เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 64 น.ส.สุจิตตรา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี แม่ครัวของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ให้ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง เนื่องจากถูกกระทำอนาจาร และถูกพระรูปดังกล่าวโทรมาขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลไปยัง สภ.เมืองอุบลราชธานี ระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานแล้ว หลังจากนั้นจะเชิญตัวพระมาทำการให้ปากคำ
ล่าสุด วันที่ 25 มี.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัด ตำบลแจระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่พระรูปดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาส แต่ปรากฎว่าเจ้าอาวาสไม่อยู่ ส่วนพระลูกวัดก็ไม่ขอให้ข้อมูลใด ๆ ระบุว่าเป็นคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัด ห้ามพระให้ข้อมูล
นายอรุณ ดีลาสสง่างาม อายุ 81 ปี ไวยาวัจกรของวัด เป็นผู้ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับเจ้าอาวาส บอกว่าไม่เห็นเจ้าอาวาสมา 3 วันแล้ว เจ้าอาวาสที่วัดอยู่ที่นี่ประมาณ 10 ปี ตนเองเป็นผู้ไปนิมนต์จากวัดอื่นให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ เพราะเห็นว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดี ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่อยู่วัดแห่งนี้ ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีมาโดยตลอด เป็นพระนักพัฒนา ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย
ส่วนเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว ตนเองไม่เคยทราบมาก่อนว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร หลังจากเกิดเรื่องตนเองก็ได้เข้าไปสอบถาม ตัวเจ้าอาวาสก็บอกเพียงว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ไม่ได้อธิบายเรื่องราวใด ๆ ก่อนจะหายออกจากวัดไป ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเสียใจมาก เพราะหากท่านกระทำตามที่ถูกกล่าวหาจริงก็ถือเป็นเรื่องเสียหาย ตนก็รู้สึกผิดหวัง ส่วนผู้หญิงคู่กรณีมาทำงานเป็นแม่ครัวที่โรงเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำงานได้ไม่กี่เดือนก็ต้องลาออก เนื่องจากมีปัญหากับครูบางคนในโรงเรียน ส่วนเรื่องลักษณะนิสัย ตนเองไม่ขอพูดถึง
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้เรียกประชุมลูกบ้าน เนื่องจากทางวัดได้รับงบประมาณในการก่อสร้างศาลา แต่ในเมื่อเกิดเรื่องไม่ปกติ เจ้าอาวาสไม่อยู่ ทางชุมชนจึงต้องประชุมกันเพื่อหารือแนวทางการใช้จ่ายเงินดังกล่าว
นายนุ จันทร อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตนเองมีโอกาสได้ฟังคลิปเสียงที่ปรากฏผ่านสื่อแล้ว หากเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เป็นเรื่องเสียหาย แต่ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดมาก ถือเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ หลังจากเกิดเรื่องรองเจ้าคณะอำเภอได้เดินทางมาประชุมกับคณะสงฆ์ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเจ้าอาวาสก็เข้าประชุมด้วยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการเกี้ยวพาราสี เป็นอาบัติ แต่ยังไม่ถึงขั้นปาราชิก เพราะยังไม่มีหลักฐานว่ามีการสัมผัสตัว หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นเจ้าอาวาสอีกเลย
ทั้งนี้ อยากให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยการกระทำของพระเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดยั่วยุท่านหรือไม่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จะตรวจสอบต่อไป ส่วนตัวก็อยากให้เจ้าอาวาสกลับมาสะสางปัญหาของตัวเอง ไม่อยากให้หายไปแบบนี้ ตอนนี้ก็รู้สึกผิดหวัง เพราะที่ผ่านมาท่านเป็นพระปฏิบัติดี เป็นพระนักพัฒนา มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ส่วนผู้หญิงคู่กรณีตนเองก็รู้จัก