป็นห่วงตัวเอง ทั้งตัวอาตมาและตัวอดีตภรรยาของอาตมา กรรมของใครของคนนั้น อาตมาก็ได้บอกกับอดีตภรรยาว่า "แม้ว่าร่างกายจะถูกสิ่งสกปรกมาทำให้แปดเปื้อน แต่ใจเรานั้นสะอาด"
ด้านนางวัชริน ดอนอ่อนเบ้า อายุ 48 ปี เจ้าของรถจักรยานยนต์ ผู้เสียหาย เดินทางมายังสถานีตำรวจ เตรียมนำรถจักรยานยนต์กลับบ้าน หลังจากการทำแผนฯ เสร็จสิ้น พร้อมบอกว่า ขณะนี้ตนดีใจที่ตนได้รับรถจักรยานยนต์คืน ขอบคุณสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยกันตามหาตัวนายโอ๋มารับโทษ ทั้งนี้ ตนได้สอบถามนายโอ๋แล้ว นายโอ๋ได้ขอโทษตน และบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ขณะหลบหนีนายโอ๋ได้หันมาเห็นรถของตนเพียงคันเดียวที่จอดอยู่ จึงเกิดความคิดชั่ววูบที่จะขโมยเพื่อหลบหนี ตนจึงได้บอกแก่นายโอ๋ว่าให้กลับใจ อย่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก เพราะหากทำเช่นนี้โทษจะยิ่งเพิ่มขึ้น
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนของตน ที่หันหลังไปเพียงเสี้ยวนาทีรถถูกขโมย ตนขอฝากเตือนทุกคนว่าอย่าเสียบกุญแจไว้ ส่วนรถตนได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เบาะนั่งถลอก และป้ายทะเบียนถลอก ตนก็ไม่ได้ถือโทษผู้ต้องหา ส่วนน้ำมันรถยังค่อยข้างที่จะมีอยู่เต็มถัง และเอกสารที่ตนเก็บไว้ในรถก็ยังคงอยู่ครบ
นางผึ้ง แม่ของนายโอ๋ ผู้ต้องหา เดินทางมาจาก จ.นครปฐม ตั้งแต่เวลา 04.00 น. เพื่อพบลูกชายจาก กล่าวว่า ตนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายก่อเหตุข่มขืนคนชรา เนื่องจากปกติลูกชายเป็นคนนิ่งเงียบ สุภาพ อ่อนโยน และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ขณะนี้ตนยังคิดไม่ตก ไม่ปักใจเชื่อว่าลูกชายจะลงมือก่อเหตุข่มขืนได้ อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรอผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายจากโรงพยาบาลก่อน ส่วนเรื่องยาเสพติด ทราบว่าลูกชายของตนเคยเสพ แต่เลิกไปแล้ว ส่วนที่ลูกชายของตนหลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วขโมยรถจักรยานยนต์ คิดว่าลูกชายของตนน่าจะทำไปเพราะความตกใจ นอกจากนี้ ตนก็ไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์นำมายื่นประกันตัวต่อศาล หากลูกชายตนก่อเหตุจริง ก็ต้องปล่อยให้ลูกชายตนรับกรรมไปเอง
จากนั้นแม่ผู้ต้องหาถูกเชิญตัวเข้าไปพูดคุยกับผู้กำกับ สภ.หนองเรือ ทราบว่านายโอ๋ถูกภรรยาทิ้ง เนื่องจากนายโอ๋ถูกจับขังคุก 1 ปี หลังเสพยาเสพติดในปี 2562 มีลูกชายวัย 3 ขวบด้วยกัน 1 คน ภรรยานายโอ๋เลี้ยงลูกลำพัง ซึ่งหลังจากที่ออกจากเรือนจำ นายโอ๋ก็ได้ย้ายมาทำงานที่ จ.ขอนแก่น เพิ่งย้ายมาทำงานได้เพียง 5 เดือน นอกจากนี้นายโอ๋ยังเคยถูกนำตัวไปบำบัดอาการติดยาเสพติดเมื่อปี 2560 อีกด้วย
นางผึ้งสอบถามตำรวจถึงประเด็นการข่มขืนว่ามีหลักฐานอะไร ตำรวจก็ได้ชี้แจงว่าผู้เสียหายจำหน้าของนายโอ๋ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากนายโอ๋พักอยู่ใกล้กับสำนักสงฆ์ ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเปิดไฟนอน ทำให้เห็นใบหน้าของนายโอ๋ชัดเจน อีกทั้งนายโอ๋ยอมรับว่าก่อเหตุจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะนำผลตรวจจากแพทย์มายืนยันอีกครั้ง ไม่มีการปรักปรำแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน ผกก.สภ.ภูธรหนองเรือ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงแจ้งความผิด 1.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย 2.ข่มขืนหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเอง 3.ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ 4.หลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่