การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง
"ตราไก่" ฝรั่งเศส ลงสนามพบ
"ตาหมากรุก" โครเอเชีย ที่สนามลุซนิกี ประเทศรัสเซีย ก่อนเกมนี้ทัพตราไก่ที่ แชมป์โลก 1 สมัย เอาชนะเบลเบลเยียมได้ 2-0 ก่อนตีตั๋วลุ้นถ้วยได้สำเร็จ
ส่วนโครแอตที่ผ่านต้องเผชิญบททดสอบตั้งแต่รอบ 16 ทีม ด้วยการลงเล่น 120 นาที กว่า 3 เกม โดยนัดล่าสุดพลิกชนะอังกฤษ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้จารึกหน้าประวัติศาสตร์เข้าชิงฟุตบอลโลกสมัยแรก
11 ผู้เล่นฝรั่งเศส : อูโก โยริส (ผู้รักษาประตู), แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์, ราฟาเอล วาราน, ซามูเอล อุมติตี้, ลูกาส์ เออร์น็องเดซ, เอ็นโกโล ก็องเต้, คีเลียน เอ็มบัปเป้, แบลส มาตุยดี้, ปอล ป๊อกบา, อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์
11 ผู้เล่นโครเอเชีย : ดานิเยล ซูบาซิช (ผู้รักษาประตู), ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วิด้า, อิวาน สตรินิช, อิวาน ราคิติช, มาร์เซโล โบรโซวิช, อันเต เรบิช, ลูก้า โมดริช, อิวาน เปริซิช, มาริโอ มานด์ชูคิช
เริ่มเกมเป็นโครเอเชียที่ครองบอลโหมบุกหวังทำประตูเร็ว ส่วนฝรั่งเศสทำได้เพียงตั้งรับพร้อมสวนกลับเป็นระยะๆ นาที 17 มาร์เซโล โบรโซวิช ทำฟาวล์ อองตวน กรีซมันน์ หน้ากรอบเขตโทษ เจ้าตัวลุกขึ้นมาปั่นฟรีคิก แต่ มาริโอ มานด์ชูคิช สกัดพลาดโหม่งเข้าประตูตัวเอง ทำให้ฝรั่งเศสขึ้นนำ 1-0
นาที 28 แฟนตราหมากรุกได้เฮ เมื่อ โดมากอย วิด้า ผ่านบอลให้ อิวาน เปริซิช จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยซ้ายเป็นประตูไล่ตีเสมอ 1-1 แต่แล้วนาที 34 อิวาน เปริซิซ ถูกจับแฮนด์บอลในเขตโทษ ผู้ตัดสินดูวีเออาร์ก่อนเป่าเป็นลูกจุดโทษในนาที 38 อองตวน กรีซมันน์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ตราไก่ขึ้นนำ 2-1 พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังยังคงเป็นโครเอเชียที่เดินหน้าบุกต่อนื่อง แต่แล้วนาที 60 ฝรั่งเศสขึ้นเกมเร็วทางฝั่งขวา คีเลียน เอ็มบัปเป้ ผ่านบอลให้ กรีซมันน์ ก่อนจ่ายให้ ปอล ป๊อกบา ยิงโล่งๆ เป็นประตูนำห่าง 3-1 และนาที 65 ลูกาส์ เออร์น็องเดซ ผ่านบอลเข้ากลางให้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ สับไกบอลเข้าไปตุงตาข่ายนำห่าง 4-1
แต่นาที 69 อูโก โยริส ล็อกหลบหน้าปากประตู เตะบอลไปเข้าทาง มาริโอ มานด์ชูคิช เป็นประตูไล่ขึ้นมา 4-2 เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม ฝรั่งเศส ชนะ โครเอเชีย 4-2
โดย
ฝรั่งเศส คว้าถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกไปครองเป็นสมัยที่ 2 หลังเคยทำได้ในปี 1998 ที่เป็นเจ้าภาพ ส่วนโครเอเชียสร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงเป็นสมัยแรก แต่ต้องอกหักคว้าที่สองกลับบ้าน
