สาวใหญ่โคม่าถูกไม้แทงของลับ ลูกแฉโดนเมียหลวงตี อีกฝ่ายโต้แก้ผ้าช็อกช่วยส่งรพ. (คลิป)

กรณีนายธวัช นิตสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช นำตัวน.ส.จิรษา อายุ 21 ปี ลูกสาวของน.ส.จิราวรรณ อายุ 39 ปี ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน ว่า น.ส.จิราวรรณ ถูกกลุ่มบุคคลในหมู่บ้านเดียวกันรุมทำร้ายอย่างโหดร้าย ป่าเถื่อน อำมหิต ผิดมนุษย์

โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้จับน.ส.จิราวรรณ แก้เปลือยล่อนจ้อน ก่อนรุมทุบตีจนกะโหลกศีรษะแตก ร่างกายซ้ำบวม แล้วยังใช้ไม้ไผ่ด้ามไม้กวาดแทงเข้าไปในอวัยวะเพศ จนอวัยวะภายในฉีกขาด ก่อนจะถูกหามนำตัวส่ง รพ.มหาราช

ล่าสุดวันที่ 21 มี.ค.64 น.ส.จิรษา เปิดเผยว่า แม่ของตนเป็นแม่ม่าย ต่อมาได้มีนายช่างรับเหมาสร้างโบสถ์จากภาคเหนือ อายุ 65 ปี ที่เดินทางมารับเหมาก่อสร้างโบสถ์วัดแห่งหนึ่ง ในต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม และมาได้เสียอยู่กินกับน.ส.แข้งแม่ม่ายในหมู่บ้านอีกคนหนึ่ง ซึ่งแม่ม่ายคนดังกล่าวมีลูกติด แต่ช่างคนนี้ยังมาติดพันน.ส.จิราวรรณ แม่ของตนด้วย

ในวันเกิดเหตุวันที่ 21 ก.พ.64 ช่างรับเหมาได้โทรศัพท์ นัดน.ส.จิราวรรณ แม่ของตน ให้ไปพบที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจาก 5 แยกนาพรุ หมู่ 3 ต.นาพรุ อ.พรพะพรหม แต่ในขณะที่อยู่ในห้องพักรีสอร์ต น.ส.แข้ง พร้อมลูกสาว ลูกชาย และลูกเขย รวม 4-5 คน ได้บุกมาพังประตูห้องพักรีสอร์ต ก่อนจะจับแม่ของตนแก้ผ้าจนเปลือยล่อนจ้อน และรุมทุบตีทำร้ายอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนสลบคาที่

นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือ นาฬิหา และแหวน ยังถูกกลุ่มของน.ส.แข้ง ทำลายจนเสียหายทั้งหมด ในขณะที่นายช่างรับเหมา ได้ฉวยโอกาสวิ่งหลบหนีหายไป

ทีมข่าวยังได้รับแชตข้อความ ซึ่งลูกชายของน.ส.ยุพา ผู้ถูกกล่าวหา และยังเป็นคนที่เข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมกับแม่ของตัวเอง โดยมีการส่งแชตข้อความไปพูดคุยกับลูกสาวของน.ส.สาวจิราวรรณ ฝั่งคนเจ็บ ลักษณะทำนองสอบถามอาการ โดยเป็นการพูดคุยสื่อสารด้วยภาษาถิ่น (ใต้) แต่ฝ่ายของลูกสาวคนเจ็บตอบกลับมาว่า “ไปว่ากันในชั้นศาล”

ขณะเดียวกันทีมข่าวตรวจสอบ ข้อความของ น.ส.จิรนันท์ ลูกสาวของน.ส.ยุพา ที่เข้าไปคอมเมนต์ และแปะภาพนิ่งของ น.ส.จิราวรรณ ภายในห้องที่เกิดเหตุแนบมาด้วย โดยระบุข้อความทำนองว่า (ภาษาใต้) "ไม่ตายสักเดียวอิเปรตนี้ มึงยังดวงดีที่กูโทรให้รถมารับ"

ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับฝ่ายของผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือทำร้าย น.ส.จิราวรรณ แก้วเพชร อายุ 39 ปี พบว่าบ้านของคนก่อเหตุอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามรางรถไฟสถานีวังวัว ในขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว มีนายบูรณ์ สามีของคนก่อเหตุ อาศัยอยู่ที่บ้าน กำลังเก็บกวาดบ้าน แต่เมื่อเจอกับทีมข่าวได้เดินหลบเข้าไปภายในบ้าน และปฏิเสธการให้สัมภาษณ์

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ยุพา หรือ แข้ง อายุ 55 ปี ภรรยาของนายบูรณ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาที่พาลูก 3 คน บุกทำร้ายน.ส.จิราวรรณ เปิดใจว่า ตนสังเกตพฤติกรรมของสามี หลังจากที่ออกจากบ้าน โดยใช้รถกระบะส่วนตัวขับออกไปในวันหยุด ซึ่งวันนั้นสามีอ้างว่ามีธุระต้องออกไปนอกบ้าน โดยจะไปที่จ.ตรัง ซึ่งสามีได้ขอเงิน จำนวน 5,000 บาทติดตัวไปด้วย ตนก็ได้ขอเงินจากลูกสาวเพื่อเอามาให้กับสามี นำไปใช้ติดตัวระหว่างเดินทาง

โดยรถของตนเป็นรถที่มีระบบ GPS สามารถดูแบบออนไลน์ได้ จากนั้นระหว่างทางขากลับพบว่า GPS ไปปรากฏอยู่ที่หลังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แต่ตนก็ได้สอบถามสามีว่าไปทำอะไร ตนจึงได้ซูมเข้าไปดูในระบบ GPS ก็พบว่าหลังปั๊มน้ำมัน มีรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ได้ออกอุบายให้สามีออกไปรับลูก ๆ ที่รออยู่ในห้างฯ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดินทางไปรับ หลังจากนั้นจึงได้ขับรถไปตาม GPS เห็นสามียืนเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องจุดเกิดเหตุ ตนจึงได้สอบถามสามีไปว่าทำอะไร แต่สามีก็ไม่บอก พยายามบ่ายเบี่ยง จากนั้นจึงได้เคาะประตู แต่ด้านไหนก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา

กระทั่งเวลาผ่านไป ลูกสาวและลูกชายได้ขับรถตามมาที่รีสอร์ต ก็ได้ช่วยกันพยายามเคาะประตูเปิดให้คนที่อยู่ด้านในเปิดออกมาพูดคุยกัน ซึ่งก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา จากนั้นลูกชายและลูกสาวจึงได้ตัดสินใจพังประตูเข้าไป ซึ่งสิ่งแรกที่เห็นก็พบว่าน.ส.จิราวรรณ นอนน้ำลายใหลที่มุมปาก นอนทับแขนตัวเองอยู่บนพื้น สภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้า มีเพียงแต่ผ้าขนหนู 1 ตัว ตอนนั้นตนไม่ได้เข้าไปทำร้ายร่างกาย แต่ยอมรับว่ามีอารมณ์โมโห ที่เปิดประตูเข้าไปด้านไหนแล้วเจอแบบนั้น เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยจับได้ว่าสามีแอบคุยกับหญิงคนนี้

โดยครั้งแรกก็ได้ตักเตือนและสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับสามีไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอนอนอยู่ในสภาพดังกล่าว อีกครั้งในวันดังกล่าวตนได้ไปตีที่หัวไหล แต่ไม่ได้รุนแรงจนถึงมีรอยช้ำเขียว เพียงแค่สะกิดถามว่าลงไปนอนทำอะไรบนพื้น เกิดอะไรขึ้น ไปไหนกันมา แต่เมื่อน.ส.จิราวรรณ พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดแต่คำว่า “เออ อา” ลักษณะลิ้นแข็ง ตนจึงไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร ประกอบกับลูกสาวและลูกชายสั่งห้ามไม่ให้เขาไปยุ่ง ตนก็ได้ถอยห่างออกมา พร้อมทั้งให้ลูกชายไปบอกเจ้าของรีสอร์ตเรียกกู้ภัยมารับตัวส่งโรงพยาบาล

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมีหลักฐาน ที่มีการถ่ายคลิปเอาไว้ทั้งหมด แต่ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะจะใช้ในการสู้ในชั้นศาล และยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายน.ส.จีราวรรณ เพราะวันนั้นไม่ได้สัมผัสหรือโดนตัว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตนใช้ไม้กวาดแทงอวัยวะเพศ น.ส.จีราวรรณ ขอยืนยันว่าภายในห้องไม่มีอะไรที่เป็นแท่งหรือเป็นลักษณะไม้ มีเพียงแค่ขาโต๊ะ อีกทั้งในที่เกิดเหตุก็ไม่ได้มีคราบเลือด ไม่ได้มีร่องรอยบริเวณอวัยวะเพศ 

ดังนั้นในฐานะผู้ถูกกล่าวหา พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย โดยเฉพาะเรื่องโทรศัพย์ที่เสียหาย แต่ทรัพย์สินอื่นของคนเจ็บตนไม่ได้แตะต้อง ดังนั้นจึงไม่กังวล ส่วนการช่วยเหลือและเยียวยา แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่สรุปคดี แต่ตนก็พร้อมจะช่วยเหลือเยียวยาตามความเหมาะสม ส่วนตัวอยากจะฝากถึงครอบครัวของคนเจ็บว่า มีความจริงอะไรก็ให้ออกมาพูดคุยกัน 

น.ส.จิรนันท์ ลูกสาวของ น.ส.ยุพา ในฐานะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และถูกกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า ตนยืนยันคำพูดของแม่ว่า ในวันดังกล่าวหลังจากที่เคาะประตูห้องภายในรีสอร์ต นานกว่า 20 นาที ด้านในไม่มีการเปิดประตูออกมา ตนจึงได้ตะโกนเข้าไปว่า “จะพังเข้าไปแล้วนะ” ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีใครตอบกลับออกมา จึงได้ตัดสินใจไปแจ้งกับทางเจ้าของรีสอร์ต เพื่อขอกุญแจสำรองมาเปิด

โดยเจ้าของรีสอร์ตเปิดกุญแจ แล้วพบว่ามีการล็อกจากด้านใน ไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้ ตนและพี่ชาย จึงได้ตัดสินใจพังประตูเข้าไป ซึ่งจังหวะที่ประตูล้มลง ในรัศมีไม่ได้โดนตัวของน.ส.จิราวรรณ ซึ่งหลังจากที่ประตูถูกพังลง แม่ของตนก็วิ่งตรงเข้าไปที่น.ส.จิราวรรณ แต่ตอนนั้นเจ้าตัวนอนอยู่บนพื้น สภาพมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัว 1 ฝืน ซึ่งนอนตะแคงเอามือขวาหนุนไว้ที่ศีรษะ เคลื่อนไหวไม่ได้ พูดจาไม่รู้เรื่อง น้ำลายไหลออกจากปาก ตนจึงตะโกนห้ามแม่ว่า “ห้ามทำอะไรเขา ห้ามทำร้ายคนที่เขาล้ม” ตนจึงยืนยันว่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าว ตน แม่ และพี่ชาย ไม่ได้มีใครแตะเนื้อต้องตัว หรือทำร้ายน.ส.จิราวรรณ 

ส่วนตัวยอมรับว่าครอบครัวได้ทำลายทรัพย์สินของน.ส.จิราวรรณจริง โดยแม่ได้ขว้างปามือถือสีขาวลงกับพื้น แต่ไม่โดนตัวของคนเจ็บ เพราะต้องการจะถอดซิมจากมือถือออกมา ดูรายละเอียดการโทรเข้าออก รวมถึงดูว่าหลังจากนี้จะแอบติดต่อกับพ่อหรือไม่ แต่ทรัพย์สินอื่น เช่น นาฬิกา ยืนยันว่าไม่ได้ขว้างปาหรือทุบตี

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนก็พร้อมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม เพราะเชื่อว่าตนและแม่ไม่ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.จิราวรรณ หากฟ้องมาตนก็พร้อมฟ้องกลับ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าไม่ได้กระทำการใด ๆ ที่ผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องของการเยียวยาสภาพจิตใจ และจ่ายค่ารักษาพยาบาล ตนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือครอบครัวของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ยังไม่รู้ความจริงก็ตาม เนื่องจากคนเจ็บยังไม่สามารถตื่นขึ้นมาพูดอะไรได้มาก ดังนั้นก็จะช่วยเหลือในฐานะมนุษยธรรม แต่ติดที่ว่าครอบครัวของผู้เสียหายไม่รับการติดต่อหรือให้ข้อมูล และถูกปฏิเสธมาตลอด