กรณีร.ต.อ.วิชัย มีขวัญ รอง สว.(สอบสวน) สน.ตลาดพลู รับแจ้งเหตุรถตกถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณทางก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกรัชดาท่าพระ ถนนรัชดาท่าพระปากซอย 17 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม.
โดยที่เกิดเหตุเป็นโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด ถนนรัชดาท่าพระ ตัดถนนราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าท่าพระ ซึ่งเป็นโครงการของกรุงเทพมหานคร มีเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ก่อสร้างอยู่เต็มพื้นผิวการจราจรฝั่งซ้ายสุด กินพื้นที่ถนน 2 เลน และเหลือถนนให้รถสัญจรได้เพียง 2 เลน
ล่าสุดวันที่ 9 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้าง โดยพบว่ามีการขุดหลุมไว้เตรียมย้ายสายไฟฟ้าแรงสูงลงสู่ใต้ดิน ระยะทางของไซต์ก่อสร้างทั้งหมดตั้งแต่ตรงข้ามหน้าเดอะมอลล์ท่าพระ 333 เมตร
โดยในพื้นที่เกิดเหตุนั้นอยู่ริมถนนซ้ายสุด ซึ่งอยู่เลยทางโค้งเพียงแค่ 20 เมตร ที่จะมุ่งหน้าไปยังท่าพระ พบว่าวันนี้มีการปิดกั้นด้วยแบริเออร์พลาสติกสีส้มเพียง 1 แท่ง ขณะเดียวกันมีการนำทรายมาเทถมไว้ก่อนถึงปากหลุม
โดยหลุมที่ทำการขุดลงไปนั้น มีระยะความยาวหลุมทั้งหมด 23 เมตร หลุมตื้นนั้นมีความกว้าง 3 เมตร ลึก 3 เมตร และหลุมลึก ความกว้าง 3 เมตร ลึก 8 เมตร อีกทั้งระยะไซต์ก่อสร้างในจุดนี้ มีระยะทางยาวประมาณ 60 เมตร โดยรวมระยะปลอดภัยที่เผื่อเอาไว้ บริเวณหน้าและหลังของก่อนถึงหลุม และหลังพ้นจากหลุม
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ นางเขมกร ก้องธนานนท์ อาม่าผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (8 เม.ย.64) โดยหลังจากที่ตนซื้อของในตลาดพลู และกำลังขับรถเดินทางกลับบ้าน โดยมีลูกชาย อายุ 26 ปี นั่งรถมาด้วย กระทั่งถึงช่วงที่ ตนกำลังเลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะเข้าสู่ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าเข้าบ้าน
โดยตนได้ขับรถด้วยความเร็วประมาณ ไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเลียบทางซ้ายมาตลอดโดย เมื่อเลี้ยวมาทางค่อนข้างมืดและทำให้มองไม่เห็นว่า เป็นพื้นที่ก่อสร้าง และเห็นว่าเป็นช่องเหมือนเลนถนนจึงขับตรงเข้าไป และรถก็ตกลงหลุมก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งตนตกใจมากคิดว่าตัวเองเสียชีวิตแล้ว
กระทั่งลูกชายพยายามช่วยพูดให้ตนสงบสติ และลูกชายก็ได้พยายามโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เข้าช่วยเหลือ เนื่องจากระยะเวลาครู่หนึ่งที่ตนตกลงไปในหลุมนั้น ไม่มีใครอยู่ข้างบนเลย เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามา และชาวบ้านพบเห็น เจ้าหน้าที่ก็ได้ถามว่า “ภายในรถมีใครเป็นอะไรไหม มีคนอยู่กี่คน” ตนก็ได้ตอบไปว่า “ไม่มีใครเป็นอะไร ลูกชายเลือดออกนิดหน่อย”
จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่กูภัย 2 คน เข้ามาเปิดประตูหลังรถ เพื่อนำตัวลูกชายออกมาจากรถคนแรก และเจ้าหน้าที่ก็ช่วยนำตนออกมา เหตุการณ์ดังกล่าวยังถือว่าตนและลูกชายโชคดีมาก ๆ เพราะได้คาดเข็มขัดนิรภัย หากไม่คาดเข็มขัด คาดว่าอาจจะเสียชีวิตก็ได้
นอกจากนี้ตนถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มาก ๆ ที่ตนตกลงไปในหลุมลึกขนาดนั้น แล้วไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ รอดชีวิตมาได้ เนื่องจากตนคิดว่าต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอย่างแน่นอน กระทั่งนำรถขึ้นออกมาได้ เห็นว่าภายในรถมีผ้ายันต์ 2 ใบ ที่ครอบครัวตนเคารพศรัทธามานานกว่า 20 ปี ได้นำมาติดไว้ในรถ นาน 10 ปี
โดยผ้ายันต์ ผืนสีเหลืองนั้น เป็นผ้ายันต์ฟ้าประทานพร จากวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี และผ้ายันต์ ผืนสีเขียว จากวิหารเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี
อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำถนนต่าง ๆ อยากให้มีป้ายไฟป้ายเตือนให้สว่างมากกว่านี้ เพราะจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ตนรู้สึกโกรธมากที่ไม่มีการป้องกันความปลอดภัยให้กับประชาชนบนท้องถนน ทั้งนี้ตนได้พูดคุยกับทางผู้บริหารที่รับผิดชอบทำถนน และได้เข้ามาขอโทษตนแล้ว ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินค่าเสียหายทั้งหมดได้ โดยจะให้ประกันจัดการประเมินต่อไป แต่ใจไม่อยากซ่อมรถคันนี้แล้ว เพราะไม่อยากใช้งานรถคนนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสุชาติ ตามวงศ์วาน หัวหน้าคุมไซต์งานก่อสร้าง เนาวรัตน์ โยธา อายุ 50 ปี กล่าวว่า ในพื้นที่ก่อสร้างมีการนำแบริเออร์มาตั้งไว้ก่อนที่จะถึงปากหลุม เป็นระยะทางกว่า 15 เมตร ส่วนระยะทางก่อสร้างสำหรับจุดดังกล่าว ประมาณ 60 เมตร ซึ่งในวันที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 20.30 น. ตนได้รับโทรศัพท์ติดต่อมาว่า รถขนทรายกำลังจะนำทรายเข้ามาถมไว้บริเวณก่อนปากหลุม
หลังจากนั้นได้มีพนักงานนำแบริเออร์ที่กั้นก่อนปากหลุมออก เพื่อที่จะให้รถบรรทุกทรายเข้ามาเททรายได้ทันที โดยไม่ทำให้การจราจรติดขัด แต่ไม่ได้มีพนักงานยืนควบคุมอยู่บริเวณนั้น เมื่อผ่านไป 10 นาที ตนก็ไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวมาได้อย่างไร ทราบอีกทีรถคันนี้พุ่งลงหลุมตื้นตกลงไปแล้ว ซึ่งถือว่ายังโชคดีที่มีการนำแผ่นเหล็กใหญ่ปิดกั้นหลุมตื้นและหลุมลึกเอาไว้ จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายมากกว่านี้
ทั้งนี้บริษัทก่อสร้าง เนาวรัตน์ โยธา ได้ตกลงไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายต่าง ๆ แล้ว โดยทางด้านผู้เสียหาย ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด ตนฝากเตือนพี่น้องประชาชนใช้รถใช้ถนน ขอให้มองดูว่าถนนที่กำลังขับนั้นเป็นพื้นที่ก่อสร้าง และมีป้ายปิดไว้หรือไม่ อยากให้สอดส่องอย่างละเอียด หากทราบว่าเข้าใกล้เขตก่อสร้าง เพื่อที่จะไม่เกิดความเสียหายต่อร่างกาย และทรัพย์สินอีกด้วย