กรณีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบ แล้วพบว่ามีผู้พักอาศัยจำนวน 8 คน และให้การช่วยเหลือลงมาแล้ว 7 คน เมื่อเวลา 05.45 น. ของวันที่ 3 เม.ย.64
แต่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการภายในอาคาร เพื่อค้นหาผู้ติดค้างภายในบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน 1 คน และมีรายงานในขณะว่าเสียชีวิตแล้ว จู่ ๆ อาคารดังกล่าวได้เกิดการทรุดตัว และถล่มลงมาทับเจ้าหน้าที่หลายราย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 3 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไป รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม โดยได้พูดคุยกับ นายสุรศักดิ์ เปลี่ยนกลัด อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย หน่วยนครธน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนกู้ภัย เวลาประมาณ 06.00 น. ว่าเห็นควันบริเวณหมู่บ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นตนจึงรีบขับรถดับเพลิงขนาดเล็กไปตรวจสอบ เพียงคนเดียว โดยตนเป็นชุดแรกที่ไปถึง เมื่อใกล้ถึงก็เห็นกลุ่มควันแต่ไกล เมื่อไปถึงไฟได้โหมไหม้หน้าบ้านหมดแล้ว
ทั้งนี้ตนสังเกตว่าอาคารเริ่มมีรอยแตกร้าว และช่วงแรกตนพยายามเซฟตัวเองไม่เข้าไปในตัวอาคาร กระทั่งทีมที่มาเพิ่มเติมได้เข้าไปช่วยข้างหลังบ้าน ก่อนจะช่วยคนในบ้านได้อีก 1 คน ต่อมามีคนมาขอความช่วยเหลือบอกว่ามีญาติติดอยู่ด้านบน ตนจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือ โดยเดินทางเข้าไปกับนายวีรพล ซึ่งเป็นอาสาอีกคนหนึ่ง โดยใช้บันไดพาดบริเวณหน้าต่างหน้าบ้าน เข้าไปชั้นสองของตัวบ้าน โดยเจอห้องนอนก่อน จากนั้นวีรพล จึงเดินไปที่ห้องน้ำ และไปเจอศพอยู่ในห้องน้ำ แต่ตนยังอยู่ด้านนอกห้องน้ำ ขณะนั้นเองนายวีรพล ก็มีการตะโกนออกมายืนยันว่าพบเสียชีวิตอีก 1 ราย แต่นายวีรพล ก็ยังไม่เดินออกมา ตนกังวลในความปลอดภัยจึงตัดสินใจเข้าไปตามนายวีรพล และพยายามจะชวนให้นายวีรพล ออกมา จังหวะนั้นเข้าไปไม่ถึง 5 นาที อาคารก็ถล่ม
นายสุรศักดิ์ บอกว่า ขณะที่ตนกำลังจะออกจากตึกแต่ก็ไม่ทัน ไม่ได้ยินเสียงเตือนก่อนเลยว่าอาคารจะถล่ม แต่หากได้ยินก็คงหนีไปไหนไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ตนถูกคานปูนของบ้านทับบริเวณหลัง และแขน ล้มลงในท่านั่งพับเพียบ ตัวของนายวีรพล ก็ถูกคานปูนทับเช่น แต่โดนไม่มาก ขณะนั้นตนและนายวีรพล ก็จับมือกันตลอด มีสอบถามกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง และให้ใจเย็น ๆ ซึ่งขณะนั้นติดภายใน 3 ชั่วโมง ด้วยเวลานานและถูกกดทับทั้งหลังถึงสะโพกขยับไม่ได้ และยังมีทีวีรวมถึงที่นอนภายในบ้านทับตัวอยู่รอบข้าง ซึ่งตั้งแต่ช่วงที่อาคารถล่มตนมีสติตลอด เพราะบริเวณศีรษะไม่ได้รับการกระแทก เพราะใส่หมวกนิรภัย โดยส่วนใหญ่จะบาดเจ็บที่ช่วงล่าง กระทั่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วย และโชคดีมีช่องเป็นโพรงอยู่ จึงยังสามารถที่จะขอความช่วยเหลือได้ โดยค่อย ๆ ดึงตัวออกมาได้สำเร็จ ทั้งตนและนายวีรพล ก่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาล
โดยมีบางคนถามว่าทำไมไม่กระโดดออกมา ตนขอตอบว่า "ตึกมันถล่มลงมาเร็วมาก" ตนทำงานอาสาบรรเทาบรรเทาสาธารณภัยมาตั้งแต่ ม.1 ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้ก็ถือเป็นอุทาหรณ์ให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังตัวให้มากที่สุด ตนยอมรับว่าเสียใจ เพราะผู้เสียชีวิตก็เป็นคนที่ตนเคยร่วมงานด้วย ส่วนอาการบาดเจ็บของตนยังเจ็บบริเวณสะโพก ขาและแขนไม่มีความรู้สึก ส่วนเท้าด้านซ้ายพอง เนื่องจากถูกความร้อน ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเอกซเรย์แล้วไม่พบส่วนใดหัก และต้องรอพักฟื้นต่อไป
ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้และอาคารถล่ม ภายในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เปิดเผยว่า หลังจากนี้ต้องตรวจสอบว่าจุดใดที่โครงสร้างเสถียร จึงจะส่งเจ้าหน้าที่ไปจุดนั้นเพื่อช่วยเหลือผู้ติดอยู่ภายใน โดยการดำเนินการหลังจากนี้ ต้องไม่ทำให้โครงสร้างของตึกสูญเสียเสถียรภาพจากที่เป็นอยู่เดิม ซึ่งไม่สามารถนำอิฐหรือปูนที่ขวางทางออกได้ เพราะจะทำให้ถล่ม เกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ด้านในได้ จากการคาดการณ์ ขณะนี้คาดว่ามีการตรวจพบสัญญาณชีพอยู่ 1 จุด ฉะนั้น เพื่อเป็นการยืนยันจะต้องเจาะลงไปในจุดนั้น
นายธเนศ ยอมรับว่า การช่วยเหลือผู้ติดอยู่ภายในเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอาคารมีหลายชั้น และมีการทับถมกันลงมา จึงไม่ทราบว่าผู้ติดอยู่ภายในอยู่จุดใด ไม่สามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปได้ถูกจุด ซึ่งแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้ขณะนี้ คือ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปจากด้านบน เพราะด้านหลัง ถึงแม้จะเข้าไปได้แต่ยังมีเพลิงไหม้ลุกอยู่ และเมื่อเพลิงสงบต้องเจาะแบบเบาเท่านั้น เพราะเกรงว่าโครงสร้างจะได้รับแรงสั่นสะเทือนจนเสียหาย
ทั้งนี้จากข้อมูลเบื้องต้น คาดว่าผู้ติดอยู่ข้างในมีประมาณ 5 คน ซึ่ง 2 คน คาดว่าเสียชีวิต ส่วนอีก 3 คนยังไม่ทราบสัญญาณชีพ อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดจะต้องเร่งช่วยเหลือผู้ติดอยู่ภายในก่อน และไม่ถึงขั้นต้องอพยพประชาชนที่อาศัยบริเวณใกล้เคียง เพราะลักษณะการถล่มเป็นการเอนมาด้านหน้า แต่หากสถานการณ์ไม่ปลอดภัย จะต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ต่อไป
เปิดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอาคารเลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 ถล่มจากเหตุเพลิงไหม้ ตั้งแต่เวลา 05.50 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุไฟไหม้ มีคนอยู่ในบ้าน 8 คน ชาย 4 หญิง 4
เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ควบคุมเพลิง ช่วยออกมาได้ 7 คน จากนั้นจึงเข้าไปหาเพิ่มเติมว่า มีใครอยู่อีกหรือไม่ อีกทีมเข้าไปฉีดน้ำในตัวบ้านให้ดับสนิท
เวลา 06.30 ผอ.เขตเหนือสาสมัครบรรเทาสาธารณะภัย พร้อมด้วยทีมงานด้านนอกประกาศเตือนให้ถอนกำลัง เพราะเสี่ยงที่อาคารจะถล่ม ทีมงานด้านในเริ่มทยอยเก็บอุปกรณ์เพื่อถอนกำลัง
เวลา 07.00 น. อาคารได้ถล่มลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ติดอยู่ภายในซากอาคาร
เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าพื้นที่ เริ่มปฏิบัติการ ใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง ฉีดน้ำเลี้ยงไฟด้านหลังอาคาร พบผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นอาสา ปภ. นำศพไว้ฝั่งตรงข้ามอาคาร ผู้บาดเจ็บสาหัส 7 คน นำส่ง รพ.ราชพิพัฒน์ 2 ราย, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก 2 ราย, รพ.หัวเฉียว 1 ราย, รพ.ธนบุรี 2 ราย
เวลา 09.00 น. พบอาสาสมัครฝั่งธนบุรี 27 รับบาดเจ็บ ถูกอาคารทับอยู่ด้านหน้าอาคาร ใช้เครื่องมือตัดถ่างพยายามช่วยชีวิตออกมา หน่วยปฐมพยาบาลนำออกซิเจนปฐมพยาบาลช่วยผู้บาดเจ็บเบื้อง
เวลา 09.45 น. ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์
เวลา 10.00 น. ดึงร่างผู้บาดเจ็บออกมาได้ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่ง รพ.วิชัยเวช หนองแขม ทราบชื่อสุรศักดิ์ เปลี่ยนกรัด อายุ 32 ปี อาสาฝั่งธนบุรี 27
เวลา 10.15 น. ตั้งกองอำนวยการร่วมด้านข้างอาคาร
เวลา 11.30 น. ใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษ (เครื่องวัดสัญญาณชีพ) สำรวจจำนวนผู้บาดแผลที่ติดค้างในอาคาร ก่อนจะประกาศยุติการใช้เสียง ปิดวิทยุสื่อสาร งดการเคลื่อน เพื่อฟังสัญญาณชีพผู้ติดอยู่ในอาคาร
เวลา 12.00 น. นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. ลงพื้นที่ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
เวลา 13.00 น. ปฏิบัติการกู้ร่างผู้ติดอยู่ในอาคาร รอบที่ 2
เวลา 13.45 น. หลังนิติเวชชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น จากนั้นเคลื่อนย้ายร่างไปที่นิติเวช รพ.ศิริราช ญาติแจงว่าจะนำศพนายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี ไปประกอบพิธีการทางศาสนา ที่วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี
เวลา 14.50 น. ยุติการใช้เสียงอีกครั้ง เพื่อจับสัญญาณชีพอีก 1 รอบ แต่เบื้องต้น กทม.รายงานว่าผู้ที่ยังติดในอาคาร 4 ราย เสียชีวิตแล้วทั้งหมดดังนี้
1.นายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี อาสา
2.นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี อาสา
3.นายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี (เลขาเอมนิเนียน)
4.นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี อาสา
หลังจากช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้ เครื่องตรวจสอบสัญญาณความเคลื่อนไหว, เสียง, สอบสัญญาณชีพใต้ซากอาคาร นานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ซ้ำ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยืนยันผู้ที่ติดค้างใต้อาคาร จำนวน 4 ราย เสียชีวิตแล้วทั้งหมด
โดยปฏิบัติการกู้ร่างใต้ซากอาคารเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากซากอาคารยังมีไฟคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องฉีดโฟมอัดเข้าไปภายใต้สร้างอาคาร เพื่อควบคุมเพลิงอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำทีมสุนัขกู้ภัยแห่งชาติหรือ K9 เข้ามาเสริมปฏิบัติการ ค้นหาผู้รอดชีวิต ตามพบสัญญาณชีพก่อนหน้านี้ แต่หลังจาก 14.30 น. สัญญาณชีพ ขาดหายไป จนถึงเวลา 17.00 ผ่านไปแล้วกว่า 11 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพออกจากใต้สะพานได้ ก่อนจะประกาศงดใช้เสียงและความเคลื่อนไหวทุกชนิด เพราะว่าจะมีสัญญาณของผู้ที่ติดค้างภายในอาคาร จากนั้นเพียง 5 นาที ทีมค้นหาได้ตะโกนว่า “ผู้ประสบภัย ถ้าได้ยินเสียงแล้วให้ตอบรับด้วยครับ” โดยประกาศย้ำไม่ต่ำกว่า 5 รอบ
สำหรับบ้านหลังดังกล่าว เจ้าของบ้าน คือ นายอดิสรณ์ โสภา หรือที่คนละแวกดังกล่าวเรียกว่า "บ้านมินเนี่ยน" แต่ขณะนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนที่เกิดเพลิงไหม้เป็นที่ตั้งของโรงงาน ปรากฎอยู่ในคลิปที่มีกลุ่มคนแต่งกายในชุดมินเนี่ยน แล้วออกมาทำกิจกรรมอยู่ภายในบ้าน และติดป้ายต่อต้านเนื่องจากมีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน
โดยบ้านจะแยกเป็น 2 หลัง บ้านที่อยู่บนเกาะกับบ้านที่อยู่ติดถนน 2 เฉพาะบ้านที่อยู่ติดถนนค่าเสียหายประมาณ 6 ล้าน ทรัพย์สินในบ้าน ประมาณ 4 ล้านขึ้นไป รวมแล้วเสียหายมากกว่า 10 ล้าน
อย่างไรก็ตาม นายอดิสรณ์ โสภา หรือ เอ มินเนี่ยน ยังโพสต์เฟชบุ๊ก A Adisorn Sopha ถึงน้องชายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า "หลับให้สบายครับทอมมี่น้องรัก ทอมมี่เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ มาเป็นเลขาฯ พี่เอด้านธุรกิจระหว่างประเทศ งานล่าสุดที่ยังดำเนินการอยู่คือธุรกิจกับทางยุโรป เดี๋ยวพี่เอทำต่อเองนะไม่ต้องห่วง ตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 เป็นต้นมา ทอมมี่มาขอลาออกหลายครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าทำอะไรให้พี่เอก็ขาดทุน สินค้าตกค้าง การตลาดผิดเป้าหมาย"