เด็ก ม.3 ถูกอริแปลกหน้านับสิบรุมทืบ บีบหัวใจพ่อสุดเดือดเห็นคลิปฉะพวกหมาหมู่ (คลิป)

กรณีโลกโซเชียลฯ แชร์คลิปนักเรียนชายชั้น ม.2 และ ม.3 ยกพวกทะเลาะวิวาทกัน หลังสถานีรถไฟ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยในคลิปเป็นภาพนักเรียนชายหลายสิบคนรุมทำร้ายนักเรียนชายคู่อริ และมีนักเรียนชาย 4 คน วิ่งหลบหนีออกมาจากกลุ่มทะเลาะวิวาทได้ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 25 มี.ค.64 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 26 มี.ค.64 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่บ้านคุ้มแสงทอง ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นายทองอินทร์ ป้องทัพไทย อายุ 47 ปี ผู้เป็นพ่อน้องสไปรท์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.3 ซึ่งถูกกลุ่มนักเรียนชายประมาณ 20 คน รุมทำร้าย เดินทางเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ผู้อำนวยการไปราชการ จึงได้พบเพียงแค่นายสุทธิพรรณ รัตนบุญทา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ จึงแจ้งให้ทราบว่าบุตรชายถูกนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งทางผู้ช่วยอำนวยการโรงเรียนแจ้งว่าโรงเรียนทราบเรื่องหลัง จากมีคลิปแชร์ในโซเชียลฯ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาตัวนักเรียน เพื่อนำส่งให้ตำรวจ สภ.บ้านไผ่

จากนั้นนายทองอินทร์ จึงพาลูกชายเดินทางไปยัง สภ.บ้านไผ่ ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านไผ่ ได้นำตัวนักเรียนชาย จำนวน 20 คน มาทำการสอบสวนที่ สภ.บ้านไผ่แล้ว

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุด ยังได้นำตัวนักเรียนชายอีกโรงเรียน จำนวน 5 คน เดินทาวมาถึงสภ.บ้านไผ่ เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สอบสวนนักเรียนทั้งหมด รวมถึงการตรวจปัสสาวะ ทำประวัติทุกคนไปพร้อม ๆ กัน

น้องสไปรท์ ได้พาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุด้วย โดยยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกับกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนแต่อย่างใด เมื่อมาถึงก็ถูกรุมทำร้าย ส่วนเพื่อนอีก 4 คนวิ่งหนีเอาตัวรอดไปได้ หลังเกิดเหตุจึงได้โทรศัพท์บอกพี่สาวให้ทราบเรื่อง ขณะนี้เบ้าตาขวาเขียวช้ำ ศีรษะบวมช้ำ แขนขามีรอยฟกช้ำ และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยากมีเรื่องกับเพื่อน ๆ

นายธนกร ถิ่นวงษ์แพง ตำแหน่งเสมียนสถานีรถไฟบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.64) เวลาประมาณ 16.00 น. ตนเห็นว่ามีกลุ่มนักเรียนชาย จำนวน 4 คนเข้ามานั่งที่ม้าหินอ่อนบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ มาจุดปะทัดเล่น ก่อนที่ตนจะเดินมาไล่ให้ออกไปเนื่องจากส่งเสียงรบกวน จากนั้นกลุ่มนักเรียน 4 คนก็เดินออกไป ซึ่งผ่านไปไม่ถึง 5 นาที กลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุทั้งหมดก็ยกพวกกันมาประมาณ 20 คน แล้วรุมทำร้ายตามที่ปรากฏในคลิป โดยไม่ได้พูดคุย ไม่ได้มีการตะโกนด่า ไม่ได้ส่งเสียงทะเลาะกันแต่อย่างใด

จังหวะนั้นตนเห็นเหตุการณ์ชุลมุน จึงตัดสินใจยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายไว้ ซึ่งเหตุที่ตนตัดสินใจถ่ายคลิปไว้เพราะเป็นเหตุรุนแรงที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับกลุ่มนักเรียน อีกทั้งขณะเกิดเหตุตนไม่ได้เข้าไปห้าม เนื่องจากอุ้มลูกอยู่ กระทั่งมีคนที่ร้านซ่อมรถ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเข้ามาห้ามไว้ เหตุการณ์จึงสงบลง แล้วกลุ่มนักเรียนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป

พ.ต.อ.พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้สอบสวนน้องสไปรท์ นักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า หลังทราบว่ามีเหตุการณ์นักเรียนรุมทำร้ายร่างกายกัน ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนแบ่งกำลังกันออกเป็น 3 ชุด เพื่อนำตัวนักเรียนที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุมาสอบสวน จึงทราบว่าน้องสไปรท์ ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนหรือรุ่นพี่แต่อย่างใด ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งเพื่อน จากนั้นก็ขี่รถกลับมาที่โรงเรียน ขณะขี่ผ่านประตูเข้าโรงเรียน มีกลุ่มนักเรียนชายรวมตัวกันอยู่ แต่ไม่ได้จอดรถและขี่ผ่านไป

กลุ่มนายเต้ จึงขี่รถตามประกบและบังคับให้จอดรถ นายเต้ บอกว่า "ถ้ามึงไม่อยากมีปัญหา มึงต้องไปเคลียร์กันให้มันจบ ๆ ที่หลังสถานีรถไฟ" จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนน้องสไปรท์ ผู้ปกครองจะพาไปตรวจร่าวกายซ้ำอีกครั้งที่ รพ.บ้านไผ่ จากนั้นก็จะต้องให้ปากคำกับทีมสหวิชาชีพตามขั้นตอนต่อไป 

สำหรับอาการบาดเจ็บของน้องสไปรท์ ใบหน้าบวมปวด มีสติดี ไม่ได้สลบ ก่อนเพื่อน ๆ ของผู้บาดเจ็บ จะพาขึ้นรถจักรยานยนต์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่มีการทำร้ายร่างกายกันในครั้งนี้ สรุปว่าเกิดจากฝ่ายน้องสไปรท์ขี่รถผ่านแล้วมองหน้าอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จึงต้องการเคลียร์ใจกัน แต่เพื่อนต่างโรงเรียนไม่เข้าใจ เมื่อเจอหน้าน้องสไปรท์ จึงเข้ารุมทำร้ายตามคลิปที่พลเมืองดีถ่ายเอาไว้ได้

นายทองอินทร์ ป้องทัพไทย พ่อของน้องสไปรท์ กล่าวว่า ตนทราบเรื่องลูกชายถูกทำร้าย หลังจากลูกสาวโทรศัพท์มาบอก จึงรีบพาลูกชายมาแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ และพาส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจร่างกายหลังเกิดเหตุทันที เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าเป็นเรื่องต่อสู้ตัวต่อตัว คือ วิสัยขอลูกผู้ชาย แต่การรุมทำร้ายเช่นนี้ หากเกิดพลาดถึงขั้นเสียชีวิตใครจะรับผิดชอบ ตนอยากให้ตำรวจสืบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย และฝากถึงผู้ปกครองว่าไม่ต้องมาขอโทษ แต่ขอให้ทุก ๆ คนช่วยอบรมสั่งสอนลูกหลานตัวเองว่าอย่าก่อเหตุขึ้นอีก