จากกรณีพระสงฆ์ที่ธุดงค์เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานภายในถ้ำพระไทรงาม หมู่ 8 บ้านดงงูใหม่ ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ติดอยู่ภายในถ้ำเนื่องจากมีน้ำป่าท่วมบริเวณปากถ้ำ-ภายในถ้ำนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ระดมคนครึ่งพันช่วยพระธุดงค์ติดถ้ำ สื่อบุกจุดวิกฤตน้ำป่าทะลักปิดทางออก
วันที่ 7 เม.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ ถ้ำพระไทรงาม หมู่ 8 บ้านดงงูใหม่ ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เวลาประมาณ 7.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ด้านหน้าถ้ำพระไทรงาม ได้แก่ ชุดทีมดำน้ำ 2 ทีม คือ กู้ภัยประสาทบุญสถาน พิษณุโลก 3 คน และมูลนิธิรักษาเพื่อนพึ่งพา 3 คน ,ทีมเซฟตี้อีก 8 คน
ทีมพยาบาลอีก 2 ทีม คือ รพ.เนินมะปราง 1 คน และหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก 1 คน เจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติการ เวลาประมาณ 9.00 น. ได้เดินทางเข้าไป บริเวณโถงสุดท้าย ก่อนถึงหินย้อย และทุกทีมแสตนบายบริเวณพื้นผิวน้ำ โดยหน่วยกู้ภัยเข้าไปก่อน และหลังจากที่หน่วยกู้ภัยพบพระมนัส ทีมเซฟตี้ได้ตามเข้าไป ส่วนพยาบาลรออยู่ด้านนอก ทางกู้ภัยรักษาเพื่อนพึ่งพาฯ มีเครื่องมือสำหรับการดำน้ำครบชุด ไม่ต้องดำเนินการสูบน้ำ
นายวีระพงษ์ ใจกล่ำ เจ้าหน้าที่ประดาน้ำ มูลนิธิประสาทบุญสถาน พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งความยุ่งยากยังคงมีเหมือนเดิม และมีแค่ระดับน้ำที่ลดลงไปประมาณ 10 ซม. ระยะทางจากปากถ้ำเข้าไปในถ้ำ 30 เมตร และจุดที่เจอคือ บริเวณเนินทรายด้านบน ความสูงชันประมาณ 15 เมตร ส่วนระดับน้ำมีความสูงพอสมควร มีน้ำจากด้านในที่ไหลออกมาด้านนอกอยู่ตลอด
เริ่มแรกมีเจ้าหน้าที่จำนวน 2 คนดำน้ำลงไป และใช้เชือกลอกเพื่อทำไลน์ให้นักประดาน้ำดำน้ำเข้าไปด้านใน ก่อนจะขึ้นมาและรออยู่ด้านบน จากนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนพึ่งพาฯได้ลงไปอีก 2 คน และพบกับพระมนัส
โดยนายชาญชัย หนึ่งในเจ้าหน้าที่ได้ดำนำออกมาเพื่อมาเอาชุดประดาน้ำ และเดินทางไปพร้อมเจ้าหน้าที่อีก 2 คน จากนั้นได้สอนให้พระมนัสใช้อุปกรณ์ดำน้ำ ซึ่งพระมนัสเคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องยาก ระหว่างที่พาออกมา พระมนัสได้อยู่ตรงกลาง มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยประกบหน้า 2 คน และหลัง 2 คน ในลักษณะประชิดตัว พยุงกันออกมาตามเชือก ทั้งนี้มีอุปสรรคคือแสงสว่างน้อย และมีหินเล็กหินน้ย
สำหรับอุปกรณ์ของนักประดาน้ำคือ ชุดดำน้ำ 1 ชุด เข็มขัดตะกั่วดำน้ำ 4 ก่อน แมสก์สำหรับดำน้ำ และเรคกูเลตอร์ (อุปกรณ์หายใจ) และถังออกซิเจน
มีการการสอนหายใจในน้ำ ใช้เวลา 20 นาที การดำน้ำออกมาใช้เวลา 5-10 นาที ซึ่งน้ำลึก 3-8 เมตร ทั้งนี้ ไม่สามารถระบุความสูงได้อย่างชัดเจน เนื่องจากลักษณะเป็นโค้งเหวกระทะ ทำให้พื้นผิวถ้ำมีความสูงชันไม่เท่ากัน เพราะอุโมงค์ทางเข้าถ้ำค่อนข้างจะมีทางโค้งเยอะ และมีหินย้อย โถงถ้ำระดับน้ำถึงปากถ้ำด้านบนสูง 1.50 เมตร และถ้ำกว้าง 2 เมตร
กระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือพระมนัส พระธุดงค์ที่ติดอยู่ในถ้ำ ออกมาจากในถ้ำได้สำเร็จ
พระมนัสเดินเท้าออกมาจากถ้ำ โดยมีผ้าห่มฟ้าอ่อนคลุมตัว มีอาการอ่อนแรงเล็กน้อย ก่อนเจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นเปลนอนบนรถพยาบาล พร้อมวัดไข้และวัดความดัน ความดันอยู่ที่ 140/70 ถือว่าเป็นเกณฑ์ปกติ และให้น้ำเกลือแล้วจึงนำตัวออกไปจากปากถ้ำ เพื่อดูแลที่โรงพยาบาลเนินมะปรางต่อไป
หลังจากพระอาจารย์มนัสถูกส่งตัวมารักษา ได้เปิดเผยถึงวินาทีเอาตัวรอดว่า ขณะที่กำลังนั่งวิปัสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ ซึ่งอาตมาจำวันและเวลาไม่ได้ รู้สึกว่าน้ำไหลเข้ามา ตอนนั้นอาตมาพยายามจะหนีออกด้านหน้าปากถ้ำ แต่ปรากฎว่าน้ำไหลเเรง เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถออกได้ จึงเดินไต่ขึ้นที่สูงไปเรื่อย ๆ
ซึ่งในใจตอนนั้นคิดว่าตัวเองคงไม่รอด เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะออกจากถ้ำ แต่เนื่องด้วยตนเองฝึกกรรมฐานมานาน จึงสามารถข่มจิตใจตัวเองไม่ให้หวาดกลัว พร้อมที่จะตายได้ ตอนนั้นอาตมาได้นั่งสมาธิ เพราะหวังว่าหากจะตายก็ขอให้ตายในฌาณ จะได้ไม่ทรมาน คิดเพียงว่าคนเราถ้าถึงคราวตาย อยู่ที่ไหนก็ตาย
ขณะเดียวกันก็ได้อฐิษฐานว่า "หากยังพอมีบุญแล้วมีชีวิตรอดออกไปได้ จะไปทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรมให้ดียิ่ ๆ ขึ้นไป" ซึ่งระหว่างอยู่ในถ้ำ อาตมาก็ปฏิบัติกิจสงฆ์ตามปกติ ทั้งสวดมนต์ ทำวัตรเช้าเย็น นั่งสมาธิ
สำหรับการประทังชีวิต มีเสบียงติดตัวคือ ถั่วเเผ่น คุกกี้สิงคโปร์ น้ำดื่ม 5 ขวด ซึ่งเพียงพอจะประทังชีวิตได้ 1 สัปดาห์ เพราะอาตมาฉันอาหารมื้อเดียว
โดยขณะอยู่ในถ้ำ ได้ฉันถั่วแผ่นวันละ 2 แผ่น ฉันคุกกี้วันละ 5 ชิ้น ส่วนน้ำดื่มใช้วิธีการค่อย ๆ จิบ หลังจากน้ำที่เตรียมมาหมด ก็ได้รองน้ำที่ไหลผ่านซอกหิน โดยใช้ผ้าจีวรกรองตะกอนใช้ดื่มประทังชีวิต นอกจากนี้ ยังมีไม้ขีดกับเทียนไข ที่ใช้เป็นแสงสว่างในถ้ำได้ แต่ก็ใช้อย่างประหยัดที่สุด
ทั้งนี้ อาตมาขอฝากไปถึงลูกศิษย์หรือญาติโยมว่าไม่ต้องเป็นห่วง อาตมาปลอดภัยเเล้ว สบายดี ที่สำคัญต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือ ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าที่มามากมายขนาดนี้ ขอบคุณตัวเองที่มีชีวิตรอดเพื่อต่ออายุพระพุทธศาสนา
นายชาญชัย ศุภวีระกุล อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพาฯ เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปอยู่กับพระมนัส ระหว่างปฏิบัติการช่วยเหลือ ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าข้างขวา เปิดเผยว่า เริ่มแรกตนได้ดำเนินการโดยใช้เข็มทิศ จับทิศทาง ซึ่งจับระยะทางได้ 20 องศา จากนั้นเจ้าหน้าที่อีกส่วนได้ดำน้ำลงไป เพื่อวางไกด์ไลน์ในการเดินทางเข้าไปสู้ด้านใน เนื่องจากระดับน้ำค่อนยังคงท่วมสูง และพื้นผิวของถ้ำไม่เท่ากัน
โดยจุดที่เจอพระมนัสคือบริเวณโถงใหญ่ ลักษณะค่อนข้างกว้าง ใช้เวลาตะโกนเรียกอยู่นานพอสมควรกว่าจะตอบกลับมา ขณะที่พบพระมนัสท่านมีจิตใจเข้มแข็ง และอยากออกเต็มที่ ขณะที่พบท่านได้กล่าวว่า "เหมือนเสียงเทวดามาเรียกท่าน เลยออกมาดู" และอาการของพระในตอนนั้น มีไข้เล็กน้อย
ทั้งนี้ พระมนัสเคยมีประสบการณ์ในการดำน้ำมาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก และใช้เวลาสอนดำน้ำประมาณ 20 นาที จากนั้นได้ปฏิบัติการโดยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยประกบหน้า 2 คน หลัง 2 คน และให้พระมนัสอยู่ตรงกลาง ลักษณะคือจะวางแนวอยู่รอบท่าน 4 คน เพื่อพาพระมนัสดำน้ำลงไป ระยะเวลาในการดำน้ำ 5 นาที หลังจากที่ทีมกู้ภัยนำพระมนัสออกมาพ้นเหนือน้ำได้ มีทีมแพทย์รออยู่บริเวณผิวน้ำ
นพ.จตุพล ขุนมธุรส ผอ.โรงพยาบาลเนินมะปราง กล่าวว่า ตนเองเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ลงพื้นที่ไปรับพระอาจารย์มนัสด้วยตัวเอง อาการเบื้องต้นตอนออกมาจากถ้ำ มีอาการหนาวสั่น มีไข้เล็กน้อย คาดว่าเป็นผลมาจากสภาพอากาศด้านในถ้ำที่หนาวเย็น พระอาจารย์ติดอยู่ด้านในเป็นเวลาหลายวัน แต่สัญญาณชีพจรดี ความดันโลหิตดี จึงรีบนำตัวมายังโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉิน ได้ทำการวัดไข้ ปรากฏว่าไม่มีไข้แล้ว อุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 36.5 องศา ถือว่าปกติ นอกจากนี้ ยังได้เจาะเลือดเพื่อประเมินเกลือแร่ การติดเชื้อระดับน้ำตาลในเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ปรากฏว่าทุกอย่างก็ปกติดี ไม่มีอาการขาดอาหารแต่อย่างใด เนื่องจากมีเสบียงอาหาร
ทั้งนี้ อาการของพระอาจารย์มนัสไม่น่าเป็นห่วง คาดว่านอนดูอาการ 1 คืน วันพรุ่งนี้คงออกจากโรงพยาบาลได้ เบื้องต้นได้ให้นอนอยู่ในห้องพิเศษพร้อมกับให้น้ำเกลือ ส่วนสภาพจิตใจก็ถือว่าดีมาก เนื่องจากท่านเป็นพระนักปฏิบัติ
จากนั้นเวลา 11.45 น. เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู อาสาสมัครมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพายามยาก กู้ภัยอุทยาน และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลพัฒนาที่ 3 ร่วมกันให้ความช่วยเหลือนายวิทูล โล่ห์เดชศักดา หัวหน้าหน่วยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพายามยาก ซึ่งเป็นนักประดาน้ำที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาพลิกขณะออกมาจากถ้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลด้วยการใส่เฝือกอ่อน และนำตัวขึ้นเปลนอน ก่อนช่วยกันลำเลียงออกมาจนถึงปากถ้ำ แล้วเปลกันเชือก ก่อนช่วยกันชักรอกขึ้นมาในแนวดิ่ง จากนั้นนำตัวขึ้นรถพยาบาลเพื่อนำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนินมะปราง
นายอดิศร บำรุงกลาง อาสาสมัครมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพายามยาก ระบุว่านายวิทูล ผู้บาดเจ็บ เป็นนักประดาน้ำชุดแรกที่เข้าไป โดยการวางไลน์ดำน้ำ แล้วจึงเข้าไปรอบที่ 2 เพื่อนำตัวพระมนัสออกมา ซึ่งนายวิทูลเป็นคนดึงตัวพระมนัสออกมาในช่วงที่ดำน้ำ จากนั้นเมื่อถึงปากทาง ก็ให้ทีมช่วยเหลือรับตัวพระมนัสออกไป ส่วนตนกับนายวิทูลเดินตามออกมาพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ ระหว่างทางห่างจากปากถ้ำประมาณ 300 เมตร นายวิทูลเดินลงหลุมทำให้ขาพลิกได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเดินต่อได้
ด้านพระอาจารย์ธงชัย อาภาปะโร เล่าว่า ตนเข้าไปปฏิบัติธรรมในถ้ำพร้อมพระมนัสตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ช่วงบ่าย ตนเดินไปส่งพระมนัสที่โถงด้านใน ต้องเดินลอดมุดหินย้อยลงไป ส่วนตนเดินอกมานั่งโถงนอก ห่างกันประมาณ 100 เมตร เพราะไม่อยากนั่งใกล้กัน กลัวจะเสียสมาธิ ขณะนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าฝนจะตก แต่ขณะนั่งได้ 2 วัน น้ำเริ่มเข้ามาท่วมในถ้ำ และปิดปากถ้ำด้านใน จุดที่พระมนัสอยู่ ตนจึงรีบเดินออกมาและหาวิธีการช่วยเหลือ มีการซื้อท่อแป๊บมาเพื่อตั้งใจจะใช้ระบบกาลักน้ำ แต่น้ำเริ่มท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่สามาถช่วยเหลือได้ จนต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ
ในช่วงแรกพระมนัสนั่งอยู่ห่างจากจุดแอ่งกระทะประมาณ 100 เมตร แต่ช่วงที่น้ำเริ่มท่วมสูง คาดว่าพระมนัสน่าจะย้ายไปนั่งบนเนินซึ่งห่างจากแอ่งกระทะประมาณ 20 เมตร ตนเคยเข้าไปในถ้ำหลายครั้ง ส่วนพระมนัสเพิ่งมาเป็นครั้งที่ 3 แต่ปกติจะอยู่แค่โถงด้านนอก คาดว่าครั้งนี้เข้าไปด้านใน เพราะอยากเปลี่ยนสถานที่ในการปฏิบัติธรรม ช่วงที่เข้าไปก็ไม่ได้มีปัญหา ฟ้าใส ไม่มีใครคาดคิดว่าฝนจะตก ส่วนที่ต้องเข้าไปในถ้ำเพราะอาศัยความเงียบ