จากกรณีกล้องวงจรปิดบริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี บันทึกภาพขณะรถกระบะคันหนึ่งขับมาประกบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ที่จอดอยู่ริมถนน
จังหวะที่ฟอร์จูนเนอร์ขับถอยหลัง ก็มีรถเก๋งสีดำขับมาดักท้าย ฟอร์จูนเนอร์จึงถอยชนอย่างแรง แล้วเร่งเครื่องยนต์ขับหนีไป โดยมีวัยรุ่นหลายคนพยายามวิ่งไล่ตาม และขับรถไล่ตาม แต่ฟอร์จูนเนอร์ขับหนีไปได้ไม่ไกล เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าที่อยู่เกาะกลางถนนแล้วพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้ชายอายุ 22 ปี ชาว สปป.ลาว ซึ่งเป็นคนขับ ร่างกระเด็นออกจากตัวรถ แขนซ้ายผิดรูป ตามร่างกายมีร่องรอยบาดแผล กู้ภัยจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล เสียชีวิตในเวลาต่อมา
วันที่ 17 มี.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บนสะพานห้วยบังโกย พบว่าที่เกาะกลางถนนมีรอยชน เสาไฟฟ้าหัก หญ้ามีรอยไหม้สีดำทั่วพื้นที่ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมพบรถฟอร์จูนเนอร์มาจอดริมถนนหน้าร้านเหล้า ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยฟอร์จูนเนอร์ขับมาจอดในเวลา 00.24 น. จากนั้นมีชาย 3 คนเดินลงจากรถฝั่งข้างคนขับและด้านหลังก่อนเดินไปร้านเหล้า โดยรถยังสตาร์ตทิ้งไว้ และคนขับยังนั่งอยู่ในรถ
จากนั้น เวลา 00.29 น. มีกระบะสีขาวมาประกบข้างรถฟอร์จูนเนอร์ รถฟอร์จูนเนอร์จึงถอยหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่รถเก๋งสีดำขับตาม ทำให้ฟอร์จูนเนอร์ถอยไปชน โดยคนที่นั่งในเก๋งดำได้เปิดประตูออกมา และทำทีวิ่งเข้าไปหาคนขับฟอร์จูนเนอร์ แต่ฟอร์จูนเนอร์ขับหนี เก๋งดำจึงขับตาม เวลา 00.33 น. กล้องวงจรปิดมุมเดิมจับภาพฟอร์จูนเนอร์ที่ขับย้อนกลับมาทางเดิม โดยมีเก๋งดำขับตามด้วยความเร็ว
นายอาร์ม (นามสมมติ) ญาติผู้ตาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนกับนายท้าวโจลี่ ผู้ตาย และเพื่อนรวม 4 คน ไปนั่งกินเหล้าที่ร้านเหล้า จากนั้นประมาณ 30 นาทีได้เดินออกมาจากร้าน พบกลุ่มคู่กรณีนับ 10 คนมาล้อมรถ พร้อมใช้กำปั้นทุบกระจกรถด้านหน้าจนร้าว ตนจึงลงไปเคลียร์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมจบโดยจ่ายค่าเสียหายจำนวน 3,000 บาท จากนั้นพวกตนก็ขับรถออกมาเพื่อจะกลับบ้าน แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้ว จึงย้อนกลับไปที่ร้านเหล้าอีกรอบเพื่อนั่งดื่มต่อ โดยเลือกนั่งร้านเหล้าอีกร้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านแรก
โดยตนพร้อมเพื่อน 2 คนลงจากรถก่อน ส่วนนายท้าวโจลี่ ซึ่งเป็นคนขับ บอกว่าจะไปรับผู้หญิงมานั่งกินด้วย จึงไม่ได้ลงจากรถ
หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายคู่กรณีขับรถมา 2 คัน คันแรกคือกระบะสีขาวมาประกบข้าง นายท้าวโจลี่เห็นท่าไม่ดีจึงถอยหนี เป็นจังหวะเดียวกับที่เก๋งดำขับตามมา ทำให้นายท้าวโจลี่ถอยไปชน แล้วจึงขับหนี ซึ่งทั้งเก๋งดำและกระบะขับไล่ล่าน้องชายตน
จนน้องขับย้อนกลับมา โดยเก๋งดำขับไปชนท้าย ทำให้น้องชายเสียหลักพลิกคว่ำ ร่างกระเด็นออกมานอกรถ แขนขาผิดรูป คอหัก เสียชีวิต ส่วนรถไปชนเสาไฟ จนเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและไฟลุกท่วม ส่วนเก๋งดำและกระบะขับหนีจากที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ตนมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการจงใจมาหาเรื่องน้องชาย ทำให้น้องตนต้องขับรถหนี พร้อมทั้งขับชนจนรถเสียหลักซึ่งเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุมาก ที่ผ่านมาน้องชายเคยมีเรื่องกับฝ่ายคู่กรณีเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ไม่เคยถึงขั้นชกต่อยกัน เพราะน้องไม่ชอบมีเรื่อง มักจะหนีมากกว่า ตนยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจสีเทาแต่อย่างใด
นางส้ม (นามสมมติ) เจ้าของร้านเหล้าร้านแรกที่คนตายเข้าไปนั่งดื่ม เล่าว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค. ผู้ตายพร้อมกลุ่มเพื่อนรวม 7 คนมานั่งดื่มในร้านตั้งแต่เวลา 22.30 น. จากนั้นเวลา 23.00 น. กลุ่มผู้ตายเช็คบิลออกจากร้าน ตนทราบว่ารถของผู้ตายถูกทุบกระจก จึงออกไปเคลียร์กัน จากนั้นกลุ่มผู้ตายก็ออกจากพื้นที่ไป
จนเวลาเที่ยงคืนเศษ ทราบว่าผู้ตายกลับมาอีกครั้ง เพราะเพื่อนโทรตามให้ไปกินเหล้าร้านข้าง ๆ ร้านตน จากนั้นตนได้ยินเสียงรถชนจึงออกไปดูนอกร้าน พบว่ารถฟอร์จูนเนอร์ไฟลุกท่วม อยู่ที่เกาะกลางถนนห่างร้านตนประมาณ 50 เมตร ซึ่งตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะช่วงที่ผู้ตายมานั่งในร้านตนก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่มั่นใจว่าตอนที่ออกไปเคลียร์เรื่องที่ถูกทุบกระจกรถนั้นเกิดจากสาเหตุใด