กรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย v plus" โพสต์ข้อความระบุว่า "อดีตแฟนแค้น รอหน้าผับเอาอุจจาระสุนัขขยี้หัว หน้ากระแทกจนจมูกเบี้ยว ฝากเป็นอุทาหรณ์ด้วย แต่ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรง เข้าใจทั้งสองฝ่ายค่ะ แฟนเก่าเอาขันใส่อุจจาระสุนัข ขยี้ใส่หัวอดีตแฟนสาวจนล้มลงไปกับพื้น ด่าทอด้วยคำหยาบและเอาอุจจาระเข้าไปขยี้หัวซ้ำอีก และยังพูดความในใจว่าทุ่มเทให้เงินทองไปเยอะ เพื่อให้ไปศัลยกรรม แต่กลับถูกไปแอบคบหากับชายคนใหม่และหลอกเอาทรัพย์สินจากแม่ของเขาไปอีกด้วย แต่ก็ต้องฟังฝ่ายหญิงด้วยนะคะ ว่าจริงเท็จอย่างไร เรื่องนี้ต้องฟังทั้งสองค่ะ เหตุเกิดที่ลานจอดรถ ด้านหลังผับชื่อดัง บางใหญ่ นนทบุรี" ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายนพรรษ วงษ์หาญ หรือ แซม ฉายา "แซบ อรรถรส"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รู้ตัวแล้ว! หนุ่มละเลงขี้หมาราดหัวแฟนเก่าฉุนเปย์หนักยังโดนทิ้ง สาวแจ้งจับตีจนจมูกเบี้ยว
วันที่ 2 เม.ย. 64 เวลา 11.00 น. ที่ สภ.บางใหญ่ น.ส.นิชนันท์ หรือ มิ้น เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่พบตำตรวจได้ถูกสอบปากคำ ส่วนของการจะดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทและแชร์ข้อความ เป็นเหตุทำให้เสียหายและเสียชื่อเสียง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปรากฏในคลิป ตนคาดว่านายแซมน่าจะมีอาการเมายาเค แล้วมาทำร้ายร่างกายตน ซึ่งที่ผ่านมาเขามักมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดอยู่เสมอ พ้นโทษก็กลับมายุ่งเกี่ยวอีก ส่วนสาเหตุที่เข้าใจว่าตนมีแฟนใหม่ คาดว่ากลุ่มเพื่อนของเขาอาจแอบอ้างยุยงให้เลิกลากัน ส่วนตัวแล้วยืนยันว่าไม่ได้นอกใจหรือมีใคร
ในวันที่เกิดเหตุนายแซมมีพฤติกรรมนำพวกไปรุมล้อม และประกาศไม่ให้คนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว จากนั้นเดินปรี่เข้ามาข้างหลังตน นำอุจจาระสุนัขมาขยี้ศีรษะ ยอมรับว่าเหม็นและวูบไป แต่ตนไม่ได้มึนเมา จากนั้นเพื่อนของตนได้พาไปล้างที่ห้องน้ำ ก่อนจะไปพบแพทย์ ยอมรับว่าภายหลังจากเกิดเหตุตนเสียใจ ยอมรับว่าเมื่อช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีการระหองระแหงกัน เนื่องจากตนจับได้ว่าเขากำลังจะกลับไปหาแฟนเก่า และยังมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดกว่าว่าจะถูกดำเนินคดีไปด้วย และต่อจากนี้ขอไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนายแซมอีก หากมาง้อคืนดีก็คงไม่กลับไปแล้ว ตนไม่เหลือเยื่อใย หมดรักแล้ว
ทั้งนี้ ตนที่คบหาดูใจกับนายแซมตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งเขาถูกจับกุมคดียาเสพติดในซอยบ้านของตน พ้นโทษออกมาในปี 2562 ตนได้ไปเยี่ยมตลอด แต่ยอมรับว่าออกมาอยู่ข้างนอกเพื่อความสบายใจ ตนได้ทะเลาะกับน้องชายของนายแซม เพราะกล่าวหาว่าตนมาหลอกรีดไถเงินจากพี่ชายของเขา ที่ผ่านมาตนหาเงินเอง ไม่ได้เกาะใครกิน ก่อนหน้าที่ตนจะมาคบนายแซมทำงานเป็นพีอาร์โทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง เมื่อแต่งงานกันแล้วก็ได้ออกมาเปิดร้านขายของหายรายได้
สำหรับเรื่องศัลยกรรม ตนศัลยกรรมจมูกก่อนคบหาดูใจกับนายแซม ตามด้วยทำหน้าอก 335 ซีซี ราคา 86,000 บาท ซึ่งเป็นเงินแชร์ที่ตนได้มาจากเพื่อนจำนวน 100,000 บาท นอกจากนี้ ภายหลังจากที่นายแซมติดคุก ตนได้เสริมหน้าผากและเสริมจมูกอีกครั้ง ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นเงินของตน ไม่ใช่เงินของเขา อย่างไรก็ตาม กรณีที่แอบอ้างว่าตนนั้นนำรถของแม่เขาไปขาย ก็ให้ไปแจ้งความได้ รถคันดังกล่าวเป็นชื่อแม่ของเขา ตนจะเอาไปขายได้อย่างไร ถึงแม้จะผิดจะถูกก็ไม่สมควรที่จะมาทำร้ายร่างกายตน
นายณภรรษ หรือ แซม อายุ 34 ปี ผู้ก่อเหตุ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ผู้เสียหายได้โทรมาเยาะเย้ย ท้าให้ตนไปแจ้งความ หลังจากที่ตนทราบว่าผู้เสียหายได้นำรถกระบะที่แม่ของตนออกให้ไปขาย พร้อมทั้งยังกล่าวอ้างว่ารอบคอบ มีหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งขณะนั้นตนคิดว่าจะใช้อาวุธปืนก่อเหตุ แต่สงสารครอบครัว และหากรุมกระทืบก็กลัวว่าจะติดคุก กระทั่งช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ปิ๊งไอเดียคิดว่าตัวเองมีฟาร์มสุนัข จึงจะใช้สิ่งปฏิกูลของสุนัขชำระแค้น แต่ก่อนหน้านั้น คิดว่าจะเอาสิ่งปฏิกูลของตัวเองไปก่อเหตุ แต่ทานเท่าไรแล้วก็ไม่ปวดท้อง จึงได้ใช้สิ่งปฏิกูลของสุนัขแทน ซึ่งถือว่าผู้เสียหายโชคดีที่ได้สิ่งปฏิกูลของสุนัขที่เลี้ยงไว้ 3 ตัว ซึ่งหากขายก็ได้ 100,000 บาท
จากนั้นได้ไปฟาร์มสุนัข ตนเห็นกองสิ่งปฏิกูล 2 กอง เหม็นมาก ๆ ยังเหลวอยู่เล็กน้อย ตนหยิบเข้าใส่ในขันน้ำ และได้ตามหาตัวผู้เสียหาย กระทั่งพบว่าผู้เสียหายอยู่หน้าผับ ตนจึงเดินปรี่เข้าไปหาใช้สิ่งปฏิกูลหยิบด้วยมือเปล่าไปขยี้ตรงบริเวณศีรษะของผู้เสียหาย ตนขอชี้แจงว่าตนไม่ได้ผลักกระชากลากถู แต่ภาพที่ปรากฏอาจจะดูรุนแรง เพราะผู้เสียหายมีอาการมึนเมา
สำหรับกรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่าตนดมเคแล้วมีอาการมึนเมา หึงหวง จึงได้ไปก่อเหตุ ตนขอปฏิเสธ ตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว และไม่ได้มีพฤติกรรมที่หึงหวง การที่ตนก่อเหตุเพื่อชำระแค้น โดยตนคบหาดูใจกันมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันนี้ ที่ตัดสินใจคบหาดูใจกัน เนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้หญิงที่ขยันทำมาหากิน อีกทั้งที่อ้างว่าเงินที่ใช้ในการทำศัลยกรรมไม่ว่าจะเป็นนม จมูก หน้าผาก หรืออื่น ๆ เป็นเงินของเขานั้น ไม่ใช่ความจริง ตนอยากให้ผู้เสียหายกลับย้อนไปคิดว่าก่อนที่ตนจะถูกจับกุมตัวนั้น ตนได้ฝากทอง 30-40 บาทไว้ให้ พ้นโทษออกมาทองทั้งหมดกลับไม่มี อย่างไรก็ตาม ตนขอไม่ฝากอะไรถึงผู้เสียหาย เพราะโตกันแล้ว แต่ตนอยากจะวิงวอนให้นำรถคันดังกล่าวกลับมาคืน "ยืนยันว่าจะไม่กลับไปคืนดี เข็ดแล้วกับความรักครั้งนี้"
นางธัญกมล วงษ์หาญ อายุ 56 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุช่วงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 27 มี.ค. 64 ลูกชายและเพื่อนได้กลับมาที่บ้าน ตนได้นอนหลับพักผ่อนได้ยินเสียงเพื่อนลูกชายคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงรีบลุกออกมาจากที่นอน ทราบว่าลูกชายได้ไปรอฝ่ายหญิงที่หน้าผับ เตรียมอุจจาระสุนัขไปก่อเหตุ หากตนรู้ว่าลูกชายจะไปกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็จะตักเตือนไม่ให้ไป แต่ยอมรับว่าลูกชายบันดาลโทสะ ส่วนสาเหตุไม่ใช่เรื่องหึงหวง ไม่ได้ดมเคแล้วไปอาละวาด แต่เกิดจากเรื่องรถกระบะที่คาดว่าผู้หญิงนำไปขายในเฟซบุ๊ก กระทั่งมีไฟแนนซ์มาทวงเงินตน
โดยรถกระบะเป็นชื่อของตน เนื่องจากบัญชีการเงินมีความน่าเชื่อถือ แต่ออกให้กับลูกชายเอาไว้ค้าขายกับแฟนสาว ด้วยความที่ตนรักและเอ็นดูลูกชายและผู้หญิง จึงได้ไปกู้เงินของสหกรณ์มา 200,000 บาท จากนั้นได้เจียดเงินจำนวน 100,000 บาท ไปดาวน์รถกระบะให้ เพราะกลัวว่าหากดาวน์น้อยจะต้องผ่อนชำระเงินรายเดือนจำนวนมาก หลังจากที่ดาวน์รถกระบะออกมาแล้ว ลูกชายของตนถูกจับกุมตัวเกี่ยวกับยาเค ฝ่ายหญิงเป็นคนผ่อนชำระรถเดือนละ 12,000 บาท โดยผ่อนได้ 12-13 เดือน เริ่มผ่อนไม่ไหว จึงมาพูดคุยกับตนว่ากระบะคันดังกล่าวจะให้ญาติของเขาที่มีอาชีพเกี่ยวกับค้าขายเนื้อวัวเป็นคนผ่อนชำระต่อ ขอให้ตนเซ็นเอกสารให้ ด้วยความที่ตนนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องฉีดมอร์ฟินจึงทำให้เบลอ ยอมเซ็นเอกสารให้
นอกจากนี้ ตนไม่มั่นใจว่าเขาจะปลอมลายเซ็นในสำเนาบัตรประชาชนของตนหรือไม่ พร้อมทั้งยังพาตนไปถ่ายรูปคู่กับรถกระบะคันดังกล่าว ที่ผ่านมาตนคิดเสมอว่านผู้หญิงได้นำรถกระบะไปขายให้กับญาติ แต่เมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา เขาได้มาเก็บของที่บ้าน และได้บอกว่าเลิกกับลูกชาย ลูกชายบอกให้ตนถามไถ่เรื่องเอกสารรถกระบะ ฝ่ายหญิงได้มองมาที่ตนด้วยสายตาที่ดุ เอ่ยปากว่าจะจัดการให้ทีหลัง กระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไฟแนนซ์เข้ามาทวงเงินที่บ้าน เนื่องจากค้างชำระจ่ายค่างวดรถ 1 เดือน 14,000 บาท ตนตกใจ และได้ไปถามไถ่ฝ่านหญิงพบว่ามีการนำรถไปขายในเฟซบุ๊ก และได้ถอดอะไหล่รถไปขายเป็นชิ้นส่วนแล้ว ยอมรับว่าตกใจมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
นางธัญกมล ร่ำไห้ยกมือไหว้ ขอให้คนที่เอารถกระบะไปวิงวอนปรากฏตัว ตนยินดีที่จะเปลี่ยนชื่อครอบครองรถให้ พร้อมทั้งจะไม่ดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม อยากให้เห็นใจและรับรู้ว่าที่ผ่านมาลูกชายรักฝ่ายหญิงมาก อยากได้เงินเท่าไรก็หามาให้ คาดว่าลูกชายคงไม่กลับไปคืนดีอีกแล้ว ส่วนตนก็ไม่ยินยออมให้กลับไปเช่นกัน