กรณีชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 6 บ้านวังโป่ง, หมู่ 11 บ้านวังโป่งเหนือ และหมู่ 13 บ้านวังโป่งบูรพา ในพื้นที่ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ไปร่วมงานบวชในชุมชนตั้งเเต่วันที่ 28 มี.8.64 เเล้วไปกินลาบหมูดิบ ส่งผลให้ล้มป่วยเป็นไข้หูดับเกือบ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลกว่า 400 คน เเละวันที่ 1-2 เม.ย.64 มีชาวบ้านเสียชีวิตติดต่อกัน 2 คน ขณะนี้มีผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 21 คน อาการหนัก 18 คน
ล่าสุดวันที่ 9 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ หมู่ 6 บ้านวังโป่ง ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ นายวิเชียร กวนขุนทด อายุ 74 ปี เสียชีวิตวันที่ 1 เม.ย.64 เเละนายจัว แช่มขุนทด อายุ 73 ปี เสียชีวิตวันที่ 2 เม.ย.64
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางนงนุช เกียดขุนทด อายุ 49 ปี ลูกสาวของนายวิเชียร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ที่หมู่ 11 บ้านวังโป่งเหนือ มีการจัดงานบวชนาค เจ้าภาพได้เชิญพ่อให้ไปร่วมงาน เวลาประมาณ 06.30 น. พ่อเดินทางไปร่วมพิธีตัดผมนาค พร้อมกับรับประทานอาหาร เจ้าภาพเลี้ยงอาหาร 3 อย่าง คือ เเกงบอน ต้มจืด เเละลาบหมูดิบ พ่อก็รับประทานจนอิ่ม หลังจากเสร็จก็ไปทำงานรับจ้าง โดยวันเเรกยังปกติ ซึ่งพ่อร่างกายเเข็งเเรง ไม่มีโรคประจำตัว
กระทั่งเวลา 23.30 น. ของวันที่ 29 มี.ค.64 พ่อมีไข้ขึ้นสูง 39 องศาเซลเซียส หนาวสั่น อาเจียน ท้องร่วง นอกจากนี้ยังปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งตนได้พาพ่อไปที่ รพ.ด่านขุนทด ในระหว่างที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาล อาการไม่ดีขึ้น ความดันตก จนวันที่ 30 มี.ค.64 ต้องส่งต่อไปยัง รพ.มหาราชนครราชสีมา
วันที่ 31 มี.ค.64 เวลา 18.00 น. พ่อเกิดอาการช็อก ไม่ได้สติ เริ่มมีรอยจ้ำทั่วร่างกาย ไตวายเฉียบพลัน ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 1 เม.ย.64 เวลา 22.37 น. เเพทย์ระบุสาเหตุว่า "ติดเชื้อหูดับในกระเเสเลือดเฉียบพลัน"
ทั้งนี้หลังจากที่พ่อเสียชีวิต ก็รู้สึกเสียใจมาก ซึ่งตนเป็น อสม.ของชุมชน เคยอบรมในเรื่องของเชื้อโรคต่าง ๆ ในเนื้อสัตว์ ในวันงานก็ได้เตือนเเม่ครัวไปว่า "ทำดิบไม่กลัวโรคหูดับเหรอ" เเต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพ่อของตัวเอง โดยที่ผ่านมาคุณพ่อก็เคยทานลาบหมูดิบบ้างเเต่ก็ไม่บ่อย ดังนั้นขอฝากเป็นอุทาหรณ์ ขณะเดียวกันขอฝากไปถึงชาวเน็ตอย่าคอมเมนต์ซ้ำเติมครอบครัว เพราะว่า "เรื่องเเบบนี้ใครไม่เจอกับตัวก็คงไม่เข้าใจ"
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางคีมดัด แช่มขุนทด อายุ 74 ปี ภรรยาของนายจัว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.64 เวลา 07.00 น. ตนได้เดินทางไปร่วมพิธีตัดผมนาค เเละรับประทานอาหาร ซึ่งตนได้กินลาบหมูดิบไป 2 คำ อร่อยมาก จึงได้ห่อกลับบ้านมาฝาก นายจัว แช่มขุนทด อายุ 73 ปี สามี ซึ่งก็กินจนอิ่ม ต่อมาวันที่ 30 มี.ค.64 เวลา 08.00 น. สามีเริ่มมีอาการไข้ขึ้น ตัวหนาวสั่นนอนคลุมโปง คลื่นไส้ เหนื่อยหอบ ในเวลา 13.00 น. ต้องนำส่ง รพ.ด่านขุนทด ก่อนที่เวลา 15.00 น. จะถูกส่งต่อไปยัง รพ.มหาราชนครราชสีมา เเละต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
กระทั่งวันที่ 2 เม.ย.64 เวลา 18.30 น. เกิดอาการช็อก เเละเสียชีวิต แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคไข้หูดับ เกิดจากการกินเนื้อหมูดิบ ส่วนตนเริ่มมีอาการวันที่ 4 เม.ย.64 ปวดตามข้อ เเละปวดกล้ามเนื้อ เเต่ช่วงนั้นอยู่ระหว่างจัดงานศพสามี จึงยังไม่ได้ไปหาหมอ จนวันที่ 6 เม.ย.64 ได้เดินทางไปยัง รพ.สต.บ้านโป่ง ซึ่งเเพทย์ก็ได้ยาฆ่าเชื้อจนอาการดีขึ้น
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะที่ผ่านมาก็กินลาบดิบเป็นประจำ ไม่เคยเป็นอะไร เเล้วก็ไม่เคยทราบว่าเนื้อหมูมีเชื้อโรค เเต่หลังจากนี้คงไม่กล้ากินอีกเเล้ว ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ระบุว่า โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1.เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ 2.การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค จากทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา หรือสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย หลังจากได้รับเชื้อ 3-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูให้ทราบ เพราะหากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้ ซึ่งผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดัน ไต มะเร็ง หัวใจ ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสมหวัง เหมือนขุนทด อายุ 58 ปี ชาวบ้านที่กินลาบหมูดิบ จนป่วยเข้าโรงพยาบาล เปิดเผยว่า ตนไปร่วมงานบวชเมื่อวันที่ 28 มี.ค.64 ที่ผ่านมา และได้กินลาบหมูดิบเข้าไป 2 คำ เเต่ช่วงนั้นยังไม่มีอาการอะไร
จนกระทั่งวัน 31 มี.ค.64 มีอาการปากชา ไข้ขึ้นสูง ปวดตามข้อ เเละกล้ามเนื้อ รู้สึกร้อนไปทั้งตัวเหมือนไฟสุม ใจเต้นเเรง เเต่ตอนเเรกคิดว่าคงป่วยธรรมดา เเต่เป็นอยู่หลายวันก็ไม่ดีขึ้น จนวันที่ 4 เม.ย.64 ไปหาหมอที่ รพ.ด่านขุนทด เเพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ เเละให้นอนโรงพยาบาล 2 คืน จนอาการดีขึ้น ก่อนจะให้กลับบ้าน เเต่ต้องไปให้ยาฆ่าเชื้ออีกทุกวัน จนครบ 14 วัน "ป้าเป็นคนที่กินลาบหมูดิบเป็นประจำ เเต่หลังจากนี้ไม่กล้ากินลาบดิบอีกเเล้ว เเม้เเต่ลาบสุกก็ไม่กล้ากิน เพราะตอนนี้รู้สึกกลัวเนื้อหมู ไม่กินอีกเเล้ว เข็ดเเล้ว"
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปบ้านที่จัดงานบวช ในพื้นที่ หมู่ 11 บ้านวังโป่งเหนือ ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้พูดคุยกับนางสมนึก กาดขุนทด อายุ 63 ปี เจ้าภาพงานบวช เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ตนได้จัดงานบวชลูกชาย ซึ่งในวันดังกล่าวมีเเขกมาร่วมงานประมาณ 500 คน โดยสลับเวียนกันมาตลอดทั้งวัน ภายในงานก็มีการทำอาหารเลี้ยงเเขกหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลาบหมูดิบ เนื่องจากลาบหมูดิบถือเป็นเมนูยอดนิยมของชาวบ้าน ที่ผ่านมาในชุมชนเวลามีงานพิธีต่าง ๆ ก็จะมีการทำลาบหมูดิบเเบบนี้เป็นประจำอยู่เเล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหา เเต่ก็ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้
ส่วนเนื้อหมู ได้สั่งซื้อมาจากฟาร์มเเห่งหนึ่งในอ.ด่านขุนทด จำนวน 300 กิโลกรัม เพื่อทำอาหารเลี้ยงเเขก โดยก่อนหน้านั้นก็เคยมีญาติของตนจัดงานบวช เเล้วสั่งซื้อเนื้อหมูจากฟาร์มเเห่งนี้มาทำลาบดิบเช่นกัน เเต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มีโอกาสไปเยี่ยมผู้ป่วยบางรายเเล้ว ตอนนี้ตนเครียดจนนอนไม่หลับ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุเเบบนี้ ฝากขอโทษไปยังผู้ป่วยทุกคน เเละครอบครัวผู้เสียชีวิตจากใจจริง เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียน คงไม่มีใครทำเมนูลาบหมูดิบอีกเเล้ว